8 ธ.ค. เวลา 07:46 • ข่าว

เจนเซ่น หวงตกอยู่ในภาวะวิตกจริต ต้องทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์เพราะกลัว Nvidia เจ๊ง

ใครที่เคยคิดว่า หากเราได้เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าของธุรกิจสักหมื่นล้าน เราคงจะได้เกษียณก่อน ตอนยังเป็นหนุ่ม-สาว เพื่อไปใช้ชีวิตที่สุขสบายในแบบของเราได้
แต่ในชีวิตจริง อาจเป็นตรงกันข้ามกันก็ได้ กลายเป็นว่า ยิ่งรวย ยิ่งเครียด ยิ่งทำงานหนักกว่าสมัยสร้างตัวหลายเท่า และมันเกิดขึ้นแล้วกับ เจนเซ่น หวง หัวเรือใหญ่ของ Nvidia บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกในปัจจุบัน
เจนเซ่น หวง ได้เปิดเผยเรื่องนี้ผ่านรายกาย podcast - The Joe Rogan Experience เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาทำงานไม่หยุดตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องมาหลายปี ภายใต้ความรู้สึกกดดันมหาศาล และความวิตกกังวลรุนแรงว่าบริษัท Nvidia เสี่ยงต่อสภาวะล้มละลาย แม้ว่าบริษัทจะเติบโตอย่างมากจนกลายเป็นธุรกิจมูลค่า 5 ล้านล้านเหรียญบริษัทแรกของโลก แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อการทำงานไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
1
และเขาทำงานด้วยความคิดว่า Nvidia พร้อมที่จะเจ๊งได้ทุกเมื่อมาโดยตลอด เช่นเดียวกับวลีที่เขาจำขึ้นใจมาตลอด 33 ปีว่า "อีก 30 วันก็เจ๊งแล้ว" แม้ทุกวันนี้ คงไม่มีใครนึกภาพออกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ Nvidia จะเจ๊งภายใน 30 วันได้อย่างไร แต่ เจนเซ่น หวง กลับยิ่งรู้สึกถึงความเปราะบาง ความไม่แน่นอน และความไม่มั่นคงของมัน ที่ผลักดันให้เขาตกอยู่ในสภาวะความวิตกกังวลทางอารมณ์ (State of Anxiety)
"ผมทำงานทุกวัน ลุกขึ้นมาเช็คอีเมล์แต่เช้าตรู่ ทุกวันเข้าโหมด ทำงาน ทำงาน ทำงาน ไม่หยุดเลยสักวัน แม้แต่ช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หรือ วันคริสต์มาส แม้กิจวัตรประจำวันของเขาสร้างความเหนื่อยล้า และ วิตกกังวลอยู่เสมอ แต่ด้วยความกังวลนั้น กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องลุกขึ้นมาทำงาน เพราะกลัวความล้มเหลว มากกว่าความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ หรือ ความโลภ เสียอีก"
และความกลัวของเขามีที่มาจากความล้มเหลวอดีต เมื่อย้อนกลับไปช่วงกลางทศวรรษที่ 90s Nvidia เกิดข้อผิดพลาดในการผลิตชิปที่จะนำไปใช้สำหรับเครื่องเล่มเกมคอนโซลรุ่นต่อไปของ Sega
อีกทั้งบริษัทมีทุนสำรองไปพอสำหรับการพัฒนาชิปตัวใหม่ เจนเซ่น หวง เล่าว่า เขาต้องบินไปพบ CEO ของ Sega เพื่อแจ้งข่าวร้ายว่าชิปของบริษัทไม่สามารถใช้งานกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ Sega ได้ ที่จะส่งผลให้แผนการตลาดต้องถูกยกเลิก
นอกจากนี้ เขายังต้องยอมรับกับประธาน Sega อีกด้วยว่า เขาต้องการเงินทุนเพิ่มอีก 5 ล้านดออลาร์จาก Sega เพื่อความอยู่รอดของ Nvidia ซึ่งทาง Sega ยินดีช่วยเหลือในรูปแบบของการร่วมลงทุนที่ทำให้ Nvidia สามารถรอดวิกฤติครั้งนั้นมาได้
เจนเซ่น กล่าว่า ช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ที่ต้องมีความทุกข์ทรมานเป็นเพื่อนร่วมทางคนหนึ่งของคุณ และคุณจะยิ่งซาบซึ้งกับมันขึ้นไปอีกถ้าคุณสามารถผ่านมันมาได้ด้วยดี กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เขาผ่านความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานมากมากมาย ทำให้เขามีความยืดหยุ่นและสร้างความคาดหวังบนพื้นฐานความเป็นจริง
และยังทำให้ความวิตกกังวลในธุรกิจ Nvidia ไม่เคยหายไปจากใจเขาแม้บริษัทจะประสบความสำเร็จในระดับโลกมากมายแค่ไหนก็ตาม
1
และค่านิยมเรื่องการทำงานหนักของ เจนเซ่น หวง ก็ได้ส่งผ่านมาถึงลูกทั้ง 2 คนของเขาด้วย ที่ตอนนี้ต้องเข้ามาทำงานเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทของพ่อในวัยล่วง 30 ปี และพวกเขาก็ต้องทำงาน "ทุกวัน" เช่นเดียวกัน
1
เจนเซ่น กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ พวกเขา 3 คน พ่อลูกก็ทำงานกัน 7 วัน/สัปดาห์ และหากพวกเขาต้องการทำงานกับผม ก็ต้องทำงานหนักเช่นกัน
ชีวิตเบื้องหลังของ เจนเซ่น หวง อาจไม่ใช่ภาพในความคิดของคนทั่วไปที่มองถึงคนที่มีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และไม่มีคำว่า Work-life balance ในตำราชีวิตของเขา แม้แต่คำว่าเกษียณยังไม่หลุดจากปากผู้บริหารบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก วัย 62 คนนี้
1
และเป็นเคสที่น่าสนใจ ที่เคยคิดว่าคนเราจะสามารถวางมือได้เมื่อถึงจุดสูงสุดในชีวิต อาจไม่จริงเสมอไป ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกขับเคลื่อนด้วย "ความกลัว" กับความรู้สึกที่จะต้องหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ตลอดเวลา แม้จะมี หรือไม่มีอันตรายนั้นอยู่ตรงหน้าก็ตาม
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา