8 ธ.ค. เวลา 23:46 • ความคิดเห็น
การหลอกลวง ถ้าแบ่งเป็นสองฝั่งคือ คนหลอก กับ คนโดนหลอก
จากฝั่งคนหลอก เขาใช้อะไรเป็นเครื่องมือ
– ที่ติดท็อปเลยคือความโลภกับความกลัว
– รองลงมาก็คือภาพลักษณ์ สร้างอุปทานหมู่ social proof
– ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเกรงใจ บุญคุณในอดีต
– ความสงสัยคลุมเครือ กระตุกต่อมอยากรู้อยากเห็น
– เร่งรัดให้ตัดสินใจ time limitation ความเสียดาย
1
ทีนี้พอเป็นฝั่งคนโดนหลอก ก็แล้วแต่ว่าคนๆนั้นมีจุดอ่อนด้านไหน เรื่องอะไร
  • ยากดีมีจน — ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนจ้ะ
  • รู้มาก-รู้น้อย — ไม่ได้บ้งเท่าการคิดว่าตนรู้ดี รู้ไปหมด เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต
  • ความมีเหตุผล — มีก็ย่อมดีกว่าไม่มีอยู่แล้วหนา แต่คนเราจะควบคุมสมองซีกอารมณ์ความรู้สึกได้ตลอดเวลารึ!! ความมีเหตุผลที่หมายถึงตรรกะวิจารณญาณ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แถมยังไม่ใช่อะไรที่ "มีแล้วมีเลย" แต่ค่อยๆสะสมจากการหมั่นเรียนรู้ ฝึกฝน และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เจอโจทย์หลายๆแบบ
  • การปฏิบัติธรรม — เพื่อให้รู้เท่าทันตนเอง รู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึก แต่พึงควบคู่ไปกับการรู้เท่าทันโลก ตามจังหวะของโลก ไม่ได้มองว่าธรรมะเป็นยาวิเศษครอบจักรวาล หรือเอาแต่หมกมุ่นในทางธรรมจนไม่สนโลก เพราะนั่นก็จะไม่ต่างจากการโอเวอร์โดสขนานยาที่แปะฉลากธรรมะ
คนเราไม่ค่อยรู้จุดอ่อนของตัวเองค่ะ หรือถึงจะบอกว่าตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท แต่ใครจะสามารถตั้ง guard ได้ตลอดเวลาล่ะคะ..ใช่มั้ยล่ะ!! คนจ้องจะหลอกมันก็จะหาช่องจนได้นั่นแล
วันซวยคืนซวยโดนหลอกขึ้นมาก็รีบตั้งสติเพื่อ → จำกัดวงความเสียหาย → ถอดบทเรียน → ยอมรับความจริงแต่อย่าโทษตัวเอง → ไม่ยึดติดกับสิ่งที่สูญเสีย → แล้วก็มูฟออนแบบไม่เร่งไม่ยื้อค่ะ
1
โฆษณา