Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เด็กชายตะวัน
•
ติดตาม
9 ธ.ค. เวลา 11:53 • หนังสือ
ข้อที่ 1 ความคิด ทัศนคติ เป็นพื้นฐานในทุกความสัมพันธ์
สวัสดีทุกคน หลังจากที่ผมตัดสินใจจบกับความสัมพันธ์ครั้งล่าสุด ผมมีโอกาสได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่ผมได้เรียนรู้จากรักครั้งเก่า ผมเลยอยากแชร์สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ให้กับทุกคน เพราะผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์ให้ไม่มากก็น้อย.
บทความนี้ผมขอเรียบเรียงข้อเเรกจาก 22 ข้อ ข้อนั้นก็คือความคิด ทัศนคตินั่นเอง เป็นข้อที่สำคัญที่สุดในทุกๆความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะคู่รัก เพื่อน ครอบครัว ฯลฯ แต่ในบทความนี้ผมจะพูดถึงเฉพาะในคู่รักนะครับ
ความคิด ทัศนคติเป็นกระจกสะท้อนถึงภายในจิตใจลึกๆ ที่แสดงออกมาให้เห็นถึง ความเข้าใจในสิ่งต่างๆของบุคคลและทำให้เห็นถึงมุมมองต่อโลกต่อสังคมหรือแม้กระทั่งมุมมองต่อคนรัก เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าชีวิตของคนคนนั้นจะไปต่อในทิศทางไหนจะสามารถพัฒนาในทางที่ถูกต้องได้หรือไม่ อีกทั้งทำให้เห็นว่าชีวิตคู่จะสามารถลงรอยและไปทิศทางเดียวกันได้มากน้อยแค่ไหน
จากความรักครั้งนี้ ทำให้ผมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้มีผลต่อชีวิตคู่เป็นอย่างมากเพราะทั้งผมและเขาความคิด ทัศนคติ มุมมอง ความเข้าใจต่างกันอย่างคนละขั้ว จึงเกิดการทะเลาะกันบ่อยบ่อยจากความไม่เข้าใจกันอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ทุกคนก็คิดว่าผมควรจะคุยกันดีๆ ค่อยๆปรับความเข้าใจกันก็จะจูนเข้ากันได้ ทุกคนก็คิดไม่ผิดหรอกครับเพราะผมก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะยังไงคนเราก็เกิดมาต่างพ่อต่างแม่อยู่แล้ว แต่กรณีนี้ผมพูดถึงความแตกต่างที่เกิดจากพื้นฐานที่เติบโตมา ทั้งสภาพสังคม ค่านิยม การถูกปลูกฝังความคิด อคติ นิสัยส่วนตัว ฯลฯ เพราะความคิดหรือทัศนคติไม่ใช่เรื่องที่สร้างแค่วันหรือสองวัน เดือนหรือสองเดือน แต่เป็นระยะเวลาตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่รู้ความถึงปัจจุบันนี้ การจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างจึงค่อนข้างยากและใช้เวลานาน
ผมลองยกตัวอย่าง 2 แบบ ถึงเหตุผลที่ไม่เข้าใจกันเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ
แบบที่ 1 ไม่เข้าใจในเหตุการณ์ การกระทำอีกฝ่ายหรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น
อะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายทำ พูด หรือตัดสินใจ บางทีเราก็อาจไม่เข้าใจ จนคิดไปเองอีกทางและเกิดการทะเลาะ อย่างที่ผมบอกไปว่าเราเกิดมาคนละพ่อคนละแม่จึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ทั้งสองฝ่ายก็จะตกผลึกความคิดที่รับรู้ได้ว่าเหตุผลจริงๆคืออะไร เมื่อมีเหตุการณ์คล้ายๆกันก็จะจัดการอารมณ์ของตัวเองได้และเข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่ายอย่างไม่มีอคติ
ส่วนแบบที่ 2 ไม่เข้าใจกันเพราะพื้นฐานความคิด การมองโลก และทัศนคติที่ต่างกัน
คู่รักที่ประสบกับข้อนี้ เมื่อมีความไม่เข้าใจกัน ทั้งสองมักจะนำเหตุผลมาใช้อย่างไม่ลงรอยกัน จนเกิดเป็นความขัดแย้ง พอนานๆไปก็จะกลายเป็นอคติต่ออีกฝ่าย ซึ่งต่อให้ปรับแก้แค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าใจกันได้อย่างถ่องแท้ เหตุผลคือทั้งสองไม่ได้ไม่เข้าใจกันเพราะเหตุที่ที่เกิด แต่เพราะมุมมองต่อสิ่ง เหตุการณ์นั้นต่างกัน หรือต่อให้จบเรื่องความไม่เข้าใจกัน ณ ปัจจุบันไปได้ แต่พอเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันก็จะเกิดความขัดแย้งและต้องอธิบายซ้ำๆอีก
อย่างที่ผมบอกไปว่าความคิด ทัศนคติไ ม่ได้สร้างขึ้นเพียงแค่ปีหรือสองปี แต่เกิดจากการตกผลึกจากตลอดชีวิตที่ผ่านมา การที่เราจะฝืนปรับกันมันจะเหนื่อยและใช้พลังงานในปริมาณมาก
ยิ่งหากอีกฝ่ายยังยึดติดกับสิ่งเดิมๆ วงจรความคิดเดิมๆ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับแก้ ดังนั้นการจะเลือกใครควรพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและเข้าใจความคิดอีกฝ่ายให้มากๆ เพื่อชีวิตคู่ที่ดีในอนาคต และเพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป
นี่เป็นข้อแรกจาก 22 ข้อ ที่ผมได้เรียนรู้จากความรักครั้งล่าสุดของผมเป็นประสบการณ์โดยตรงของผมหากคนที่ผ่านมาเห็นบทความนี้และได้อ่านจนถึงตอนนี้ก็ขอให้มีชีวิตที่ดี หรือหากดีแล้วก็ขอให้ดีขึ้นกว่าเดิมฝากติดตามเรื่องราวประสบการณ์ของผมด้วยนะครับ
ถ้ามีข้อคิดเห็นหรือเห็นต่างอะไรก็คอมเม้นต์ไว้ได้นะครับ
ขอบคุณครับ. จากเด็กชายตะวัน
ความรัก
ความรักความสัมพันธ์
เรียนรู้ชีวิต
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย