12 ธ.ค. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ 31.63 บาท “แข็งค่าขึ้น”จับตาผลหลังประกาศยุบสภา

ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ จับตาผลหลังนายกประกาศยุบสภา
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.77 บาทต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 31.60-31.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปี 2026 มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
ล่าสุด นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้อานิสงส์จากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มเผชิญความไม่แน่นอน จากประเด็นความกังวลต่อผลประกอบการของหุ้นธีม AI รายใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งส่งผลกดดันให้ บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังพอได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้น AI ใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งกดดันให้บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง ส่งผลโดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.21% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.25%
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบ 4.10%-4.16% แม้ผู้เล่นในตลาดจะเชื่อว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2026 มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด แต่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้
โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทิศทางตลาดการเงินโดยรวมที่ปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลผลประกอบการของหุ้น AI ใหญ่ อย่าง Oracle มากขึ้น รวมถึงแนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
โดยเรายังคงแนะนำให้ ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เน้นในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเท่านั้น อาทิ ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% ก็จะเป็นระดับที่มีความน่าสนใจ และสามารถทยอยเข้าซื้อได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเพิ่มเติม หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 98.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.1-98.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ในปี 2026 มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
กอปรกับภาวะระมัดระวังตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้น AI อย่าง Oracle ยังคงช่วยให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้น สู่โซน 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง รวมถึงสถานการณ์การเมืองไทย หลังนายกฯ ได้ประกาศยุบสภา ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังร้อนแรงอยู่
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมั่นใจว่า เงินบาท (USDTHB) ยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสที่จะแข็งค่ามากกว่าระดับ สิ้นปีแถว 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 ได้ (สามารถอ่านได้ใน LineOA หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) โดยจากการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในช่วงนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ในส่วนของเงินดอลลาร์ก็อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ทว่า อาจต้องรอติดตามบรรยากาศในตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นธีม AI อย่าง Oracle มากขึ้น
ทำให้ หากตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ก็อาจหนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ และช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แต่ภาวะดังกล่าวจะหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้มากน้อยเพียงใด อาจต้องติดตามว่า ผู้เล่นในตลาดจะเลือกถือครองเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือเลือกจะที่หลบความผันผวนในเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย หลังนายกฯ ได้ประกาศยุบสภา แม้จะเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน อย่าง สถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ หากบรรดาผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น)
ส่วนนักลงทุนต่างชาติก็อาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้บ้าง โดยอาจจะเน้นที่ฝั่งหุ้นเป็นหลัก เนื่องจากในส่วนบอนด์นั้น การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บอนด์ระยะยาวไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังมั่นใจว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้
เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026)
และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่ ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 31.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 31.78 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังตลาดประเมินถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ว่า เฟดมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมและอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 98 จุด
ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ในปี 2026 ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนสำคัญทำให้ค่าเงินบาทอาจทดสอบระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ได้เร็ว ๆ นี้
ในช่วงนี้ตลาดรอผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์หน้าก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองเงินบาทที่ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญได้ต่อไป
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนตามราคาทองคำ และเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทย โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.50-31.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 889 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 2,345 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 31.50 - 31.80 แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 31.80
EUR/THB 37.00-37.40 แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 37.40
JPY/THB 0.2010_0.2050 แนะนำ ทยอยขาย 0.2050
กรอบค่าเงินบาทวันนี้
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์
  • เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อช่วงข้ามคืน หลังเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ ออกมาที่ 236,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
  • นายกฯ อนุทินประกาศยุบสภาฯ หลังวานนี้มีมติให้ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยจะจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน
  • จีนจะคงมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป แต่จะเลี่ยงออกมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ในปีหน้า ตามรายงานการประชุม Central Economic Work Conference
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา