Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Watcher
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 03:27 • คริปโทเคอร์เรนซี
การก้าวสู่โลกธนาคารของยักษ์ใหญ่คริปโต: สัญญาณเปลี่ยนเกมการเงินโลก
การอนุมัติแบบมีเงื่อนไขจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารสหรัฐ (OCC) ให้บริษัทคริปโตชั้นนำ 5 รายเข้าใกล้การเป็น “ธนาคารภายใต้กฎหมายกลาง” ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการบรรจบกันระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมการแข่งขันในระบบการเงินทั่วโลกในระยะถัดไป
จากแพลตฟอร์มคริปโต สู่สถาบันการเงินภายใต้กฎหมายกลาง
การได้รับสถานะเป็น “national trust bank” แบบมีเงื่อนไข ช่วยยกระดับบริษัทคริปโตจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีทั่วไป ให้เข้าไปยืนอยู่ในกรอบสถาบันการเงินที่ได้รับการยอมรับในระบบธนาคารสหรัฐ แม้จะยังไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ แต่การเข้าอยู่ใต้ร่มกฎหมายระดับชาติสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งสถาบันและลูกค้าองค์กร ที่มองหาคู่ค้าที่มีสถานะทางกฎหมายชัดเจนมากขึ้น นี่จึงไม่ใช่แค่ “ติ๊กกล่องด้านใบอนุญาต” แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าระบบการเงินกระแสหลักเริ่มยอมรับบทบาทของผู้เล่นคริปโตในเชิงโครงสร้าง
ใครคือผู้เล่นหลักที่ได้สิทธิ์
บริษัทที่ได้รับไฟเขียวในรอบนี้ล้วนเป็นชื่อใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานตลาดคริปโตอยู่แล้ว Circle ผู้อยู่เบื้องหลัง stablecoin USDC และ Ripple ผู้พัฒนาโครงข่ายสำหรับชำระเงินระหว่างประเทศ ได้รับอนุมัติให้ตั้งธนาคารทรัสต์ระดับชาติภายใต้ชื่อใหม่ที่สะท้อนการขยับสู่โลกธนาคารมากขึ้น ขณะเดียวกัน Paxos, BitGo และ Fidelity Digital Assets ซึ่งเดิมมีใบอนุญาตในระดับรัฐ ก็ได้รับโอกาสแปลงสภาพมาอยู่ในกรอบ “national trust” ที่มีน้ำหนักมากกว่าในมุมมองนักลงทุนสถาบัน
National trust bank คืออะไร และทำอะไรได้บ้าง
แม้คำว่า “bank” จะฟังดูยิ่งใหญ่ แต่สถานะ national trust bank มีข้อจำกัดชัดเจนเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ บริษัทเหล่านี้ยังไม่สามารถปล่อยกู้หรือรับฝากเงินแบบบัญชีออมทรัพย์/กระแสรายวัน และโดยทั่วไปบัญชีลูกค้ามักไม่ได้รับประกันเงินฝากจาก FDIC เหมือนธนาคารทั่วไป บทบาทหลักจะอยู่ที่การดูแลทรัพย์สิน (custody), การจัดการธุรกรรมและการชำระเงิน รวมถึงการเคลียร์และชำระธุรกรรมเฉพาะด้านให้กับลูกค้าองค์กรและสถาบัน
ในมุมของตลาด นี่เทียบได้กับ “โครงสร้างพื้นฐานเบื้องหลัง” ของระบบการเงิน มากกว่าจะเป็น front-end ที่ผู้บริโภคทั่วไปใช้เปิดบัญชีหรือขอสินเชื่อ แต่การคุม backend ของสินทรัพย์ดิจิทัลและ stablecoin ในระดับโครงสร้างนี้เอง ที่อาจกลายเป็นจุดได้เปรียบเหนือธนาคารดั้งเดิมในอนาคต โดยเฉพาะในโลกการโอนและชำระเงินข้ามพรมแดน
เงื่อนไข กรอบกำกับ และข้อจำกัดที่ต้องจับตา
การอนุมัติครั้งนี้ยังเป็นเพียง “แบบมีเงื่อนไข” ไม่ใช่ใบผ่านตลอดถาวร บริษัทที่ได้รับอนุมัติต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเงินกองทุน สภาพคล่อง และข้อจำกัดด้านขอบเขตธุรกิจที่ OCC ระบุอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ การดำเนินงานยังถูกผูกกับกรอบกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ stablecoin และโครงสร้างตลาดคริปโต เช่น กฎหมายในลักษณะ GENIUS Act ซึ่งวางกรอบการใช้ stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์ภายใต้การกำกับของเฟดและหน่วยงานอื่น
ความไม่แน่นอนอีกชั้นคือ OCC ยังสามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขหรือระงับการอนุมัติได้ หากเห็นว่าบริษัทไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ตามมาตรฐานที่วางไว้ กล่าวคือ แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังเป็นก้าวที่ต้องเดินบนเส้นบางๆ ระหว่างการยอมรับนวัตกรรมกับการควบคุมความเสี่ยงระบบการเงิน
นัยต่ออุตสาหกรรมคริปโตและโลกการเงิน
ในเชิงสัญลักษณ์ นี่คือข้อความชัดเจนจากผู้กำกับดูแลว่า เป้าหมายไม่ใช่การกันคริปโตออกจากระบบ แต่คือการดึงผู้เล่นหลักเข้ามาอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเดียวกับสถาบันการเงินดั้งเดิม สิ่งนี้ช่วยลดช่องว่างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในธุรกิจ custody, การชำระเงิน และโครงสร้างพื้นฐานตลาด ที่ต้องการ counterparties ซึ่งถูกกำกับชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การที่สถานะยังไม่ถึงขั้นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ก็สะท้อนความกังวลของผู้กำกับดูแลและธนาคารดั้งเดิม ที่ไม่ต้องการให้ผู้เล่นคริปโตเข้ามาแข่งขันในผลิตภัณฑ์ “ฝาก–กู้–จ่าย” โดยตรงในทันที ในระยะสั้น โอกาสหลักอาจอยู่ที่การสร้าง narrative ใหม่ด้าน “crypto banking infrastructure” ซึ่งอาจเอื้อต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ stablecoin, การดูแลสินทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน มากกว่าการเปลี่ยนเกม retail banking ทันที
ลงทุน
เศรษฐกิจ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย