เมื่อวาน เวลา 06:28 • การศึกษา

Django คืออะไร

โดย
ในโลกของการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่เต็มไปด้วยตัวเลือกมากมาย การเลือกเฟรมเวิร์กที่ "ถูกต้อง" และ "ครอบคลุม" มักเป็นคำถามแรกที่นักพัฒนาต้องตอบ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มองหาเฟรมเวิร์กที่มั่นคง ปลอดภัย และ มาพร้อมกับทุกสิ่งที่คุณต้องการในกล่องเดียว (Batteries-Included)
Django คือคำตอบที่น่าจับตามากที่สุดตัวหนึ่ง สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญจากห้องข่าวและ ผ่านการทดสอบโดยแอปพลิเคชันระดับโลกอย่าง Instagram และ Pinterest
1
  • ​Django คืออะไร
Django คือ เฟรมเวิร์กสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันระดับสูง (High-Level Web Framework) ที่ใช้ภาษา Python โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว และ มีโครงสร้างที่ชัดเจน
ปรัชญาหลักของ Django คือ "Batteries-Included" ซึ่งหมายความว่าเครื่องมือ และ ไลบรารีที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันทั่วไป (เช่น ระบบผู้ใช้, ระบบจัดการ Admin, ระบบความปลอดภัย, ORM) ถูกบรรจุมาพร้อมในเฟรมเวิร์กตั้งแต่แรกแล้ว
💡 เปรียบเทียบให้เห็นภาพ หากการสร้างเว็บแอปพลิเคชันเปรียบเสมือนการสร้างบ้าน
เฟรมเวิร์กแบบเบา (Micro-framework) จะให้คุณเพียงก้อนอิฐและปูน (คุณต้องออกแบบ และ สร้างทุกอย่างเอง) ในขณะที่ Django มอบให้คุณทั้ง แบบแปลนบ้านสำเร็จรูป, วัสดุก่อสร้างครบชุด และ ช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คุณปรับแต่งต่อได้ตามต้องการ
  • ​Django ทำงานอย่างไร
Django ทำงานบนสถาปัตยกรรม MTV (Model-Template-View) ซึ่งเป็นรูปแบบคลาสสิกที่แยกส่วนการทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน คล้ายกับ MVC (Model-View-Controller)
1) Model (โมเดล)
○ หน้าที่: เป็นตัวแทนของโครงสร้างข้อมูลในฐานข้อมูล
○ การทำงาน: คุณสามารถกำหนดโครงสร้างข้อมูล (เช่น ตารางผู้ใช้, บทความ) ได้โดยเขียนเป็นคลาส Python ง่ายๆ Django จะจัดการแปลงคลาสเหล่านี้เป็นคำสั่ง SQL และ สร้างตารางในฐานข้อมูลให้อัตโนมัติ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า ORM (Object-Relational Mapper)
○ ตัวอย่าง: การสร้างโมเดล "บทความ" ที่มีฟิลด์ หัวเรื่อง, เนื้อหา, วันที่เผยแพร่ และ ผู้เขียน
2) Template (เทมเพลต)
○ หน้าที่: ดูแลเกี่ยวกับการแสดงผล หรือ ส่วนติดต่อผู้ใช้ (Frontend)
○ การทำงาน: เป็นไฟล์ HTML ที่มี Syntax พิเศษของ Django (Template Language) สำหรับแทรกข้อมูลจาก View
○ ตัวอย่าง: เทมเพลตสำหรับแสดงรายการบทความ โดยใช้ลูปเพื่อดึงข้อมูลบทความแต่ละรายการจาก View มาแสดง
3) View (วิว)
○ หน้าที่: เป็นตัวกลางประมวลผลหลัก รับคำขอ (Request) จากผู้ใช้ ประมวลผลทางตรรกะ ดึงข้อมูลจากโมเดล และ ส่งข้อมูลไปแสดงผลที่เทมเพลต
○ การทำงาน: เขียนเป็นฟังก์ชัน หรือ คลาสใน Python ทำหน้าที่เป็น Business Logic ของแอปพลิเคชัน
○ ตัวอย่าง: ฟังก์ชัน article_list ที่ดึงข้อมูลบทความทั้งหมดจากฐานข้อมูล และ ส่งข้อมูลนั้นไปยังเทมเพลต article_list.html
💡 การไหลของข้อมูล
ผู้ใช้ส่งคำขอ → URLConf (ไฟล์กำหนดเส้นทาง) ชี้ไปยัง View ที่เหมาะสม → View เรียกข้อมูลจาก Model → View ส่งข้อมูลไปยัง Template → Template แสดงผลเป็น HTML ส่งกลับไปให้ผู้ใช้
  • ​ประเภทของงานที่เหมาะสำหรับ Django
1) แพลตฟอร์มเนื้อหา (Content Management Systems - CMS): เว็บข่าว, บล็อก, เว็บนิตยสาร
2) แอปพลิเคชันทางการค้าและอีคอมเมิร์ซ: ระบบร้านค้าออนไลน์, แพลตฟอร์ม Marketplace
3) แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์: เว็บไซต์ชุมชน, ฟอรัม, เว็บประเมินและรีวิว
4) แอปพลิเคชันระดับองค์กร: (Enterprise Applications) ระบบจัดการทรัพยากรภายใน, ระบบจองห้องประชุม, แพลตฟอร์ม e-Learning
5) แพลตฟอร์มที่เน้นข้อมูล (Data-Driven Platforms): เว็บไซต์ที่ต้องมีการกรอกแบบฟอร์ม และ รายงานผลจำนวนมาก
  • ​ประโยชน์
✅️ พัฒนารวดเร็ว (Rapid Development):
หลักการ "Batteries-Included" และ เครื่องมืออัตโนมัติ (เช่น admin interface, ORM) ลดขั้นตอนการพัฒนา ช่วยให้คุณสามารถสร้างโปรโตไทป์ และ MVP ได้อย่างรวดเร็ว
✅️ ความปลอดภัยชั้นนำ Django ตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอย่างดี และ มีกลไกป้องกันภัยคุกคามทั่วไปในตัว เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS), Cross-Site Request Forgery (CSRF)
✅️ Scalable และมีโครงสร้างชัดเจน
สถาปัตยกรรม MTV ที่แยกส่วนอย่างชัดเจน ทำให้โค้ดเป็นระเบียบ รองรับการทำงานเป็นทีมใหญ่ และ สามารถขยายขนาดแอปพลิเคชันได้ง่าย
✅️ ระบบจัดการ Admin อัตโนมัติ
เป็นคุณสมบัติที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง เพียงกำหนดโมเดลข้อมูล Django จะสร้างหน้าเว็บอินเตอร์เฟซสำหรับผู้ดูแลระบบ (Admin Panel) ให้อัตโนมัติ เพื่อจัดการข้อมูล (เพิ่ม-ลบ-แก้ไข) ได้ทันทีโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่ม
✅️ ชุมชนและเอกสารที่ยอดเยี่ยม
Django มีชุมชนที่แข็งแกร่งและ เอกสารทางการ (Documentation) ที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในวงการโอเพนซอร์ส ทำให้การเรียน และ การแก้ปัญหาเป็นไปได้ง่าย
  • ​ตัวอย่างการใช้งาน
สมมติว่าเราต้องการสร้างเว็บบล็อกส่วนตัวด้วย Django
1) เริ่มโครงการ
ใช้คำสั่ง django-admin startproject myblog เพื่อสร้างโครงโครงการ
2) สร้างแอปพลิเคชัน "บทความ"
ใช้คำสั่ง python manage.py startapp articles เพื่อสร้างโมดูลย่อยสำหรับจัดการบทความ
3) ออกแบบโมเดล
ในไฟล์ models.py ของแอป articles เรากำหนดคลาส Article ที่มีฟิลด์เช่น title, content, published_date
4) สร้างและย้ายฐานข้อมูล รันคำสั่งเพื่อสร้างตารางฐานข้อมูลจากโมเดลที่ออกแบบไว้ (python manage.py makemigrations และ python manage.py migrate)
5) ลงทะเบียนโมเดลกับ Admin
เพิ่มโมเดล Article ลงในไฟล์ admin.py เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเข้าไปที่ /admin เพื่อเขียน โพสต์ และ จัดการบทความทั้งหมดได้ทันที
6) สร้าง View และ Template
เขียนฟังก์ชัน View เพื่อดึงบทความล่าสุด และ สร้างไฟล์ Template (HTML) สำหรับแสดงผล
7) กำหนดเส้นทาง URL กำหนดว่าเส้นทางหน้าแรก (/) จะให้แสดง View ไหน
เพียงไม่กี่ขั้นตอน เราก็ได้เว็บบล็อกที่มีระบบหลังบ้าน (Admin Panel) ที่สมบูรณ์ พร้อมฐานข้อมูล และ โครงสร้างที่พร้อมขยายต่อได้
✏️ Shoper Gamer
  • ​Python คืออะไร 👇
  • ​รูปแบบข้อมูลพื้นฐานที่ SQL รองรับบน Django 👇
Credit :
👇
  • ​https://www.blockdit.com/posts/62ced1ff793b4d01a52bf587
  • ​https://www.blockdit.com/posts/62bc694fb7f7536e0f90a48b
  • ​https://stackpython.co/tutorial/django
  • ​https://devhub.in.th/blog/django-python
โฆษณา