ถ้าถามตามความจริงของธรรมชาติเลยนะคะ
คำตอบสั้นๆคือ ธรรมชาติไม่ได้อยากได้แค่ลูก แต่ต้องการให้มนุษย์อยากมีลูกด้วย
ถ้าแค่ทำให้เกิดลูกได้เฉยๆ
โดยไม่มีความสุข ไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีความพึงพอใจ มนุษย์คงไม่ยอมทำสิ่งที่ต้อง
เสี่ยง
เจ็บ
ใช้พลังงานสูง
และผูกพันยาวนานขนาดนี้
ธรรมชาติจึงไม่ได้ออกแบบการสืบพันธุ์ให้เป็นแค่ขั้นตอนทางกลไก แต่ใส่รางวัลทางสมองเข้ามาด้วย
ในเชิงวิทยาศาสตร์
สิ่งที่เราเรียกว่าความสุขหรือออกัสซึม คือสารเคมีในสมอง เช่น โดพามีน ออกซิโทซิน เอ็นดอร์ฟิน
สารพวกนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อความฟุ้งซ่าน แต่มันคือเครื่องมือของธรรมชาติ เพื่อบอกสมองว่า พฤติกรรมนี้ควรถูกทำซ้ำ
เหมือนกับความอร่อยของอาหาร
ถ้ากินแล้วไม่อร่อย มนุษย์คงไม่ดิ้นรนหาอาหาร
เผ่าพันธุ์ก็คงอยู่ไม่รอด
เรื่องผู้ชายกับผู้หญิงก็มีความจริงที่พูดกันน้อยค่ะ
ผู้ชายส่วนใหญ่
เข้าใจร่างกายและจุดพึงพอใจของตัวเองได้เร็วมาก
เพราะระบบประสาทและการตอบสนองถูกออกแบบให้ตรงไปตรงมา
แต่ผู้หญิง
ต้องใช้เวลานานกว่านั้นมาก
กว่าจะเข้าใจร่างกายตัวเอง
กว่าจะรู้ว่าตรงไหนคือความสุขของเรา
เพราะระบบประสาท ความรู้สึก ฮอร์โมน และจิตใจ
มันซับซ้อนกว่า
แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีสัญชาตญาณนะคะ
ตรงกันข้ามเลย
ผู้หญิงทุกคน
ไม่ว่าสวย ผู้ดี มีมารยาท หรือถูกสอนให้เรียบร้อยแค่ไหน ยังไงซะสัญชาตญาณดิบเรื่องเพศถูกฝังมาพร้อมร่างกายตั้งแต่เกิดแล้ว
มันไม่หายไป
มันแค่ถูกสอนให้กดไว้
แต่พอถึงวัยเจริญพันธุ์
เมื่อสารเคมีในสมองเริ่มทำงาน
เมื่อร่างกายได้ลิ้มรสความพึงพอใจครั้งแรก
สัญชาตญาณนี้จะค่อยๆโผล่ออกมาเอง
ไม่ใช่เพราะใครเลว
แต่เพราะธรรมชาติทำงาน
ดังนั้นคำตอบของคำถามนี้คือ
ธรรมชาติไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งทางศีลธรรม
ธรรมชาติคิดแบบเรียบง่ายมากคือ
ทำอย่างไรให้สิ่งมีชีวิตอยากสืบพันธุ์ซ้ำๆ
ความสุข
ความพึงพอใจ
ออกัสซึม
คือกลไก ไม่ใช่ความบังเอิญ
มนุษย์เราแค่เอาความรู้สึกนั้น
ไปตีความเพิ่มด้วยวัฒนธรรม ศีลธรรม ความเชื่อ
จนบางทีลืมไปว่า ร่างกายเรา ถูกเขียนโครงสร้างมาแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ถ้าการสืบพันธุ์ไม่มีความสุข
มนุษย์คงไม่ยอมสืบพันธุ์
และโลกคงเงียบไปนานแล้วค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
