วันนี้ เวลา 05:00 • การเมือง

“องค์กร(ไม่)อิสระ” 5 กกต.+ 4 ปปช. อำนาจสว.น้ำเงิน

  • วันที่ 16 ธ.ค. 2568 วุฒิสภา (สว.) เตรียมลงมติเลือกกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่มอีก 2 คน ซึ่งจะทำให้ กกต. 5 ใน 7 คน มาจากการแต่งตั้งของ สว. ชุดปัจจุบัน
  • สว. ชุดเดียวกันจะพิจารณาให้ความเห็นชอบกรรมการ ป.ป.ช. อีก 2 คน ซึ่งจะทำให้มีกรรมการที่มาจาก สว. ชุดนี้รวมเป็น 4 คน และอาจส่งผลต่อดุลอำนาจในองค์กร
  • กระบวนการคัดเลือกบุคคลสู่องค์กรอิสระถูกตั้งคำถามถึงความเป็นกลาง เนื่องจาก สว. ที่มีบทบาทหลักในการตรวจสอบคุณสมบัติหลายคน ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.
16 ธันวาคม 2568 จะเป็นฤกษ์ดีในการประชุมสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ของ วุฒิสภา (สว.) เพื่อทำหน้าที่เสริมเขี้ยวเล็บองค์กรอิสระ 2 องค์กร ที่จะมาทำหน้าที่ชี้ชะตาประเทศ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
ที่น่าจับตาอยู่ในวาระด่วนเรื่องที่สอง ที่ประชุมสว.จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน
คนแรก อธิบดีเอ๋-จิรุตม์ วิศาลจิตร อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า อดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม อดีตกรมขนส่งทางบก อดีตประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ เมื่อ 30 ก.ย. 2568
คนที่สอง อธิบดีไก่-มณฑล สุดประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองยาวนานกว่า 7 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2563 และอดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ตามข้อบังคับการประชุม สว.ฯ ข้อ 105-106 กำหนดให้การตั้ง กมธ.สอบประวัติฯ มีไม่เกิน 15 คน ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติสำหรับผู้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ให้มีสัดส่วนจากวิป สว. ได้ 3 คน ให้ กมธ.สามัญ เสนอชื่อมา 12 คน รวมเป็น 15 คน
ที่ผ่านมา ไอลอว์ ได้ตรวจสอบรายชื่อ กมธ.สอบประวัติฯ 13 ชุดที่ สว. ตั้งขึ้นมาพิจารณาคุณสมบัติองค์กรอิสระ ข้าราชการระดับสูง รวมกว่า 35 คน พบว่า มี สว. หมุนเวียนผลัดกันทำหนาที่ 88 คน จาก 200 คน เท่ากับว่า สว. อีก 112 คน ไม่เคยมีส่วนร่วมตรวจสอบบุคคลผู้ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ และข้าราชการระดับสูง แม้แต่ครั้งเดียว
เหนือสิ่งอื่นใดใน สว. 88 คน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ ปปช.-กกต. ตรวจเงินแผ่นดิน ฯลฯ และข้าราชการระดับสูง “มีถึง 75 คน ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีฮั้ว สว.”
เฉพาะ สว.ตัวพ่อ ที่เข้าไปตรวจสอบคุณสมบัติมากที่สุด 6-7-8-9 ครั้ง อาทิ เช่น “วุฒิชาติ กัลยาณมิตร - เอนก วีระพจนานันท์ -วิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์-กอบ อัจนากิจ - ฤชุ แก้วลาย - พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา – อภิชาติ งามกมล -พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร”
ประเด็นการพิจารณาคุณสมบัติ การโหวตเพื่อลงมติแต่งตั้ง กกต.ครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องมารับภาระในการเลือกตั้งของประเทศ ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นลูกระนาด ตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่ ไปจนถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2569
รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 222 กำหนดให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คน และมีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี นับตั้งแต่ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ตามมาตรา 223
แต่ในช่วงระยะปี 2568 มี กกต. ถึง 5 คน จาก 7 คน ทยอยพ้นตำแหน่ง
เริ่มจาก “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. - ศาสตราจารย์สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ - ปกรณ์ มหรรณพ” ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ พร้อมกัน เมื่อ 12 สิงหาคม 2561 ซึ่งทั้งหมดดำรงตำแหน่มา 7 ปี หมดวาระลงในเดือนสิงหาคม 2568
“ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตอธิบดีศาลล้มละลายกลาง เป็นคนแรกที่ประชุมวุฒิสภาชุดนี้ได้ให้ความเห็นชอบให้เป็น กกต.แทน “ปกรณ์ มหรรณพ” ซึ่งพ้นตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 70 ปี ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็น ประธาน กกต.คนใหม่
20 ต.ค. 2568 ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติเลือก “อนันต์ สุวรรณรัตน์” อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น กกต. แทนที่ “อิทธิพร บุญประคอง” อดีตประธาน ปปช.ที่ครบวาระ
20 ต.ค.2568 ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติเลือก “ณรงค์ รักร้อย” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็น กกต. แทนที่ “สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” อดีตศาสตราจารย์ ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 มี กกต. อีก 2 คน คือ เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ-ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ พ้นจากตำแหน่ง เพราะดำรงตำแหน่งครบ 7 ปีในเดือนธันวาคม 2568
ที่ผ่านมาคณะกรรมการสรรหา กกต.ที่มี 3 ประธานศาล เป็นกรรมการ พิจารณาคัดเลือกมา 2 คน นั่นคือ เลือก อธิบดีเอ๋-จิรุตม์ วิศาลจิตร อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า อดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม อดีตกรมขนส่งทางบก เป็น กกต.แทนที่ “เลิศวิโรจน์”
เลือก “อธิบดีไก่-มณฑล สุดประเสริฐ” อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง แทนที่ “ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ” ทนายความ ที่ได้ดิบได้ดีมาเป็น กกต.ยาวนานถึง 7 ปี
ถ้ามีการตั้งกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว สว.ชุดนี้ลงมติเลือก กกต.อีก 2 คน เท่ากับว่า ในปี 2568 จะมี กกต. ถึง 5 คน จากจำนวน 7 คน ที่มาจากการเลือกของ สว.ชุดนี้
ขณะที่ กกต. อีก 2 คน ประกอบด้วย “ชาย นครชัย” จะหมดวาระลงในเดือนตุลาคม 2573 และ “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ” จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง กกต. ลงในเดือนมีนาคม 2574
ไม่แปลก ที่มีเสียงลั่นดังสนั่นทุ่งว่า “สว.ชุดน้ำเงิน เลือกกันเอง ชงกันเอง กินกันเอง” ได้เลือก กกต.ใหม่ มาทำหน้าที่ดูแลควบคุมการเลือกตั้งของประเทศนี้ ได้แล้ว 5 จาก 7 คน เกินกว่ากึ่งหนึ่งของ 7 อรหันต์เข้าไปแล้ว
แต่นั่นอาจไม่ร้ายกาจเท่ากระแสข่าวที่กระฉ่อนอยู่ในศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ และสี่แยกเกียกกาย ว่ามี “กกต.” บางคนที่ครบวาระ แต่ไม่อยากพ้นตำแหน่ง “เพราะมีคดีติดตัว” พยายามล็อบบี้สว.ชุดนี้ให้ตีตก “นายมณฑล” เพื่อตนเองจะได้อยู่ต่อไป เพื่อแลกกับการทำหน้าที่ในการชี้ชะตาการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในปี 2569
ถ้าเป็นแบบนี้จริง องค์กร กกต. คงเละเป็นเต้าหู้ยี้ แน่นอน!!!
พ้นจากวาระ กกต.ไปติดตามกันที่วาระด่วนเรื่องที่สาม ของการประชุมวุฒิสภา เพื่อลงมติ “ให้ความเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ” บุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 2 คน”
คนแรก นายสุชาติ สุนทรีเกษม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เป็นบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. เพื่อทดแทน “บิ๊กกุ้ย”-พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตประธานกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์
คนที่สอง “นายมนูภาน ยศธแสนย์” ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อทดแทน “นางสุวณา สุวรรณจูฑะ” กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ
ผู้ได้รับการเสนอชื่อ เป็น ปปช.ทั้ง 2 คนนี้ เป็นผู้พิพากษา ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 15 คน อันประกอบด้วย
1.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 2.นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ 3.นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร 4.นายนิรัตน์ อยู่ภักดี 5.นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล
6.นายประภาส ปิ่นตบแต่ง 7.นายประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล 8.นายศูจน์ รัตนวงศ์ 9.นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม 10.นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์
11. นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว 12.นายวีรยุทธ สร้อยทอง 13.นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร 14.พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา 15.นายเอนก วีระพจนานันท์…
ตรวจสอบและพิจารณาก่อนเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาลงมติ “เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ” ให้ไปเป็น กรรมการ ปปช.
ถ้าวุฒิสภาชุดนี้ ลงมติเห็นชอบ “สุชาติ สุนทรีเกษม-มนูภาน ยศธแสนย์” ให้เป็นกรรมการ ปปช. นั่นเท่ากับ สว.ชุดนี้ จะเป็นผู้ลงมติเลือก กรรมการ ปปช. ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งทั้งสิ้น 4 คน จากทั้งหมดที่มีอยู่ 8 คน จาก ปปช. 9 คน
คนแรก คือ “ประภาศ คงเอียด” อดีตผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางและผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์
คนที่สอง คือ “เพียรศักดิ์ สมบัติทอง” อดีตอธิบดีอัยการภาค 2 อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
ถ้า สว.ชุดนี้ โหวตเห็นชอบ โปรดบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เลยว่า กรรมการ ปปช. 4 คน ที่มาจาก สว.ชุดที่เลือกกันเอง โหวตให้เข้าสู่ตำแหน่ง อันประกอบด้วย “ประภาศ คงเอียด-เพียรศักดิ์ สมบัติทอง-สุชาติ สุนทรีเกษม-มนูภาน ยศธแสนย์” จะทำหน้าที่คัดคานการวินิจฉัย การตัดสินใจในเชิงอำนาจ กับ ปปช.ชุดเดิม ที่เหลืออีก 4 คน
คนแรก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ดำรงตำแหน่ง 10 กรกฎาคม 2563 ครบวาระ กรกฎาคม 2570
คนที่สอง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ดำรงตำแหน่ง 3 มกราคม 2567 ครบวาระมกราคม 2574
คนที่สาม นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ดำรงตำแหน่ง 19 มีนาคม 2567 ครบวาระ มีนาคม 2574
คนที่สี่ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ดำรงตำแหน่ง 4 มิถุนายน 2567 ครบวาระ มิถุนายน 2574
สัดส่วนปปช.คนเก่ากับ ปปช.คนใหม่ 4:4 จะเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าจะมีการแก้เกมว่าด้วย “พศวัจณ์ กนกนาถ” ผู้ที่ได้รับการโหวตจาก สว.ชุดแต่งตั้งไปก่อนหน้านี้ นานแสนนาน แต่จนบัดนี้ ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ปปช.
ถ้าให้สว.ชุดที่มากด้วยข้อครหาโหวตเลือก ปปช.อีก 1 คน กระดานหกเชิงอำนาจในมือของ สว.ชุดนี้ จะปาไป 5:4 ตอนนี้คนใน ปปช. ต่างก้มหัว เอามือทาบอกกันแทบทุกคน
ลำพัง 2:4 ในปัจจุบัน พลังสว.น้ำเงินยังล้นหลาม ขนาดสามารถเสกคดี 44 ส.ส.ของพรรคประชาชน ที่ “คาราคาซัง” มายาวนาน ให้เข้าสู่การชี้ชะตาของกรรมการ ปปช.ชุดใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ได้
...ถ้า 16 ธ.ค. 2568 บรรดา สว.ลงมติโหวต ปปช.ออกมาอีก 2 คน ดุลอำนาจแห่งอนาคตจะเป็นเช่นไร..เชิญจินตนาการ!!!
รายงานพิเศษ โดย...พรานบุญ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
โฆษณา