16 ธ.ค. เวลา 06:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

AT-6TH นักสู้เวหาจากล้านนาในศึกไทยVSกัมพูชา

"แมวจะสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็พอ"
เติ้ง เสี่ยวผิง
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงการปะทะใหญ่ 5 วันเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้หรือแม้แต่สงครามชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้หลายท่านอาจได้ยินชื่อ F-16 หรือ กริพเพนกันบ้างพอสมควรแล้ว ในขณะที่มีการปะทะไม่ว่าจะครั้งก่อนหรือครั้งนี้มีเครื่องบินแบบหนึ่งที่ถูกจับตามอง
ใช่ครับเรากำลังจะทำความรู้จักกับเครื่องบินโจมตีใบพัด AT-6TH ที่เข้าร่วมปกป้องอธิปไตยไทยจากผู้รุกรานในครั้งนี้ แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการปฏิบัติการเนื่องจากเหตุผลทางด้านความมั่นคง แต่การปะทะครั้งนี้สื่อถึงความสามารถของนักบินไทยไม่ว่าจะบินเครื่องแบบใด หัวใจนักบินทุกนายก็คือหัวใจคนไทยเหมือนกัน อยู่ที่ไหนก็คือคนไทยหัวใจเดียวกัน
สำหรับวลีข้างต้นนั้นสื่อถึงอะไร สื่อถึงว่าแมวไม่ว่าจะเป็นสีใดๆก็จับหนูได้หมด คนไม่ว่าจะรวยหรือจนหากขยันก็เป็นยอดคน เครื่องบินรบจะเก่งหรือไม่ขอให้รบได้ในสนามรบจริง
ถ้าจะบอกว่า F-16 คือเทพแห่งการหย่อนไข่อย่างแม่นยำ AT-6TH ก็คือเทพเเห่งการสนับสนุนทหารราบ
ฉะนั้นกองทัพอากาศไม่ได้ประเมินแค่เครื่องบินแต่ยังประเมินทุกองค์ประกอบเกี่ยวกับเครื่องบินนี้ก่อนจะมารบจริงโดยผ่านการฝึกฝนและการบินทดสอบมาไม่รู้กี่ครั้ง ในความเป็นจริงเครื่องบินที่มองว่าเป็นเครื่องบินคล้ายยุคสงครามโลกนี้อาจดีจริงเหนือคำวิจารณ์ในสงครามก็ได้ไม่ว่ากัน เรื่องราวนี้จะเป็นเช่นไร ไปติดตามกันครับ
พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี และพลอากาศเอกพันธุ์ภักดี พัฒนกุลยืนบันทึกภาพร่วมกับ AT-6TH
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 บริษัท Textron Aviation Defense LLC สหรัฐฯ ประกาศลงวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ถึงการได้รับสัญญาวงเงิน $143 million (4,314 ล้านบาท) จากกองทัพอากาศไทย สำหรับระบบบูรณาการในการสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีเบา ฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
การสั่งจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด Beechcraft AT-6TH Wolverine จำนวน 8 เครื่อง สัญญารวมไปถึง อุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นดิน, ชิ้นส่วนอะไหล่, การฝึก และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง AT-6 จะมาแทนที่เครื่องบินขับไล่และฝึกแบบ บ.ขฝ.1 Aero L-39ZA/ART Albatros ที่มีอายุการใช้งานมายาวนาน
สัญญาสำหรับ AT-6 ถูกกำหนดแบบเป็นเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด Beechcraft AT-6TH ในไทย สนับสนุนวัตถุประสงค์การปรับปรุงความทันสมัย และความทำงานร่วมกันในแนวหน้าของความร่วมมือด้านกลาโหมร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และไทย สัญญายังส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมการบินของไทย ที่มีรายละเอียดในแผนนโยบายจัดหา และพัฒนา (Purchase and Development: P&D) ระยะ 10 ปีของกองทัพอากาศไทย ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของประเทศไทย
"นักบินกองทัพอากาศไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องพบว่า คุณลักษณะของโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินโจมตีเบา AT-6 เป็นที่น่าพึ่งพอใจอย่างที่สุด มันจะยังใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์ร่วมกันทั้งไทย และสหรัฐฯ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และยั่งยืน ของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองชาติของเรา" พลอากาศโท พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ประธานคณะกรรมาธิการการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอากาศไทย (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) กล่าวเสริมว่า
"การจัดซื้อเครื่องบินโจมตีขนาดเบา AT-6 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่ 11 (S-Curve 11) ของรัฐบาลไทย
ซึ่งเป็นโครงการที่บุกเบิกการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ปลูกสร้างความหลากหลาย และสนับสนุนการมีส่วนร่วม ตลอดทั้งบริษัทต่าง ๆ ของต่างประเทศ และของไทย"
นักบิน AT-6TH รุ่นแรกของกองทัพอากาศไทย
กองทัพอากาศไทย เป็นลูกค้าต่างชาติรายแรกต่อจากกองทัพอากาศสหรัฐที่ได้รับมอบ AT-6 เข้าประจำการ สำหรับกองทัพอากาศไทยนั้นมีสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการร่วมมือของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด หรือ TAI รัฐวิสาหกิจของกองทัพอากาศ ซึ่งจะทำหน้าที่ประกอบชิ้นส่วนเครื่องบิน การพัฒนาระบบ Avionic การบูรณาการณ์ระบบอาวุธ และการผลิตชิ้นส่วนบางส่วนจะดำเนินการโดยบริษัท R V Connex จำกัดของไทย และพันธมิตรจากต่างประเทศ
ซึ่งคาดว่า AT-6TH จะได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ติดตามความร้อน/ เรดาร์แบบ IRIS-T ที่เป็นจรวดอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้มาตรฐานของกองทัพอากาศในปัจจุบัน ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกที่ AT-6 สามารถติดตั้ง IRIS-T ได้ และจะดำเนินการหลักโดย RV Connex ที่เคยร่วมบูรณาการณ์ติดตั้ง IRIS-T บน F-5TH มาก่อน
ทั้งนี้ AT-6TH จะใช้สถาปัตยกรรมระบบภารกิจแบบเดียวกับที่ติดตั้งบนเครื่องบินโจมตีแบบ A-10C Thunderbolt II และใช้ชุดเซนเซอร์ที่ปรับปรุงมาจากเครื่องบินลาดตระเวนหาข่าวแบบ MC-12W Liberty ห้องนักบินคาดว่าจะร่วมออกแบบโดย CMC Electronic ซึ่งเป็น Partner กับ R V Connex ของไทยในการออกแบบห้องนักบินของ Alpha Jet มาก่อนแล้ว
ก่อนหน้านี้ในปีพ.ศ. 2563 บริษัท Textron Aviation Defense สหรัฐ ประกาศลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563 ว่าได้รับสัญญามูลค่า $162 million (5,346 ล้านบาท) จากกองทัพอากาศไทย สำหรับการสั่งจัดหาเครื่องบินฝึกใบพัดแบบ Beechcraft T-6 Texan II จำนวน 12 เครื่อง บริษัท Textron กล่าวว่า กองทัพอากาศไทย ได้ตัดสินใจจัดหาเครื่องบินฝึก T-6C Texan II ในฐานะส่วนหนึ่งของระบบการฝึกบูรณาการสำหรับโรงเรียนการบินกำแพงแสน
โดยเสริมอีกว่าสัญญายังรวมถึงระบบการฝึกภาคพื้นดินสำหรับนักบิน และช่างอากาศยาน, ระบบวางแผน และสรุปผลภารกิจ, ชิ้นส่วนอะไหล่ และอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นดิน
ซึ่งสัญญางานจะได้รับการดำเนินการผลิต/ ประกอบ ณ โรงงานอากาศยานของบริษัท Beechcraft ในเครือ Textron ในเมืองวิชิต้า รัฐแคนซัส สหรัฐฯ โดยการฝึกสำหรับนักบิน และช่างอากาศยานของกองทัพอากาศไทยซึ่งได้เริ่มต้นที่นี้ในปีพ.ศ. 2565
ซึ่งเครื่องบินฝึกใบพัด T-6C จำนวน 12 เครื่อง จะเข้าประจำการในกองทัพอากาศไทยภายใต้การกำหนดแบบว่าเครื่องบินฝึกแบบ T-6TH ถูกนำเข้าประจำการในช่วงปลายปีพ.ศ. 2565 ถึงต้นปีพ.ศ. 2566 "กองทัพอากาศไทยเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และเป็นพันธมิตรความมั่นคงหลักของสหรัฐฯ
การจัดหาระบบการฝึกบูรณาการ Beechcraft T-6C Texan II ของพวกเขามอบอำนาจให้แก่ศิษย์การบินของพวกเขา ด้วยความได้เปรียบทางวิทยาการ ตลอดจนการฝึกบิน และการเตรียมการพวกเขา เพื่อการเปลี่ยนแบบอากาศยานไปสู่เครื่องบินขับไล่ขั้นก้าวหน้า และเครื่องบินโจมตีที่ประความสำเร็จ" Thomas Webster ผู้อำนวยฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Textron Aviation Defense กล่าว
ปัจจุบันเครื่องบินฝึก T-6 Texan II มีบันทึกชั่วโมงบินมากกว่า 4.1 ล้านชั่วโมงบินตลอดทั้งฝูงบินทั่วโลกเกือบ 1,000 เครื่อง แต่ละปีนักบินมากกว่า 300 นายจาก 42 ประเทศ ได้สำเร็จการฝึกจาก T-6 ผ่านโครงการฝึกบิน NATO ในแคนาดา, โครงการฝึกนักบินไอพ่นร่วม NATO ยุโรป (ENJJPT) ณ ฐานทัพอากาศ Sheppard AFB ในมลรัฐแท็กซัส และโครงการผู้นำการบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ
การจัดหาเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกขับไล่ไอพ่นแบบ L-39 ZA/ART Albatros ที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 25 ปี และได้ปลดประจำการแล้ว AT-6 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภารกิจการโจมตีทางอากาศ ซึ่งตรงกับความต้องการของกองทัพอากาศ
นอกจากนี้ยังสามารถสนับสนุนการค้นหา และช่วยชีวิตในพื้นที่การรบในการบินคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย เพื่อช่วยชีวิตนักบินที่ถูกยิงตก หรือค้นหาผู้ประสบภัยด้วยตัวเองจากกล้องมองภาพในเวลากลางคืนที่ติดมากับเครื่องบินได้ มีความคุ้มค่าในการซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงาน
AT-6TH มีบทเด่นในการบินสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด เพราะมีความเร็วไม่มากเหมือน F-16 จึงไม่ต้องเปลืองเชื้อเพลิงในขณะทำการบินช่วยเหลือทหารราบฝั่งเรา
AT-6 มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจบริเวณแนวชายแดน ในการลาดตระเวนติดอาวุธ อีกทั้งเป็นเครื่องบินโจมตีเบา จึงมีความเหมาะสมกับการปฏิบัติการในยุคปัจจุบันมากขึ้น เนื่องด้วยภัยคุกคามหลัก ไม่ได้มีแต่การรบเต็มรูปแบบ แต่การเผชิญกับภัยจากยาเสพติด และกลุ่มติดอาวุธก่อการร้าย เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
เครื่องบินที่นำมาใช้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ต้องการเครื่องบินที่อยู่บนฟ้าได้นาน ๆ ความเร็วไม่สูงมาก และติดอาวุธได้เพียงพอต่อการโจมตีภาคพื้นดิน ทำให้ AT-6 ที่เป็นเครื่องบินโจมตัชีใบพัด มีค่าใช้จ่ายในการบินต่ำ ค่าเชื้อเพลิงประหยัด จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และเหมาะสม
โดยเครื่องบินโจมตี AT-6TH ได้ทยอยรับมอบมาตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2567 เรื่อยมา และมีพิธีบรรจุเข้าประจำการในเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา
ซึ่งในวันที่ 4 กันยายนปีเดียวกัน พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ตำเเหน่งในขณะนั้น) เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH : เอทีซิกซ์ทีเอช) ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม ผู้แทนส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด บริษัท Textron Aviation Defense LLC บริษัท Sam Teltech และบริษัท RVC เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีอย่างพร้อมเพรียง
ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยกำลังวางแผนจัดหา AT-6TH เพิ่มเติมเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บกำลังทางอากาศ
ผู้บัญชาการทหารอากาศได้กล่าวย้ำว่า การจัดหาในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส ใช้ประโยชน์ และคุ้มค่าอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินครบจำนวน 8 เครื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ได้รับการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนติดอาวุธ และสนับสนุนการป้องกันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ
การบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี AT-6TH ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของฝูงบิน 411 กองบิน 41 และกองทัพอากาศ ที่จะนำไปสู่การบูรณาการด้านการปฏิบัติการบินร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคง เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย และความมั่นคงของชาติสืบไป
ข้อมูลจำเพาะ AT-6TH
ทั่วไป
- ยาว: 10.16 เมตร
- สูง: 3.25 เมตร
- ความยาวปีก: 10.4 เมตร
- พื้นที่ปีก: 16.60 ตารางเมตร
- เครื่องยนต์: Turboprop แบบ PT6A-68D ให้กำลัง 1,600 shp (1,177 kW)
- ประเภท: ใบพัด Turboprop
- น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด: 10,000 ปอนด์ (4,536 กิโลกรัม)
- น้ำหนักลงจอดสูงสุด: 10,000 ปอนด์ (4,536 กิโลกรัม)
- น้ำหนักปกติ: 5,890 ปอนด์ (2,671 กิโลกรัม)
- ความจุถังน้ำมันภายใน: 1,200 ปอนด์ (544 กิโลกรัม)
- ความจุถังน้ำมันภายนอก 2 ถัง 2,054 ปอนด์ (932 กิโลกรัม)
- ความจุถังน้ำมันภายนอก 4 ถัง 2,908 ปอนด์ (1,319 กิโลกรัม)
- ตำบลติดอาวุธ: 7 จุด
- ตำบลติดอาวุธตามมาตรฐานเนโต้: 6 จุด
- ตำบลติดอาวุธที่สามารถใช้งานได้เมื่อติดตั้งกล้อง EO/IR: 6 จุด
ประสิทธิภาพ
- ความเร็วสูงสุด: 0.67 มัค (820.77 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 4,110 ปอนด์ (1,864 กิโลกรัม)
- ความทนทานต่อแรง G: 6G
- เวลาปฏิบัติงาน: 4.5 ชั่วโมง (เมื่อใช้ถังน้ำมันภายใน) และ 7.5 ชั่วโมง ( เมื่อติดตั้งถังน้ำมัน 4 ถัง)
- พิสัยเดินทางไกลสุด เมื่อติดตั้งถังน้ำมัน 4 ถัง และกล้อง MX-15D: 1,563 nm (2,895 กิโลเมตร)
- พิสัยเดินทางไกลสุด เมื่อติดตั้งถังน้ำมัน 4 ถัง: 1,725 mm (3,195 กิโลเมตร)
ระบบอาวุธ
- ปืนกลหนักแบบ FN HMP-400 .50 caliber guns
- ระเบิดฝึกแบบต่าง ๆ
- ระเบิดเอนกประสงค์แบบ MK-81 ขนาด 250 ปอนด์
- ระเบิดเอนกประสงค์แบบ MK-82 ขนาด 500 ปอนด์
- ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ GBU-12 Paveway II ขนาด 500 ปอนด์
- ระเบิดนำวิถีด้วยดาวเทียมแบบ GBU-38 Joint Direct Attack Munition (JDAM) ขนาด 500 ปอนด์
- ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ GBU-58 Paveway II ขนาด 250 ปอนด์
- ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ และดาวเทียมแบบ GBU-59 Enhanced Paveway II ขนาด 250 ปอนด์
- ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ และดาวเทียมแบบ GBU-49 Enhanced Paveway II ขนาด 500 ปอนด์
- จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ AGR-20 Advanced Precision Kill Weapon System (APKWS) ขนาด 2.75 นิ้ว
- จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ TALON ขนาด 2.75 นิ้ว
- จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์แบบ GATR ขนาด 2.75 นิ้ว
- อาวุธปล่อยนำวิถีด้วยเซอร์อากาศสู่พื้นแบบ AGM-114 Hellfire
- ระบบเป้าลวงแบบ LUU-2 illumination flares
- ระบบเป้าลวงแบบ MJU-7/10 flares
- ระบบนำทางด้วย GPS (GPS Navigation)
- ระบบการจัดการการบิน (Flight Management System)
- ระบบ GPS ที่แม่นยำ (Precision GPS Approach: WAAS LPV)
- การแสดงข้อมูลระดับความสูงของภูมิประเทศแบบดิจิทัล (Digital Terrain Elevation Data)
- No Drop Air to Ground Scoring
- ระบบเป้าหมายทางอากาศจำลอง (Simulated Air Target)
- ระบบวิดีโอแบบ Full-Motion Video (FMV)
- ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี Datalink Compatability: SADL, Link 16, Variable
- ระบบรูปแบบข้อความที่เปลี่ยนแปลงได้ (Variable Message Format: VMF)
- Digital CAS Proven: BAO, Strikelink, TACP, CASS
- Real-time off-board FMV Sharing: ROVER, OSVRT
- ระบบการวางแผนภารกิจ/ ไดร์ฟข้อมูลแบบถอดออกได้ (Mission planning/debrief with removable data drive)
ภารกิจ
- CAS/Coin/Irregular Warfare (การสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด :Close Air Support, การควบคุมทางอากาศ :Forward Air Control-Airborne, การลาดตระเวนติดอาวุธ :Armed Reconnaissance, การโจมตี และลาดตระเวน :Strike Coordination and Reconnaissance, การขัดขวาง และหารข่าวกรองทางอากาศ :Airborne Interdiction and Intelligence, การลาดตระเวน และต่อสู้ทางทะเล :Combat Maritime Patrol, การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน :Surveillance and Reconnaissance: ISR)
- การถ่ายภาพภัยพิบัติ (Disaster Area Imagery), การลาดตระเวน (Reconnaissance) และการค้นหา และกู้ภัย (Search and Rescue)
- การฝึกบิน (Flight Training)
- การป้องกัน และความปลอดภัยของมาตุภูมิ รวมถึงปฏิบัติการสกัดกั้นความเร็วต่ำ, ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยของชายแดน/ ท่าเรือ และการลาดตระเวนทางชายฝั่งทะเล
ขุมพลัง
- ห้องนักบินกระจกดิจิทัล พร้อมหน้าจอ HUD (Digital glass cockpit and HUD)
- ระบบนำทางยุทธวิธี (Tactical Navigation)
- จอแสดงผลเซนเซอร์ (Sensor Display)
- ระบบจัดการอาวุธ (Weapons Management)
- โหมดการจัดส่งอาวุธ (Weapons Delivery Modes)
- ระบบภารกิจต่อสู้ และสถาปัตยกรรมแบบเดียวกันกับ A-10C Thunderbolt II
- ห้องนักบินกระจก CMC (CMC Glass Cockpit)
- จอแสดงผลแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบนำทาง และการส่งอาวุธในตัว (Multi-Function Displays SparrowHawk UHD with integrated navigation and weapons delivery)
- ระบบคันบังคับมือแบบเดียวกับ F-16 (F-16 Hands-On-Throttle-And-Stick: HOTAS)
ในขณะที่กองทัพอากาศไทยส่งเครื่องบิน F-16 เข้าโจมตีเขมรในยามสงคราม AT-6TH ก็ยังคงทำการบินสนับสนุนทหารราบและโจมตีทางอากาศร่วมกับกองทัพบกไทย แม้รายงานการปฏิบัติการของเครื่องบินโจมตีแบบนี้จะไม่ถูกเปิดเผย แต่ด้วยความสามารถของนักบินรบไทยพิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า "เราไม่ได้บินเครื่องบินยุคสงครามโลก เรากำลังใช้เครื่องบินที่ทันสมัยออกรบ" สำหรับวันนี้ขอนำภาพของ AT-6TH มาฝากให้ทุกท่านได้รับชมกัน ขณะนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
Military Weapons อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร
CONTHRUST
JSTCNX
Firerescue Gunjina
กองทัพอากาศไทย
เรียบเรียงโดย : จ่าหวาน เกรียงไกร
โฆษณา