เรื่องใหญ่ระดับชาติแก้ได้ด้วยถุงกระดาษธรรมดา เล่นแรง ประชดกรุบๆ แบบ BK เขาแหละครับ 🍟🔥
แต่โลกจริงมันไม่ได้มีดราม่าแบบ McDonald’s vs BK ทุกประเทศ โดยเฉพาะใน B2B ที่ไม่มีใครมานั่งหยอกตีคู่แข่งในทวิตเตอร์แบบแบรนด์สายเอ็นเตอร์เทน
แต่รู้ไหมว่า “สงคราม” มันมีจริง...และมันดุยิ่งกว่าอาหารฟาสต์ฟู้ด เพราะในเกมตั้งแต่ Seed, Series A, B จนโตขึ้น การวางตำแหน่ง + Competitive Intelligence คือเส้นเลือดใหญ่ของดีล
และตลกร้ายคือ…
คนที่ต้องทำทั้งหมดนี้ดันต้องบินเดี่ยว 🛫
เพราะบริษัทช่วงแรกๆ ไม่ค่อยให้ค่ากับ Product Marketing ส่วน PMM ที่มีก็เป็น “ทีม 1 คน” ที่ต้องทำตั้งแต่ positioning → messaging → pricing → launch → ไปจนถึงประชุมยันค่ำ CI เลยกลายเป็นเศษเสี้ยวของงาน และมันจะเป็นแบบนี้…จนกว่าจะโตถึง Series C
สรุปง่ายๆ:
ทีมเซลส์ต้องลุย Competitive เองแบบโนแพลน
ลูกค้าถามว่า
“คุณต่างจากเจ้า X ยังไง?”
ถ้าเซลส์ตอบหลุด ฟุ้ง ฟังแล้วไม่มั่น ความเชื่อใจหล่นวูบเร็วกว่าเฟรนช์ฟรายโผล่ในถุงผิดแบรนด์
ในฐานะฟาวเดอร์เวลาเข้าฟังเดโม...
เจอเจ้านึงตอบชัด เข้าใจตลาด และรู้ positioning ตัวเอง อีกเจ้านึงตอบแบบหมุนวน เหมือนยังหาประโยคให้เจอ ผมก็เลือกทุ่มเงิน...ไปที่แบรนด์ที่พูดแล้ว “มั่นใจได้” รู้ได้ทันทีว่า แบรนด์นี้รู้ว่าตัวเองคือใคร อยู่ตรงไหนในตลาด และควรค่าแก่การลงทุนหรือไม่
นี่แหละครับที่ทำไม Scout ถึงไปโฟกัสแรงๆ บน use case ของ Competitive Intelligence สำหรับเซลส์ เพื่อให้ตอบคำถามยากๆ ได้แบบไม่ต้องจุดธูปเรียก PMM
✦ แล้ว Scout AI Competitive Intel Agents ทำงานยังไง?
มันดึงข้อมูลสดจาก
– เว็บ
– เอกสาร product
– CRM
– และเว็บไซต์คู่แข่ง
แล้วให้เซลส์ยิงคำถามใน Slack หรือ Gmail บน Chrome ก็จะได้ talking points ที่ถูกต้องแบบเรียลไทม์...ในไม่กี่วินาที ไม่ต้องรอ PMM ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา
Customer Insight:
เวลาปิดดีล early-stage ถึงสเปกจะสำคัญ แต่ “ความมั่นใจ” สำคัญกว่าเสมอ เพราะฟาวเดอร์กำลังเดิมพันเงินรอบวิกฤติ เขาจะเลือกแบรนด์ที่ “ตอบได้”...ไม่ใช่แบรนด์ที่ “ตอบช้า”
Brand Takeaway:
CI ไม่ใช่ของเล่น มันคืออาวุธที่ทำให้แบรนด์ดูมีสมอง และฐานเซลส์ดูมีพลังแบบไม่ต้องรอทีมหลังบ้านมาช่วยทุกคำถาม
Credit: Bryan Chappell
✍🏻 เกร็ดเล็กๆ ของแบรนด์ by Nok Creative Branding