17 ธ.ค. เวลา 23:26 • ศิลปะ & ออกแบบ

Purrrfection: ทำไมแมวที่หันข้างตัวเดียว ถึงชนะทั้งชั้นวาง 🐈

เคยได้ยิน Von Restorff Effect ไหมครับ?
งานวิจัยตั้งแต่ปี 1933 ของจิตแพทย์เยอรมันชื่อ Hedwig von Restorff
เธอค้นพบว่า...
ถ้ามีของหลายชิ้นที่ “เหมือนกัน” วางอยู่ด้วยกัน
ชิ้นที่ “ต่าง” จะถูกจำได้ดีกว่า ประมาณ 3 เท่า
พูดง่ายๆ คือ
สมองมนุษย์ให้สิทธิ์ความจำกับของแปลกก่อน 🧠
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น!
มีเลเยอร์ที่สอง เรียกว่า Pattern Interruption
งานวิจัยของ Wolfe และ Horowitz ด้าน Visual Attention บอกไว้ชัดมากว่า ระบบสายตามนุษย์ถูกออกแบบมาให้ "มองหาความผิดปกติ"
เวลาเรากวาดตาดูของที่ซ้ำๆ 👀
สมองจะเหมารวมมันเป็น “ก้อนเดียว”
ทันทีที่มีอะไรหลุดแพทเทิร์น
สายตาจะล็อกเป้าอัตโนมัติ 🎯
ทำไมแมวที่หันข้างถึงขโมยสายตา
แมวเรียงเหมือนกัน 6 ตัว = ฉากหลัง
แมวตัวเดียวที่นอนเอกเขนก = แม่เหล็กสายตา
คุณเห็นมัน...
ก่อนจะอ่านโลโก้
ก่อนจะรู้ด้วยซ้ำว่ายี่ห้ออะไร
นี่แหละที่เรียกว่า "สมองเห็นก่อน สมองคิดทีหลัง"
แล้วแบรนด์พลาดตรงไหน?
พลาดตรงที่…
อยากแตกต่างพร้อมกันทุกกล่อง
ทุกแพ็กเกจตะโกน
ทุกสีต้องเด้ง
ทุกฟอนต์ต้อง “ขอพื้นที่หน่อยค่ะ”
ผลลัพธ์คือ
ไม่มีใครจำอะไรได้เลย!
เพราะเมื่อทุกอย่างพยายามเด่น
มันจะกลายเป็นเสียงรบกวน
Insight:
ดีไซน์นี้เวิร์ก ไม่ใช่เพราะแมวตัวนั้น “เท่กว่า”
แต่เพราะ…
แพทเทิร์นรอบๆ มันนิ่งพอ
การแหกกฎ จะทรงพลัง ก็ต่อเมื่อยังมีกฎให้แหก
TL;DR สำหรับดีไซเนอร์ & แบรนด์
• ความเหมือน ทำให้หายไป
• ความต่าง ทำให้ถูกจำ
• แต่ของสองอย่างนี้ ต้องใช้คู่กัน
แบรนด์ที่ฉลาด...ไม่ได้พยายามเด่นตลอดเวลา
แต่รู้ว่า...
ควรนิ่งตรงไหน
และควร “ขยับ” ตรงไหน
เพื่อให้สมองลูกค้าจำเราได้จริง
Credit: Design Psychology
✍🏻 เกร็ดเล็กๆ ของแบรนด์ by Nok Creative Branding - Brand Strategist & Creative Director (ผู้ที่เชื่อในพลังของแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่ขายของ แต่เปลี่ยนชีวิตคนได้)
โฆษณา