Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อาชีพเดอะ ค็อป
•
ติดตาม
22 ธ.ค. เวลา 10:09 • กีฬา
How To!? เอกิติเกทำยังไงถึงเป็นกองหน้าเบอร์ 1 หงส์แดง
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่า "เดอะ ค็อป" ทั้งหลายคงตื่นเต้นกับการซื้อตัวนักเตะที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตลอดชีวิตการเชียร์ลิเวอร์พูล เพราะถึงขั้นทุบคลังซื้อนักเตะด้วยค่าตัวระดับเกินร้อยล้านปอนด์ถึง 2 คน นั่นก็คือฟลอเรียน เวียร์ตซ์และอเล็กซานเดอร์ อีซัค รวมถึงการจากไปของดิโอโก โชตานั้นส่งผลทำให้คนแทบจะลืมไปว่าหงส์แดงก็ได้ซื้อกองหน้าอีกหนึ่งคนมาเสริมทัพเช่นกัน
โดยกองหน้าคนนั้นก็คือ "อูโก เอกิติเก" กองหน้าชาวฝรั่งเศสจากไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ 79 ล้านปอนด์ และชื่อเสียงในตอนนั้น ไม่แปลกเลยที่อีซัคจะกลบข่าวของเอกิติเก แต่ใครจะไปเชื่อว่าจนถึงตอนนี้เอกิติเกจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูล เขาทำได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ
อูโก เอกิติเกในชุดวอร์มของลิเวอร์พูลก่อนลงแข่ง
จนถึงตอนนี้เอกิติเกลงสนาม (สถิติจากทุกรายการก่อนเกมชนะสเปอร์ 1-2) ให้กับลิเวอร์พูลไปแล้วทั้งสิ้น 23 เกม ยิง 10 ประตู และมีเพียงดาเนียล สเตอร์ริดจ์คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้มากกว่าเขาในการลงสนามเกมลีกให้กับลิเวอร์พูล 10 เกมแรก โดยสเตอร์ริดจ์ยิงได้ 8 ประตู ส่วนเอกิติเกยิงได้ 7 ประตู ซึ่งสถิตินี้เขาทำได้ดีกว่า 2 ตำนานของสโมสรอย่างร็อบบี ฟาวเลอร์และซาดิโอ มาเน (6 ประตู) เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งถ้าเจาะลงไปในสถิติอีก 7 ประตูที่เขายิงได้นั้นมาจากค่า xG แค่ 4.4 เท่านั้น แถมยังมีอัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูอยู่ที่ 23% นอกจากนี้เขายังมีอัตราการทำประตูแบบที่ไม่นับลูกจุดโทษอยู่ที่ 0.72 (สถิติต่อ 90 นาที) ซึ่งมีเพียงเออร์ลิง ฮาแลนด์เท่านั้นที่ทำได้ดีกว่าเอกิติเก โดยสถิติของฮาแลนด์อยู่ที่ 1.05 ต่อเกม (นับเฉพาะผู้เล่นที่ลงเล่นอย่างน้อย 500 นาทีในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้)
มาถึงคำตอบของชื่อบทความที่ถามว่าอูโก เอกิติเกทำอย่างไรขึ้นก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูลได้ คำตอบมีหลากหลายมาก เราจะไล่ไปทีละข้อนะครับ
●
การมีส่วนร่วมกับเกม
The Athletic เปรียบเทียบระหว่างอีซัคกับเอกิติเก โดยอีซัคนั้นจะเป็นกองหน้าประเภทที่รอให้เกมดึงให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วม ขณะเดียวกันเอกิติเกจะเป็นคนที่ "บงการ" เกม จะคอยวิ่งหาช่อง เข้าหาบอลอยู่ตลอด ทำให้เจ้าตัวไม่หายไปจากเกม และเมื่อมีสถิติจากทาง Opta มาเสริมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เพราะมีแค่ชูเอา เปโดรที่มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าเอกิติเก โดยเอกิติเกมีค่าเฉลี่ยในการสัมผัสบอลอยู่ที่ 37.6 ครั้งต่อเกม ส่วนชูเอา เปโดรอยู่ที่ 45.6 ครั้งต่อเกม (ลงเล่นอย่างน้อย 500 นาที)
●
ฉลาดในการใช้จุดเด่น
อูโก เอกิติเกกำลังเลี้ยงบอลในเกมพบกับไบรท์ตัน
อย่างที่เราได้เห็นว่าสรีระเอกิติเกนั้นสูงใหญ่ เขาจึงใช้จุดเด่นในข้อนี้มาทำให้ตัวเองได้เปรียบในการเล่น โดยเขามักจะบังบอลจากคู่แข่งและคอยเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีมอยู่ตลอด และอีกจุดเด่นที่หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกต นั่นก็คือเขาเป็นคนที่เลี้ยงบอลได้คล่องและเลี้ยงได้ดีมาก โดยสถิติของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มีเพียงชูเอา เปโดรของเชลซีเท่านั้นที่มีค่าเฉลี่ยในการเลี้ยงบอลกินตัวมากกว่าเขา ซึ่งสถิติของเอกิติเกอยู่ที่ 3.5 ครั้งต่อเกม
●
เคลื่อนที่ดีและหลากหลาย
ถึงแม้ว่าเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "กองหน้าตัวเป้า" หรือกองหน้าเบอร์ 9 ที่ภาพจำคือยืนปักหลักบริเวกรอบเขตโทษหรือโซนกลาง ๆ แต่สิ่งที่เอกิติเกทำนั่นก็คือการเคลื่อนที่ตลอดเวลา เขาสามารถวิ่งฉีกออกข้างเพื่อทั้งรับบอลจากเพื่อนหรือสร้างพื้นที่ให้กับเพื่อนวิ่งสอดขึ้นไปทำประตู แต่ถ้าเมื่อเขาอยู่ในตำแหน่งหน้าเป้า เขาก็มีความเร็วที่มากพอที่จะวิ่งทะลุช่องและทำลายเกมรับของคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม
●
การเชื่อมเกมกับเพื่อน
เคอร์ติส โจนส์และอูโก เอกิติเกกำลังให้กำลังใจกันก่อนเริ่มเกม
ย้อนกลับไปที่เหตุผลข้อแรกและที่แล้ว เอกิติเกมักจะมีส่วนร่วมกับเกมและเคลื่อนที่ได้ดี ทำให้นี่คือจุดกำเนิดของเหตุผลข้อนี้คือ "การเชื่อมเกม" นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาร่วมทีม เราจะเห็นได้ในทุกเกมว่าในเรื่องของการเชื่อมเกมเขาพัฒนาขึ้นทุกเกม เขามีความเข้าขา รู้ใจกับเพื่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ประหนึ่งว่าเล่นด้วยกันมานาน
●
ความฟิตและพละกำลัง
ข้อนี้คือหนึ่งในที่คงอีกซักพักที่จะได้เห็นอีซัค นั่นก็คือความฟิตและพละกำลัง ซึ่งก็มาจากผลของการที่เขาไปงัดข้อ ไม่ยอมลงเล่นให้กับนิวคาสเซิลในช่วงพรีซีซัน ซึ่งต่างจากเอกิติเกมากที่เขาสามารถวิ่งไล่ วิ่งเพรสซิงคู่แข่งได้ตลอด ทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล
และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมอูโก เอกิติเกถึงกลายมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูลได้ในเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนมีข่าวซื้อขายช่วงแรก เขาโดนสบประมาทพอสมควร แต่มาถึงตอนนี้เขาได้ลบคำสบประมาทนั้นไปได้แล้วทั้งหมด ที่เหลือจากนี้ก็คือการพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าจะสามารถยืนระยะและแบกความคาดหวังของแฟน ๆ ได้ยาวนานแค่ไหน
แต่อย่างน้อยนี่ก็คือหนึ่งในเรื่องดี ๆ ในฤดูกาลนี้ของลิเวอร์พูลที่เจอแต่สารพัดปัญหาและมรสุม
แหล่งที่มา
เนื้อหา:
●
https://www.nytimes.com/athletic/6891069/2025/12/16/hugo-ekitike-liverpool-striker/
●
https://theanalyst.com/articles/hugo-ekitike-liverpool-impact-stats
รูปภาพ:
●
https://www.facebook.com/LiverpoolFC
ฟุตบอล
กีฬา
เรื่องเล่า
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย