วันนี้ เวลา 03:00 • คริปโทเคอร์เรนซี

Leverage เท่าไหร่เหมาะกับพอร์ตแบบไหน (มีตัวอย่างตัวเลข)

คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า “Leverage สูง = กำไรเยอะ”
แต่ในโลกความจริงของฝ่ายบริหารความเสี่ยง (Risk Team) มันแปลว่า
“Leverage สูง = แพ้เร็วขึ้น ถ้าคุมขนาดไม้ไม่เป็น” 😄
ประเด็นสำคัญ: Leverage ไม่ใช่ความเสี่ยงโดยตรง
สิ่งที่กำหนดความเสี่ยงจริงๆ คือ 2 อย่างนี้
1. คุณยอมเสียได้กี่ % ต่อไม้ (Risk per trade)
2. Stop Loss ห่างแค่ไหน (% Stop distance)
สูตรคิดแบบมืออาชีพ (จำบรรทัดเดียวจบ)
ขนาด Position (Notional) = เงินที่ยอมเสีย / ระยะ SL
และ
Leverage ที่ใช้ = Notional / เงินทุนในบัญชี
1) ไล่จาก “พอร์ตแบบไหน” ก่อน แล้วค่อยเลือก Leverage
A) พอร์ตสาย “อยู่รอดก่อน” (Conservative / Spot-heavy)
เหมาะกับ: นักลงทุนถือ Spot เป็นหลัก, เน้นไม่พัง, ไม่อยากโดนล้างพอร์ต
Leverage แนวทาง:
0x (Spot) เป็นฐาน
ถ้าจำเป็นต้อง Futures ให้ใช้ 1–2x แบบ Hedge (ไม่ใช่เพื่อเล่นใหญ่)
แนวคิด: พอร์ตนี้ให้ความสำคัญกับ Volatility ต่ำ + วินัยสูง มากกว่าความมันส์
B) พอร์ต “Balanced” (มีทั้ง Spot + Futures เก็บจังหวะ)
เหมาะกับ: ถือ Spot 60–80% และมี Futures สำหรับจังหวะสั้น/ป้องกันความเสี่ยง
Leverage แนวทาง:
Swing trade: 2–5x (คุมไม้, มี SL ชัด)
Hedge: 1–3x (กันย่อ ไม่ใช่เปิดมาเพื่อภาวนา)
แนวคิด: Futures คือ “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “เครื่องดื่มชูกำลัง”
C) พอร์ต “Active Trader” (เน้นเทรดรายวัน/สั้น)
เหมาะกับ: มีเวลาหน้าจอ, ใช้ SL สั้น, เน้นความแม่น + ระบบ
Leverage แนวทาง:
Intraday / Scalping: 5–10x (เฉพาะคนมีวินัยสูง)
เกิน 10x เริ่มเป็นโหมด “พอร์ตคุณคือของเล่นของความผันผวน”
แนวคิด: สายนี้ “ไม่ได้ชนะด้วยเลเวอเรจ” ชนะด้วย ระบบ + ความถี่ + คุม DD
D) พอร์ต “สายลุ้น / สายเสี่ยงสูง” (Aggressive / YOLO)
ถ้าคุณถามว่า “20x–50x ดีไหม”
คำตอบแบบบริษัทประกันคือ: ไม่รับเคลมครับ 😅
เพราะการแกว่งนิดเดียวก็ชน SL/ลิควิดได้ และคุณจะติดวงจร “แก้มือ”
2) ตัวอย่างตัวเลข (เห็นภาพชัด)
สมมติคุณมีทุน $10,000 และตั้งกฎว่า
ยอมเสียต่อไม้ = 1% → $100
เคส 1: คุณตั้ง SL ห่าง 2% (เหมาะกับ Swing)
เงินที่ยอมเสีย = $100
SL = 2%
Notional = 100 / 0.02 = $5,000
Leverage ที่ใช้ = 5,000 / 10,000 = 0.5x
แปลไทย: ต่อให้เป็น Futures ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เลเวอเรจสูงเลย เพราะ “คุมเสี่ยงด้วยขนาดไม้”
เคส 2: คุณตั้ง SL ห่าง 0.5% (เหมาะกับ Intraday)
Notional = 100 / 0.005 = $20,000
Leverage = 20,000 / 10,000 = 2x
นี่คือเหตุผลที่ “สายสั้น” ใช้ leverage ได้มากขึ้น โดยไม่เพิ่มความเสี่ยง
เพราะ SL สั้นกว่า แต่ต้องแม่นกว่า
เคส 3: คุณตั้ง SL ห่าง 0.2% (แนว Scalping โหด)
Notional = 100 / 0.002 = $50,000
Leverage = 50,000 / 10,000 = 5x
สังเกตนะครับ…
Leverage 5x ไม่ได้แปลว่าเสี่ยง
ถ้าคุณคุม “Risk per trade” ไว้เท่าเดิมและมี SL จริง
> ปัญหาของรายย่อยไม่ใช่ใช้ 10x
แต่คือใช้ 10x แล้ว “ไม่มี SL” หรือ “เพิ่มไม้ตอนติดลบ”
3) กฎเหล็กเลือก Leverage ให้เหมาะกับพอร์ต (เอาไปใช้ได้เลย)
1. เริ่มจาก Risk per trade ก่อน (0.5%–2% แล้วแต่สไตล์)
2. เลือก SL ให้สัมพันธ์กับ timeframe (ยิ่งสั้น SL ยิ่งสั้น แต่ต้องมีเหตุผล)
3. คำนวณ Notional แล้วค่อยดูว่า “ต้องใช้ leverage เท่าไหร่จริงๆ”
4. ถ้าใช้ Futures แนะนำ Isolated margin มากกว่า Cross (กันพอร์ตโดนลากทั้งบัญชี)
5. ถ้าต้องใช้เกิน 10x เพื่อให้ “ได้กำไรที่รู้สึกคุ้ม” → สัญญาณเตือนว่า ขนาดพอร์ต/กลยุทธ์ยังไม่บาลานซ์
สรุปให้สั้นแบบผู้บริหารความเสี่ยง
พอร์ตถือยาว/Spot-heavy: 0x เป็นหลัก, Futures 1–2x เพื่อ Hedge
พอร์ตผสม: 2–5x สำหรับ Swing/จังหวะ
พอร์ตเทรดสั้นจริงจัง: 5–10x ได้ ถ้า SL สั้น + มีวินัย
ไม่ใช่ใครก็เหมาะกับ 20x+ เพราะความผันผวนจะ “บริหารคุณ” แทนคุณ
ถ้าอยากให้ผมช่วย “คำนวณเลเวอเรจที่เหมาะกับสไตล์คุณ”
บอกมา 3 อย่าง: ทุน / ยอมเสียต่อไม้กี่ % / SL เฉลี่ยกี่ %
เดี๋ยวผมสรุปเป็นสูตรใช้งานจริงให้เลยครับ
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง!
ถ้าคุณอยากเลือก Leverage แบบ “เป็นระบบ” ไม่ใช่เลือกตามอารมณ์หรือความคันมือ ทักมาได้ เดี๋ยวผมช่วยตั้งกฎ Risk/ไม้ + SL + ขนาด Position ให้เหมาะกับพอร์ตคุณแบบใช้งานจริง
บัญชีเทรด & แพลตฟอร์มที่ผมใช้
#ลงทุนคริปโต #Futures #Leverage #RiskManagement #บริหารความเสี่ยง #วิเคราะห์กราฟ #เทรดอย่างมีวินัย #ลงทุนทองคำ
โฆษณา