28 ธ.ค. เวลา 02:00 • อสังหาริมทรัพย์

ทวงหนี้แบบมืออาชีพให้ได้คืน — ถูกกฎหมาย โดยไม่เสียความสัมพันธ์

การให้ใครสักคนยืมเงิน หรือมีหนี้ค้างชำระ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือคนรู้จัก ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสนุก หากต้องทวงถาม แต่การ “ทวงหนี้ให้ได้จริง ๆ” ก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย และอยากได้เงินคืนโดยไม่ผิดข้อบังคับหรือต้องเผชิญปัญหาทางกฎหมายหรือความสัมพันธ์ตามมา
บทความนี้สรุปแนวทางในการทวงหนี้ให้ได้คืนอย่างถูกต้องตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 พร้อมวิธีการจัดการจริงที่ช่วยเพิ่มโอกาสได้เงินคืนโดยไม่ขัดแย้งกับลูกหนี้หรือสังคม
ทำความเข้าใจกฎหมายก่อนทวงหนี้
ก่อนจะเริ่มทวงถามหนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจ กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะการทวงหนี้ “ผิดวิธี” แม้คุณจะมีสิทธิ์ ก็อาจทำให้เป็นเรื่องผิดกฎหมายได้
ใครต้องปฏิบัติตามกฎหมายทวงหนี้?
  • เจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้หรือให้ยืมจริง
  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียกเงินคืนจากหนี้ที่มีหลักฐาน
  • บริษัทสินเชื่อและหน่วยงานที่ทำหน้าที่เรียกเก็บหนี้
การละเมิดกฎหมายนี้ เช่น การข่มขู่ ด่าทอ เปิดเผยหนี้ให้ผู้อื่น หรือทวงหนี้นอกเวลาทำการ เป็นสิ่งที่กฎหมายห้ามอย่างชัดเจน
ข้อห้ามสำคัญเมื่อทวงหนี้
เพื่อให้การทวงหนี้อยู่ในกรอบที่ “ถูกต้องและปลอดภัย” ควรหลีกเลี่ยงวิธีการดังต่อไปนี้:
  • ห้ามข่มขู่หรือล่วงละเมิดลูกหนี้ ด้วยคำพูดรุนแรง
  • หลีกเลี่ยงการเผยแพร่เรื่องหนี้ให้บุคคลที่สามทราบ
  • อย่าทวงในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดว่าไม่เหมาะสม เช่น ดึกดื่นหรือในวันหยุด
  • ห้ามโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อประจานลูกหนี้
กฎหมายทวงหนี้ยังระบุเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อ เช่น วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.00–20.00 น. และวันหยุดราชการ 08.00–18.00 น. เพื่อไม่ให้เป็นการคุกคามและละเมิดสิทธิ์ของลูกหนี้ด้วย
เอกสารหลักฐานที่ควรเตรียม
การมี หลักฐานชัดเจน ทำให้การทวงเงินของคุณมีน้ำหนักมากขึ้น เช่น:
  • สัญญากู้ยืมเงินหรือข้อตกลงยืมเงิน
  • หลักฐานการโอนเงิน เช่น สลิป หรือการโอนผ่านระบบธนาคาร
  • ข้อความสนทนา และเงื่อนไขการชำระเงินที่ตกลงกันไว้
การมีหลักฐานเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณอ้างอิงชัดเจนเมื่อทวงหนี้ แต่ยังช่วยในกรณีที่จะ “ดำเนินคดี” ถ้าลูกหนี้เพิกเฉยต่อการทวงถามด้วยวิธีปกติ
วิธีพูดคุยให้ได้เงินคืน โดยไม่เสียใจ
การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของการทวงหนี้ที่ได้ผลและรักษาความสัมพันธ์:
  • ใช้น้ำเสียง สุภาพและให้เกียรติ
  • อธิบายเหตุผลว่าคุณขาดเงินในจังหวะนี้แทนการกล่าวหาว่าอีกฝ่ายผิด
  • เสนอทางเลือก เช่น ให้ผ่อนชำระเป็นงวด หรือตกลงวันคืนเงินใหม่
การพูดคุยด้วยความเข้าใจมากกว่าการกดดัน จะช่วยให้ลูกหนี้ยินยอมจ่ายมากกว่า และยังรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันได้
เมื่อทุกวิธียังไม่ได้ผล
ถ้าคุณได้เตรียมเอกสารครบและทวงถามอย่างถูกต้องแล้ว แต่ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้:
  • ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้มี บันทึกประจำวัน
  • ใช้เอกสารชี้ชัดเพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง
  • หากศาลออกหมาย ศาลอาจสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หรือบังคับคดี เช่น อายัดทรัพย์ตามคำสั่งศาล
สรุป
การทวงหนี้อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งที่เจ้าหนี้ทุกคนควรทำ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และยึดหลัก “สุภาพ โปร่งใส และมีหลักฐาน” เพื่อให้โอกาสได้เงินคืนมากขึ้น โดยไม่ทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือชื่อเสียงของใครเสียหาย หากวิธีปกติไม่สำเร็จ การใช้ช่องทางทางกฎหมายอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณเรียกเงินคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด
อยากอ่านบทความเต็มๆ สามารถอ่านได้ที่
โฆษณา