19 ธ.ค. เวลา 11:00 • การศึกษา

## Episode147: Kinesiology of Ankle and Foot #7

Ligaments of the Ankle ##
.
ข้อเท้าเป็นข้อต่อที่ต้องมีการเคลื่อนไหวในหลากหลายทิศทาง แต่ก็ยังต้องมีความมั่นคง ในบทความนี้ผมจะพูดถึงเอ็นยึดข้อหรือ ligaments ของข้อเท้า ซึ่งมีความสำคัญมากในการสร้างความมั่นคงให้กับข้อเท้าและป้องกันการบาดเจ็บครับ
เอ็นยึดข้อเท้าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ เอ็นยึดข้อด้านข้าง (lateral ligaments), เอ็นยึดข้อด้านใน (medial ligaments หรือ deltoid ligament) และเอ็นยึดข้อระหว่าง tibia กับ fibula (tibiofibular ligaments) ครับ
เริ่มจากกลุ่มแรกคือ "Lateral ligaments" ซึ่งเป็นเอ็นยึดข้อที่อยู่ทางด้านข้างนอกของข้อเท้า ประกอบด้วย ligament 3 เส้น ที่ยึดระหว่าง lateral malleolus กับกระดูกเท้าครับ
"Anterior talofibular ligament (ATFL)" เป็นเอ็นยึดข้อที่มีขนาดเล็กและบางที่สุดในกลุ่ม lateral ligaments วางตัวในแนวเฉียงจาก anterior aspect ของ lateral malleolus ไปยัง neck of talus ในท่ายืนปกติ เอ็นยึดข้อนี้จะวางตัวในแนวขนานกับแกนยาวของเท้า มีความยาวประมาณ 15-20 มิลลิเมตร และมีความกว้างประมาณ 6-10 มิลลิเมตร เป็นเอ็นยึดข้อที่จะตึงในท่า plantarflexion และมีหน้าที่หลักในการป้องกันไม่ให้ talus เคลื่อนไปข้างหน้าเทียบกับ tibia และ fibula รวมถึงการป้องกันการเกิด excessive inversion ของข้อเท้าด้วยครับ
ATFL เป็นเอ็นยึดข้อที่ได้รับบาดเจ็บบ่อยที่สุดในข้อเท้า (มากกว่า 90% ของการบาดเจ็บเอ็นยึดข้อเท้า) เนื่องจากมีความแข็งแรงน้อยที่สุดในกลุ่ม lateral ligaments และจะตึงมากในท่า plantarflexion ซึ่งเป็นท่าที่ข้อเท้ามักจะอยู่ในขณะที่เกิดการบาดเจ็บแบบ inversion sprain ครับ
"Calcaneofibular ligament (CFL)" เป็นเอ็นยึดข้อที่มีขนาดเล็ก วางตัวในแนวเฉียงจาก inferior aspect ของ lateral malleolus ไปยัง posterior aspect ของ calcaneus มีความยาวประมาณ 20-30 มิลลิเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-8 มิลลิเมตร เอ็นยึดข้อนี้จะตึงในท่า dorsiflexion และมีหน้าที่หลักในการป้องกันการเกิด excessive inversion ของข้อเท้าครับ
CFL มีความพิเศษตรงที่วางตัวพาดผ่านทั้ง talocrural joint และ subtalar joint จึงช่วยสร้างความมั่นคงให้กับทั้งสองข้อต่อ เอ็นยึดข้อนี้มักได้รับบาดเจ็บร่วมกับ ATFL ในกรณีที่มีการบาดเจ็บรุนแรง (grade II หรือ III) ของข้อเท้าครับ
"Posterior talofibular ligament (PTFL)" เป็นเอ็นยึดข้อที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม lateral ligaments วางตัวในแนวเกือบขนานกับพื้นจาก posterior aspect ของ lateral malleolus ไปยัง posterior tubercle ของ talus มีความยาวประมาณ 30 มิลลิเมตร และมีความกว้างประมาณ 5-8 มิลลิเมตร เอ็นยึดข้อนี้จะตึงในท่า dorsiflexion และมีหน้าที่หลักในการป้องกันการเคลื่อนของ talus ไปด้านหลังเทียบกับ tibia และ fibula ครับ
PTFL เป็นเอ็นยึดข้อที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดในกลุ่ม lateral ligaments เนื่องจากมีความแข็งแรงสูง และตำแหน่งการวางตัวทำให้ไม่ค่อยได้รับแรงดึงในขณะที่เกิดการบาดเจ็บแบบ inversion sprain ทั่วไป การบาดเจ็บของ PTFL มักพบในกรณีที่มีการบาดเจ็บรุนแรงมากเท่านั้นครับ
กลุ่มที่สองคือ "Medial ligaments" หรือที่เรียกรวมกันว่า "Deltoid ligament" เป็นเอ็นยึดข้อที่อยู่ทางด้านในของข้อเท้า มีลักษณะเป็นเอ็นยึดข้อแผ่นใหญ่รูปสามเหลี่ยมที่แข็งแรงมาก วางตัวจาก medial malleolus ไปยังกระดูกเท้าหลายชิ้น แบ่งเป็น 2 ชั้นคือ superficial layer และ deep layer ครับ
"Superficial layer" ของ deltoid ligament แผ่กว้างคล้ายพัด ประกอบด้วย ligament 4 เส้นคือ
"Tibionavicular part" วางตัวจาก anterior aspect ของ medial malleolus ไปยัง tuberosity ของ navicular ส่วน "Tibiocalcaneal part" วางตัวจาก tip ของ medial malleolus ไปยัง sustentaculum tali ของ calcaneus
"Anterior tibiotalar ligament (superficial part)" วางตัวจาก anterior aspect ของ medial malleolus ไปยัง neck of talus
"Posterior tibiotalar ligament (superficial part)" วางตัวจาก posterior aspect ของ medial malleolus ไปยัง posteromedial tubercle ของ talus
"Deep layer" ของ deltoid ligament อยู่ลึกกว่าและเป็นส่วนที่สำคัญกว่าในการสร้างความมั่นคงให้กับข้อเท้า ประกอบด้วย ligament 2 เส้นคือ
"Anterior tibiotalar ligament" วางตัวจาก anterior aspect ของ medial malleolus ไปยัง medial surface ของ talus
"Posterior tibiotalar ligament" วางตัวจาก posterior aspect ของ medial malleolus ไปยัง medial surface ของ talus
Deltoid ligament โดยรวมมีหน้าที่หลักในการป้องกันการเกิด excessive eversion ของข้อเท้า และป้องกันการเคลื่อนของ talus ออกจาก mortise ไปทางด้าน medial เอ็นยึดข้อนี้มีความแข็งแรงมากและได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า lateral ligaments อย่างมาก แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บ มักจะมีความรุนแรงและใช้เวลาในการฟื้นฟูนานกว่าครับ
กลุ่มที่สามคือ "Tibiofibular ligaments" เป็นเอ็นยึดข้อที่เชื่อมระหว่าง tibia กับ fibula บริเวณ distal tibiofibular joint ประกอบด้วย ligament 4 เส้นครับ
"Anterior inferior tibiofibular ligament (AITFL)" เป็นเอ็นยึดข้อที่มีลักษณะแบนกว้าง วางตัวในแนวเฉียงจาก anterior tubercle ของ tibia ไปยัง anterior aspect ของ lateral malleolus มีความยาวประมาณ 20 มิลลิเมตร และมีความกว้างประมาณ 8-12 มิลลิเมตร เอ็นยึดข้อนี้จะตึงในท่า dorsiflexion เนื่องจาก talus ส่วนที่กว้างกว่าจะถูกดันเข้าไปในช่องระหว่าง tibia และ fibula ทำให้เกิดการแยกออกจากกันเล็กน้อยของ tibia และ fibula (diastasis) ครับ
"Posterior inferior tibiofibular ligament (PITFL)" เป็นเอ็นยึดข้อที่มีลักษณะแบนกว้างและแข็งแรง วางตัวในแนวเฉียงจาก posterior tubercle ของ tibia ไปยัง posterior aspect ของ lateral malleolus มีความยาวประมาณ 30 มิลลิเมตร และมีความกว้างประมาณ 10-20 มิลลิเมตร เอ็นยึดข้อนี้มีลักษณะพิเศษคือมีส่วนที่ยื่นลงมาด้านล่างเรียกว่า "Inferior transverse ligament" ซึ่งวางตัวในแนวขวาง จาก posterior margin ของ tibia ไปยัง posterior aspect ของ lateral malleolus สร้างขอบด้านหลังของ mortise ที่รองรับ talus ครับ
"Interosseous tibiofibular ligament" เป็นเอ็นยึดข้อที่เป็นส่วนสุดท้ายของ interosseous membrane ที่เชื่อมระหว่าง tibia และ fibula ตลอดความยาวของกระดูกทั้งสอง เอ็นยึดข้อนี้มีลักษณะเป็นเส้นใยหนา แข็งแรง และสั้น เชื่อมระหว่าง tibia และ fibula บริเวณเหนือ ankle mortise ขึ้นไปเล็กน้อย ร่วมกับเส้นใยจำนวนมากที่วางตัวในแนวเฉียงลงจาก tibia ไปยัง fibula ครับ
"Interosseous transverse ligament" เป็นเอ็นยึดข้อที่วางตัวในแนวขวางระหว่าง anterior tubercle กับ posterior tubercle ของ tibia และบริเวณที่เว้าของ fibula ที่มาเชื่อมต่อกับ tibia อยู่ลึกกว่า AITFL และ PITFL เอ็นยึดข้อนี้ร่วมกับ interosseous membrane ช่วยในการรักษาความมั่นคงของ distal tibiofibular joint ป้องกันการแยกออกจากกันของ tibia และ fibula ในท่า dorsiflexion ครับ
Tibiofibular ligaments ทั้งหมดทำหน้าที่ร่วมกันในการรักษาความมั่นคงของ distal tibiofibular joint ป้องกันการแยกออกจากกันของ tibia และ fibula (syndesmosis injury) ซึ่งมีความสำคัญมากในการรักษาความมั่นคงของ ankle mortise ที่รองรับ talus การบาดเจ็บของ tibiofibular ligaments มักเรียกว่า "high ankle sprain" ซึ่งมักเกิดจากการหมุนบิดภายนอก (external rotation) ของเท้าอย่างรุนแรง พบได้บ่อยในนักกีฬา และมักใช้เวลาในการฟื้นฟูนานกว่าการบาดเจ็บของ lateral ligaments ทั่วไปครับ
โดยสรุป เอ็นยึดข้อของข้อเท้ามีความสำคัญมากในการสร้างความมั่นคงให้กับข้อเท้า โดยเฉพาะในท่าที่ไม่ใช่ close-pack position เช่น plantarflexion ซึ่งเป็นท่าที่ข้อเท้ามีความมั่นคงทางกลไกน้อย ความเข้าใจในกายวิภาคและการทำงานของเอ็นยึดข้อเหล่านี้มีความสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาการบาดเจ็บของข้อเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ ในบทความต่อไป ผมจะพูดถึง ligament สำคัญที่อยู่ในเท้าต่อไปครับ
ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ผมฝากกด like กดแชร์ กดติดตามเพจphysioupskillด้วยนะครับ ส่วนถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรก็commentไว้ด้านล่างได้เลยครับ
PhysioUpskill
#Physioupskill
⭐สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถอ่านบทความอื่นๆได้ที่ https://physioupskill.com/บทความ/ หรือดูรายละเอียดคอร์สเรียนของเพจได้ที่ https://physioupskill.com/คอร์สเรียน/ ได้เลยครับ
Ref.
Neumann, D. A. (2017). Kinesiology of the musculoskeletal system: Foundations for Rehabilitation. Mosby.
Drake, R., Vogl, A. W., & Mitchell, A. W. M. (2019). Gray's Anatomy for Students.
Moore, K. L., Dalley, A. F., & Agur, A. M. R. (2018). Clinically Oriented Anatomy. Wolters Kluwer.
Oatis, C. A. (2016). Kinesiology: The Mechanics and Pathomechanics of Human Movement. Lippincott Williams & Wilkins.
โฆษณา