Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถอดบทเรียนการลงทุน ตลอด 68 ปี จากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffett ตั้งแต่ฉบับแรกถึงฉบับสุดท้าย
ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ก็จะเริ่มต้นปีใหม่ คือปี 2026 กันแล้ว
และในปีเดียวกันนี้เอง บริษัทระดับตำนานของโลกอย่าง Berkshire Hathaway ก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
นั่นก็เพราะคุณ Warren Buffett นักลงทุนในตำนาน ผู้บ่มเพาะอาณาจักรธุรกิจนี้ให้เติบใหญ่ มาเป็นเวลาถึง 68 ปี ได้ตัดสินใจวางมือลงอย่างเด็ดขาด
อันที่จริงแล้ว ตำนานความยิ่งใหญ่ของคุณ Buffett ไม่ได้มีแค่ผลงานในการสร้าง Berkshire Hathaway เพียงเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงความใจดีของเขา ที่คอยแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมา ตลอดเส้นทางการทำธุรกิจ ให้ทุกคนที่สนใจ ได้อ่านกันแบบฟรี ๆ ผ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้น ที่เขาเขียนขึ้นทุกปีอีกด้วย
แล้วพวกเราเคยรู้กันมาบ้างหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วคุณ Buffett เขียนจดหมายคล้าย ๆ กันแบบนี้ มาตั้งแต่สมัยบริหารกองทุนของตัวเอง ที่ชื่อ Buffett Partnership แล้ว
หากสงสัยว่า ความรู้อันทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา ที่คุณ Warren Buffett เขียนให้ทุกคนได้อ่านกันมา ตั้งแต่ยุคแรกคือปี 1957 มาจนถึงจดหมายฉบับสุดท้ายนี้
มีเรื่องอะไรที่ทรงคุณค่า เหนือกาลเวลา ให้เราควรจดจำจนขึ้นใจบ้าง..
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. หุ้นคือส่วนหนึ่งของเจ้าของธุรกิจ
การลงทุนในหุ้นก็คือการที่เราจ่ายเงินออกไป เพื่อซื้อความเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของบริษัท
ถึงแม้ว่าการเป็นแค่ผู้ถือหุ้น เราจะไม่ต้องเข้าไปบริหารจัดการธุรกิจเองโดยตรง เพราะมีผู้บริหารมืออาชีพ คอยดูแลบริษัทให้กับเราอยู่แล้ว
แต่หากเรามีหลักคิดในการเป็นเจ้าของกิจการด้วย สิ่งนี้ก็จะหล่อหลอมให้เรา ต้องวิเคราะห์บริษัทที่เราจะลงทุน อย่างละเอียดทุกครั้ง
เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่ดี ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเงินลงทุนของเรา ให้เติบโตขึ้น
เพราะจุดสำคัญในการลงทุนในหุ้น ก็คือการลงทุนในธุรกิจ หากธุรกิจเติบโตได้จริง ราคาหุ้นก็มักจะต้องเติบโตตามไปด้วย
2. เกณฑ์ 4 ข้อ จำขึ้นใจไว้เลือกหุ้นลงทุน
เมื่อเข้าใจถึงมุมมองการลงทุนหุ้น เหมือนกับการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของธุรกิจกันแล้ว
ต่อมาก็คือ หลักการ 4 ข้อ สำหรับใช้กรองหา สุดยอดธุรกิจที่น่าถือลงทุนไปยาว ๆ
- ธุรกิจที่เราสามารถเข้าใจได้
คุณ Buffett ให้ความสำคัญอย่างมาก ต่อการลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจเป็นอย่างดี โดยเขาแนะนำว่า เราจะต้องสามารถกำหนด “ขอบข่ายแห่งความรู้” หรือ “Circle of Competence” ของเราเองออกมาให้ได้
หากเรามี Circle of Competence ที่เด่นชัด เราก็จะรู้ว่า หุ้นประเภทไหนที่เราสามารถเข้าใจได้ และหุ้นแบบไหนที่เราไม่เข้าใจ
เพราะจุดตัดสำคัญข้อหนึ่งในการลงทุนก็คือ เราเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุน ดีจริงหรือไม่
หากเราลงทุนในสิ่งที่เราไม่ได้เข้าใจจริง ๆ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จได้ ก็คงดูจะไม่มาก แต่โอกาสที่เราจะขาดทุน กลับดูจะมีมากกว่า
ก่อนลงทุนหุ้นสักตัว เราจึงควรถามตัวเองเสียก่อนว่า Circle of Competence ของเราเป็นอย่างไร และหุ้นของบริษัทนี้ เราสามารถศึกษาจนเข้าใจ ได้จริงหรือเปล่า ?
- มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน
ในโลกนี้ มีบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทที่มีคุณภาพสูง สามารถเติบโตไปได้ในระยะยาวจริง ๆ กลับมีจำนวนไม่มากนัก
หากเราต้องการจะทำให้เงินทุนของเรา เติบโตแบบทบต้นไปได้อีกยาวไกล เราก็ควรลงทุนในธุรกิจที่ดี ที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
เพราะการมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน นอกจากจะช่วยปกป้องสถานภาพสุดแข็งแกร่งในปัจจุบันของบริษัท ให้อยู่ไปได้ยาวนานแล้ว
ก็ยังช่วยเพิ่มโอกาส ให้บริษัทมีความสามารถเติบโตต่อไปได้อีกหลายปีเช่นกัน
- มีผู้บริหารที่ดี
ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีคุณสมบัติประกอบด้วย มีความซื่อสัตย์, มีความสามารถ, ขยัน, มีวิสัยทัศน์ และมองผลประโยชน์ของตัวเอง สอดคล้องกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
การลงทุนในบริษัทที่มีผู้บริหารประเภทนี้ คอยดูแลบริษัทอยู่ มักจะทำให้เราลงทุนไปแล้ว รู้สึกสบายใจ
ไม่ต้องมาคอยกังวลว่า ผู้บริหารจะแอบทำอะไรไม่โปร่งใส ลับหลังผู้ถือหุ้นอยู่หรือไม่
ซึ่งคุณ Buffett เอง ให้ความสำคัญกับการเลือกผู้บริหารเป็นอย่างมาก เพราะเขาเชื่อว่า เราจะไม่มีทางได้รับข้อเสนอดี ๆ จากคนแย่ ๆ เป็นอันขาด
- ราคาเหมาะสม
ต่อให้บริษัทนั้นจะมีธุรกิจที่ดีมากแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่า เราควรจะต้องซื้อหุ้นในทุกราคา
เพราะถ้าเราซื้อหุ้นมาในราคาแพงเกินไป เมื่อเทียบกับศักยภาพในการสร้างผลประกอบการ ที่บริษัทสามารถทำได้ในระยะยาว
ผลตอบแทนที่เราได้รับกลับมา ก็มักจะน้อย จนเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเลย
แถมการที่เราซื้อมาแพงเกินไป ก็ยังไปเพิ่มโอกาสในการขาดทุน เป็นเงินจำนวนมาก ให้กับเราอีก
แต่ถ้าเราให้ความสำคัญ ถึงการเข้าซื้อธุรกิจในราคาที่เหมาะสม คือไม่แพงมากจนเกินไป
โอกาสขาดทุนก็จะลดน้อยลง แถมยังช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร ในอัตราที่สูงขึ้น ให้กับเราในระยะยาวได้อีกด้วย
3. เข้าใจความแตกต่าง ระหว่างราคาและมูลค่า
คุณ Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และเป็นอาจารย์ของคุณ Buffett เคยกล่าวประโยคอมตะไว้ว่า
“ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ”
ประโยคสั้น ๆ นี้ สะท้อนปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าทั้งหมดเอาไว้แล้ว
เพราะแก่นแท้ของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าก็คือ การลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าที่แท้จริง สูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบัน
ส่วนต่างของราคาและมูลค่าที่แท้จริงนี้ เราเรียกว่า “ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย” หรือ “Margin of Safety”
การมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยที่มากพอ จะช่วยทั้งลดโอกาสในการขาดทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ไปพร้อมกัน
ซึ่งมุมมองของคุณ Buffett ก็เหมือนกับคุณ Graham เลย คือเชื่อว่า ในระยะยาวราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริงเสมอ
เวลาที่เราควรลงทุน จึงเป็นตอนที่ราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงนั่นเอง
4. มองหาแต่ธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
คุณสมบัติของบริษัทคุณภาพสูง มีอยู่หลายองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้
- สร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนได้คุ้มค่าสม่ำเสมอ
บริษัทที่ดีจะต้องเป็นเครื่องจักรในการสร้างผลตอบแทนแบบทบต้น ในรูปของกระแสเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นได้มหาศาล
และผลตอบแทนที่ทำออกมาได้นั้น เมื่อนำกลับไปลงทุนเพิ่ม จะทำให้บริษัทเติบโตต่อไปได้ โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน ก็จะยังต้องสูงอยู่ ไม่ต่างจากเดิม
- มีคูเมืองทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
คูเมืองทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Moat เปรียบเสมือนป้อมปราการสุดแข็งแกร่ง ที่จะช่วยปกป้องให้บริษัท อยู่รอดต่อไปในการแข่งขันทางธุรกิจได้ในระยะยาว
และในขณะเดียวกัน บริษัทที่มีคูเมืองแข็งแกร่งก็มักจะมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนได้ มากกว่าบริษัทที่มีคูเมืองอ่อนแอ
คุณสมบัติของคูเมือง มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง เช่น การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, เป็นผู้ผลิตต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง, ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งยากมาก
รวมถึงการมีสิทธิบัตรหรือกฎระเบียบบางอย่าง คอยคุ้มครองให้บริษัท สามารถทำธุรกิจแบบนั้นได้เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น
- มีความสามารถในการขึ้นราคา
บริษัทที่แข็งแกร่งมาก ๆ จะมีความสามารถในการขึ้นราคาได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าลูกค้าจะหายไป
นั่นก็เพราะ ลูกค้ามองว่า ต่อให้บริษัทของเราขึ้นราคา ผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ ก็ยังคุ้มค่ากว่าการเปลี่ยนใจย้ายไปใช้บริการของคู่แข่งแทน
นอกจากนี้ ธุรกิจที่มีความสามารถในการขึ้นราคา มักจะมีความสามารถในการทนทานต่ออัตราเงินเฟ้อ มากกว่าธุรกิจที่ไม่สามารถขึ้นราคาได้
ซึ่งความสามารถในการขึ้นราคาแบบนี้ ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ในการเพิ่มมูลค่าของบริษัทในระยะยาว นอกจากการหาลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มอีกด้วย
- เติบโตได้ โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มไม่มากนัก
ธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ในแต่ละปี จะต้องสามารถเติบโต พร้อมทั้งสร้างกระแสเงินสดได้มหาศาล โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม จำนวนมากสักเท่าไรนัก
แต่ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่แย่ มักจะเป็นบริษัทที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก อยู่เป็นประจำ เพื่อทำให้ตัวเองยังมีความสามารถในการแข่งขันต่อไปได้ หรือจะเติบโตได้ ก็ทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
5. สุดยอด CEO ต้องบริหารเก่ง และจัดสรรเงินทุนได้ดีเยี่ยม
คุณ Buffett เชื่อว่า การบริหารการทำธุรกิจในแต่ละวันของบริษัทให้เติบโต เป็นหน้าที่ของ CEO เพียงครึ่งเดียว
เพราะอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญ นั่นคือการจัดสรรเงินทุนของบริษัท ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ผ่านการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโต หรือการคืนผลประโยชน์กลับมาให้ผู้ถือหุ้น
คุณ Buffett มีมุมมองต่อเรื่องการจัดสรรเงินทุน เป็นแบบนี้
- หากเห็นว่า ถ้านำกระแสเงินสดที่บริษัททำได้กลับไปลงทุนขยายธุรกิจเพิ่มเติม แล้วได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่า ก็ควรเอาเงินสดไปลงทุนต่อ
- แต่ถ้าทำผลตอบแทนได้เพียงน้อยนิด ก็มีวิธีการที่ดีกว่า คือการจ่ายเงินปันผล หรือซื้อหุ้นคืนแทน
2
ซึ่งวิธีการทั้ง 2 ตามที่กล่าวมา ต่างก็สามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้เหมือนกัน
6. ทำความเข้าใจ “นายตลาด”
มีอีกแนวคิดหนึ่งของคุณ Benjamin Graham ที่โด่งดังมาก ๆ ไม่แพ้เรื่องแนวคิด “ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย” เลย
นั่นคือ “Mr. Market” หรือ “นายตลาด”
แนวคิดทั้ง 2 อย่างนี้ มีอิทธิพลต่อการลงทุนของคุณ Buffett เป็นอย่างมาก
ถ้าส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย มีไว้เพื่อช่วยเราลดโอกาสในการขาดทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
แนวคิดเรื่องนายตลาดนั้น ก็เป็นเสมือนหลักของจิตวิทยาในการลงทุน ที่สอนวิธีให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากความผันผวนในตลาด
- ในช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคัก เพราะมีคนแห่เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก จนดันให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่แพงเกินไป
เป็นช่วงที่เราควรหลีกเลี่ยง เพราะโอกาสได้กำไรมีน้อย แต่โอกาสขาดทุนจะมีมาก
- ในช่วงตลาดหุ้นเซื่องซึม เพราะคนส่วนใหญ่หนีออกไปจากตลาดหุ้น ทำให้มีหุ้นราคาถูก อยู่เต็มตลาด
ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่น่าลงทุนที่สุด เพราะจะมีหุ้นคุณภาพดี ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงจำนวนมากถูกเทขายเต็มไปหมด
ถ้าหากเราเลือกหุ้นได้ถูกตัว เราก็มีโอกาสจะทำกำไรได้มหาศาล จนอาจจะเปลี่ยนชีวิตของเราได้เลย
7. หลีกเลี่ยงการใช้เงินกู้มาร์จิน
คุณ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า
“ถ้าคุณฉลาด คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้มาร์จิน แต่ถ้าคุณไม่ฉลาด คุณยิ่งไม่ควรใช้เข้าไปใหญ่”
1
เพราะหากเราเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถมากจริง ๆ ด้วยการทำผลตอบแทนทบต้น ให้ได้ในอัตราที่มากกว่าค่าเฉลี่ย เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากพอ เราก็จะสามารถมั่งคั่งมาก ๆ ได้เหมือนกัน
แต่ถ้าจริง ๆ แล้ว เราไม่ได้เป็นนักลงทุนที่มีความสามารถมากขนาดนั้น แต่เรากำลังหลอกตัวเองว่า เราเป็นนักลงทุนที่เก่งกว่านักลงทุนส่วนใหญ่
ความเชื่อแบบนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะจะทำให้เรากล้าลงทุนด้วยวิธีที่เสี่ยงจนเกินไป ผ่านการลงทุนในหุ้นเสี่ยง ๆ และใช้เงินกู้มาร์จิน เพื่อช่วยเพิ่มพลังผลตอบแทน
หากผลลัพธ์สุดท้ายออกมา ไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราคิด ความผิดพลาดนี้ ก็อาจจะส่งผลเสียร้ายแรง ให้เราขาดทุนเป็นเงินจำนวนมาก
หรือถึงขั้น โดนบังคับขายหุ้น จนเงินหมดตัวแล้ว แต่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด ก็เป็นได้..
8. ซื้อธุรกิจที่ดี ในราคายุติธรรม ดีกว่าการซื้อธุรกิจธรรมดา ๆ ในราคาถูก
การลงทุนในยุคแรกของคุณ Buffett จะเน้นไปที่การซื้อหุ้นในราคาถูกมาก โดยไม่ได้ให้น้ำหนักคุณภาพของธุรกิจมากนัก
พอราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะขายทำกำไร และเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นตัวใหม่ หมุนวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
แต่ในภายหลัง เขาได้รับอิทธิพลจากคุณ Charlie Munger คู่หูผู้ล่วงลับ จึงเปลี่ยนแนวทาง มาเน้นการลงทุนในบริษัทคุณภาพดี ที่ราคายุติธรรมแทน
นั่นก็เพราะว่า บริษัทคุณภาพธรรมดา ๆ ไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันสักเท่าไรนัก ทำให้ไม่สามารถถือลงทุนไปในระยะยาวได้ ต้องคอยหมุนหุ้นเร็ว ๆ เพื่อทำกำไร
แต่สำหรับบริษัทคุณภาพดีนั้นแตกต่างออกไป เพราะบริษัทประเภทนี้ มีความสามารถในการสร้างมูลค่าของตัวเอง ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาลในระยะยาว
หากเราลงทุนในหุ้นของบริษัทประเภทนี้ และอดทนถือไปในระยะเวลาที่ยาวนานมากพอ เราก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
ซึ่งตรงนี้เอง ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประโยคเด็ดที่คุณ Buffett เคยกล่าวเอาไว้เหมือนกันว่า
“เวลาเป็นมิตรกับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นศัตรูของบริษัทธรรมดา”
9. โชคมีผลแต่มานะของตนก็สำคัญ
มีคำกล่าวอมตะ อีกประโยคหนึ่ง กล่าวว่า
“ความพยายามเป็นของคน แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า”
ซึ่งในโลกของการลงทุนนั้น ในหลาย ๆ ครั้ง โชคก็มีผลอยู่ไม่น้อยเลย
คุณ Buffett เองก็ยอมรับว่า เขาก็เป็นอีกคนที่โชคดีมาก เพราะเขาได้เกิดมาเป็นผู้ชายผิวขาว ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเติบโต ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ
และเขาเองก็ยังเป็นคนที่มียีนที่ดี ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง จนมีอายุยืนยาวมานานได้ขนาดนี้
หากไม่ได้มีปัจจัยเหล่านี้เข้ามาสนับสนุนด้วย เขาเองก็อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จกับการลงทุนขนาดนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยเรื่องโชคจะมีความสำคัญอยู่บ้าง แต่ก็เป็นปัจจัยภายนอก ที่เราไม่สามารถควบคุมได้
และคุณ Buffett ก็เชื่อว่า โชคจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเราในระยะสั้นเท่านั้น
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด คือการเตรียมตัวให้พร้อม โดยทำเหตุปัจจัยให้ถูกต้องอยู่เสมอ
ไม่ว่าในระยะสั้น ปัจจัยเรื่องโชคจะส่งผลต่อเราอย่างไร แต่ถ้าในระยะยาว เราเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถมากจริง ๆ
เราก็จะสามารถลงทุนจนประสบความสำเร็จ สร้างความมั่งคั่งมหาศาลในตอนท้าย ได้เหมือนกัน
ดังนั้น สุดท้ายแล้ว หนทางที่ดีที่สุด จึงเป็นการไม่ยอมถอดใจล้มเลิกไปเสียก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
แต่จงอดทนเพื่ออยู่ในตลาดนี้ให้นานพอ ในบางครั้งเราอาจจะแพ้บ้าง ผิดพลาดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
แต่การทำผลตอบแทนแบบทบต้นไปเรื่อย ๆ แม้เราจะเป็นแค่นักลงทุนธรรมดา หรือเก่งกว่าค่าเฉลี่ยเพียงนิดหน่อย ในตอนนั้น เราก็ยังกลายเป็นคนที่มั่งคั่งมาก ๆ ได้อยู่ดี
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า บทความสรุปแก่นความรู้จากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นทุกฉบับ จากปลายปากกาของคุณ Warren Buffett บทความนี้
ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ที่ตั้งใจอ่านกันมาจนจบอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ ปี 2026 แล้ว และในปีหน้าที่กำลังจะถึงนี้ เราก็จะไม่ได้เห็นคุณ Warren Buffett บริหารงานและเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway อีกต่อไป
แต่องค์ความรู้ดี ๆ พร้อมกับประสบการณ์อันทรงคุณค่า ที่เขาถ่ายทอดออกมาด้วยใจ เป็นเวลากว่า 68 ปี
จะดำรงอยู่ และเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังต่อไป ตราบนานเท่านาน..
References
- จดหมาย Buffett Partnership ตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงฉบับสุดท้าย
- จดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ตั้งแต่ฉบับแรก จนถึงฉบับสุดท้าย ปี 2025
- หนังสือ Buffett and Munger Unscripted: Three Decades of Investment and Business Insights from the Berkshire Hathaway Annual Shareholder Meetings (2025) โดย Alex W. Morris
1
หุ้น
การลงทุน
55 บันทึก
31
37
55
31
37
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย