Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
3 ชั่วโมงที่แล้ว • ปรัชญา
watthakhanun
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าที่โรงแรม RAMADA By Wyndham อยู่ที่ ๑๑ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพเก็บข้าวของเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนตี ๕ ของประเทศเนปาล จึงลงไปทางด้านล่าง แล้วก็ถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ ตามเคย หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง ญาติโยมทั้งหลายก็ทยอยกันลงมาพร้อมกับกระเป๋าของตนเอง ไม่ต้องลำบากพนักงานทางด้านนี้ไปช่วยเก็บกระเป๋าจากหน้าห้อง
กระผม/อาตมภาพต้องมานั่งจารพระพุทธรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อองค์ดำก็ดี หลวงพ่อปางปรินิพพานก็ตาม ที่พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ, ดร.) ประธานคณะธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ท่านถวายมา และของวัดอื่น ๆ ที่ไปร่วมกันทอดผ้าป่า ก็ถวายข้าวของอย่างโน้นอย่างนี้มา แต่ด้วยความที่ว่าพระพุทธรูปหลายองค์ก็เริ่มหนัก จึงได้นั่งจารและอธิษฐานจิต เพราะว่ามีบุคคลอยากได้ไปบูชา ว่าแล้วก็จ่ายเป็นเงินไทยมาค่อนข้างจะแพงเลยทีเดียว..!
ครั้นตี ๕ ครึ่ง พวกเราก็ไปยึดห้องอาหาร รับประทานเป็นการใหญ่ เสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไล่แจกรางวัลให้กับพนักงานทุกคนของโรงแรม แม้กระทั่งเวรยาม หรือพนักงานเปิดประตู ได้ไปคนละ ๑๐๐ บาทไทย ยิ้มกว้างไปตาม ๆ กัน แล้วก็ไปแจกรางวัลให้กับพลขับรถบัสทั้ง ๒ คัน ๆ ละ ๓,๐๐๐ รูปี เด็กรถ ๒ คนอีกคนละ ๑,๐๐๐ รูปี ส่วนผู้ประสานงานของเรา ทั้งคุณวิชาญและคุณกูเป้ ให้ไปคนละ ๓,๐๐๐ รูปีเช่น
กัน เพราะว่าถ้าไม่ให้ตอนนี้ เดี๋ยวเงินจะหมดเสียก่อน..!
ส่วนที่เหลือก็มอบให้น้องการ์ตูน (นางสาวศรันย์พร บุรินทรโกษฐ์) ซึ่งดูแลรถคันของกระผม/อาตมภาพ ๕,๐๐๐ รูปี ให้น้องหนึ่ง (นางสาวณิชารีย์ จั่นแก้ว) ที่ดูแลรถบัสคันที่ ๒ จำนวน ๕,๐๐๐ รูปี แล้วพวกเราก็มาดูข้าวของที่ร้านทางด้านหน้าโรงแรม
กระผม/อาตมภาพสนใจสร้อยประคำ ๒ เส้น คนขายบอกว่า "เส้นละ ๑,๐๐๐ บาทไทยครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "แพงเกินไป ถ้า ๒ เส้น ๑,๐๐๐ บาทถึงจะซื้อ" ทำเอาอีกฝ่ายทำท่าคิดหนัก แต่เมื่อพวกเราเดินวนรอบหนึ่ง มีแต่ของแพงทั้งนั้น ก็เลยเดินออกมา ทำเอาพนักงานขายตามมาบอกว่า "อาจารย์ครับ ๒ เส้น ๑,๐๐๐
บาทก็ได้ครับ" กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องย้อนกลับไปจ่ายสตางค์จนได้..!
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถเพื่อที่จะตรงไปยังลุมพินีสถาน ซึ่งเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่รถของเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๒๕ นาที คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์ ซึ่งงวดนี้ขอมาเป็นลูกทัวร์ด้วย ทำการโฆษณาหนังสือ ๒ เล่ม ที่ใช้สำหรับแจกในงานศพตัวเอง..!
กระผม/อาตมภาพได้อ่านเล่มแรกไปแล้ว กำลังรออยู่ว่าเล่ม ๒ เมื่อไรจะออก ปรากฏว่าพิมพ์มาเป็นเล่มเรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่าถ้ามีเวลาต้องรีบอ่าน เนื่องเพราะว่าประสบการณ์ของคนอายุ ๘๐ กว่าปี ทั้งการดำรงชีวิตครอบครัว ทั้งการทำหน้าที่การงาน ฝ่าฟันกันมาลักษณะไหน จึงประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
เมื่อถึงทางด้านวัดไทยลุมพินี พวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ไปนั่งสามล้ออินเดียที่เรียกว่า "ริกชอร์" ที่ปกติแล้วนั่งกันคันละ ๔ คน แต่คันของกระผม/อาตมภาพนั้นนั่งไป ๕ รูป/คน..! เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพไปนั่งคู่กับคนขับ อาศัยว่าตัวเล็กไม่เกะกะ คนขับก็เลยไม่ว่าอะไร แต่ลืมไปว่ารถต้องวิ่งฝ่าความหนาวระดับ ๑๑ องศา
เซลเซียส เล่นเอาสะท้านไปเหมือนกัน..! รถวิ่งเข้าไปในอุทยานลุมพินีค่อนข้างจะลึกมาก จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่จอด แล้วก็ต้องเดินเข้าไปอีกเป็นระยะทางไกลทีเดียว ต้องผ่านบรรดาสวาวานรบริวารของพระรามจำนวนมาก ซึ่งออกมาจับเห็บจับเหากัน หลายตัวก็จ้องดูว่านักท่องเที่ยวจะมีอาหารให้หรือเปล่า ?
เมื่อพวกเรามาถึงบริเวณทางด้านหน้า ซึ่งมีดวงไฟที่จุดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยประมาณ ยังไม่เคยดับเลย เรียกกันว่า "เปลวไฟแห่งสันติภาพ" เมื่อหันไปทางซ้ายก็จะเห็นพระพุทธเจ้าปางประสูติ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่แต่ไกล พวกเราที่ทยอยกันมาถึง เข้าไปฟังคำบรรยายว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่
ว่าทำไม่สำเร็จ เนื่องเพราะว่าไปสั่งหินแกรนิตจากประเทศจีนมาทำฐาน ซึ่งทางด้านอินเดียนั้นไม่ชอบใจ เนื่องจากมีการกระทบกระทั่งกับจีน จนกระทั่งต้องมาปรึกษาพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรโพธิวงศ์ ท่านแนะนำว่าให้สั่งจากประเทศไทย เท่านั้นแหละ งานทุกอย่างก็สำเร็จลงด้วยดี..!
เมื่อฟังบรรยายและถ่ายรูปหมู่แล้ว ต้องเดินเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลเข้าไป แล้วก็เลี้ยวขวาเอารองเท้าไปฝากไว้ก่อน ใครที่มีถุงสวมเท้าที่ยังไม่ได้ทิ้งจากวันก่อนที่พุทธคยา ก็เอามาสวมกันใหม่ตรงนี้เอง จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปข้างในจนถึง "วิหารมหามายาเทวี" ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พวกเราต่อคิวนักท่องเที่ยวต่าง ๆ เข้าไปสักการะยังด้านใน สถานที่ภายในนี้เขาห้ามถ่ายรูป แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง เจ้าหน้าที่เขาเปิดทางแยกให้ไปสักการะอีกด้านหนึ่ง ทำเอาลูกศิษย์มือไวถ่ายรูปกระผม/อาตมภาพที่กำลังเงยหน้ามองภาพและ
อธิษฐานอยู่พอดี กลายเป็นว่าได้รูปสวยมาโดยไม่ได้ตั้งใจ..! จากนั้นพวกเราก็เดินทะลุออกไปทางด้านหลัง ชม "สระโบกขรณี" ตลอดจนกระทั่ง "ต้นโพธิ์ตรัสรู้" ที่ "ริปุมัลละ" ได้ไปนำเมล็ดมาจากพุทธคยามาขยายพันธุ์ปลูกไว้ที่นี่ อายุได้นับพันปีแล้ว..!
หลังจากนั้นก็ไปนั่งกราบพระ เจริญพระพุทธมนต์ เจริญพระกรรมฐาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แล้วมาถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่ริมบริเวณสระโบกขรณี เจอพรรคพวกเพื่อนฝูง
อีกหลายคณะที่แห่กันมา ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องกลายเป็นดาราหน้ากล้อง ให้บรรดาเพื่อนและลูกศิษย์ถ่ายรูปไปด้วย..! แล้วก็เดินออกมาชม "เสาอโศก" ที่อยู่ข้างวิหารมหามายาเทวี แล้วพวกเราก็ต้องรีบกลับออกมา รับรองเท้าคืน เนื่องเพราะว่าวันนี้จะต้องรีบไปสนามบิน ถ้าหากว่าขืนช้า เดี๋ยวจะทำกิจกรรมอื่นได้ไม่ครบ ต้องขออภัยญาติโยมทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย