ทองคำทะลุ $4,500 : นี่คือ “ฟองสบู่สุดท้าย” หรือสัญญาณเตือนว่าระบบการเงินโลกกำลังเปลี่ยนทิศ ?
หากย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปี
ราคาทองคำที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังถูกมองว่าสูงเกินจริง
แต่วันนี้…คำถามได้เปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อทองคำพุ่งทะลุ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
คำถามที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังถามไม่ใช่ “แพงไปหรือยัง”
แต่คือ “เรากำลังมองข้ามอะไรอยู่หรือไม่?”
🔸 ความตึงเครียดในเวเนซุเอลา : ชนวนใหม่ของสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองคำในตลาดสปอตปรับขึ้นเกือบ 1% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
การพุ่งขึ้นรอบนี้ไม่ได้เกิดจากตัวเลขเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
แต่มีรากฐานมาจาก ภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง
ความตึงเครียดในเวเนซุเอลา หลังสหรัฐฯ ใช้มาตรการปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมัน
ไม่เพียงกระทบตลาดพลังงาน
แต่ยังปลุก “สัญชาตญาณเอาตัวรอด” ของนักลงทุน
ทุกครั้งที่โลกเข้าใกล้ความไม่แน่นอน
ทองคำมักถูกเรียกชื่อกลับมาในบทบาทเดิม — หลุมหลบภัยของระบบการเงิน
🔸 ดอกเบี้ยกำลังจะลงอีกจริงหรือ ?และทำไมตลาดถึงเชื่อมั่นขนาดนี้
อีกแรงขับสำคัญคือความเชื่อของตลาดว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยัง ไม่จบวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
หลังจากลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งติดต่อกัน
นักลงทุนเริ่มวางเดิมพันว่า ปีหน้าค่าเงินจะถูกลงอีก
ต้นทุนการกู้ยืมจะลดลงอีก
และนั่นหมายความว่า…สินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ยอย่างทองคำ จะยิ่งมีคุณค่า
ตลาดกำลังส่งสัญญาณว่า
อัตราดอกเบี้ยสูงอาจเป็นเพียง “ช่วงพัก”
ไม่ใช่โครงสร้างถาวรของระบบเศรษฐกิจใหม่
🔸 ผลตอบแทนที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์
ตัวเลขไม่เคยโกหก
ตั้งแต่ต้นปี
ทองคำปรับขึ้นแล้วกว่า 70%
ขณะที่เงิน (Silver) พุ่งขึ้นถึง 150%
ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าสู่ผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979
ปีที่โลกเคยเผชิญทั้งเงินเฟ้อ น้ำมันแพง และความเชื่อมั่นในเงินกระดาษสั่นคลอน
คำถามคือ
เรากำลังเดินย้อนกลับไปยังโลกแบบเดิม หรือกำลังเข้าสู่เวอร์ชันใหม่ของมัน?
🔸 ธนาคารกลางและกองทุน ETF : แรงซื้อที่ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว
การปรับขึ้นรอบนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยนักเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว
แต่มี “ผู้เล่นตัวจริง” อยู่เบื้องหลัง
ข้อมูลจาก World Gold Council ชี้ชัดว่า
กองทุน ETF ที่อ้างอิงทองคำมีปริมาณการถือครองเพิ่มขึ้นแทบทุกเดือนในปีนี้
ยกเว้นเพียงเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางหลายประเทศ
ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนความพยายามลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์ในระยะยาว
นี่ไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น
แต่คือ การจัดพอร์ตเชิงโครงสร้างของโลกการเงิน
🔸 การเมืองสหรัฐฯ กับ “Debasement Trade” ที่กลับมาอีกครั้ง
นโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งด้านการค้าโลกและแรงกดดันต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
กลายเป็นเชื้อไฟที่เร่งการเคลื่อนย้ายเงินทุน
นักลงทุนจำนวนมากเริ่มลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล
และตั้งคำถามกับมูลค่าที่แท้จริงของเงินกระดาษ
ท่ามกลางระดับหนี้สาธารณะที่พุ่งไม่หยุด
นี่คือที่มาของสิ่งที่ตลาดเรียกว่า
“Debasement Trade” — การหนีออกจากเงินที่อาจถูกลดคุณค่าในระยะยาว
🔸 ผู้เชี่ยวชาญเตือน: นี่ไม่ใช่ฟองสบู่แบบฉาบฉวย
John Feeney จาก Guardian Vaults มองว่า
แรงขับเคลื่อนหลักของทองคำและเงินในขณะนี้
คือการผสมผสานระหว่างอุปสงค์จริงในตลาดกายภาพ
กับความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงมหภาคที่กลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่น่าสนใจคือ
ทุกครั้งที่ราคาย่อตัว ตลาดกลับรับได้อย่างรวดเร็ว
สะท้อนว่าแรงซื้อไม่ได้หายไป แต่กำลัง “รอจังหวะ”
🔸 Goldman Sachs มองไกลถึงปี 2026
หลังจากทองคำเคยย่อลงจากจุดสูงสุดเดิมที่ 4,381 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม
หลายฝ่ายเคยมองว่าตลาดร้อนแรงเกินไป
แต่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ทำให้มุมมองนั้นเริ่มเปลี่ยน
Goldman Sachs ประเมินว่า
ราคาทองคำในกรณีฐานอาจไปถึง 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2026
และยังเปิดโอกาสให้เห็นด้านขาขึ้นมากกว่านั้น
🔸 เงิน: ดาวรุ่งที่วิ่งแรงกว่าทอง
ในขณะที่ทองคำทำจุดสูงสุดใหม่
เงินกลับเป็นโลหะที่สร้างความประหลาดใจมากกว่า
ราคาพุ่งทะลุ 70 ดอลลาร์
และทำสถิติใหม่ที่ 72.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แรงหนุนมาจากทั้งกระแสเก็งกำไร
และปัญหาความตึงตัวของอุปทานทั่วโลก
ซึ่งยังไม่คลี่คลายตั้งแต่เหตุการณ์ short squeeze ครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนตุลาคม
🔸 บทสรุป : ราคาทองที่พุ่งขึ้น กำลังบอกอะไรกับเรา ?
การทะยานของทองคำ เงิน และแพลทินัม
อาจไม่ใช่เพียงเรื่องของโลหะมีค่า
แต่มันกำลังสะท้อนคำถามที่ลึกกว่านั้น
เกี่ยวกับความเชื่อมั่นต่อระบบการเงิน
เสถียรภาพของเงิน
และทิศทางของโลกหลังจากนี้
บางที…ราคาทองที่ 4,500 ดอลลาร์
อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
แต่อาจเป็นเพียง สัญญาณเตือนแรก ว่าโลกกำลังเปลี่ยนโครงสร้าง
เร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด
#BusinessTomorrow #Gold #SafeHaven #การลงทุน
เครดิต : BusinessTomorrow
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
