เจาะลึกไม้เทียม WPC และ SPC ต่างกันอย่างไร? เลือกใช้ตรงไหนของบ้านดี
ในปัจจุบันที่วัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก เจ้าของบ้านหลายท่านมักจะพบกับชื่อย่อทางเทคนิคอย่าง "WPC" และ "SPC" เมื่อเดินเข้าไปในโชว์รูมวัสดุก่อสร้าง แม้ว่าภายนอกวัสดุทั้งสองชนิดจะถูกออกแบบมาให้มีลวดลายไม้ที่สวยงามใกล้เคียงกัน จนบางครั้งแยกด้วยตาเปล่าไม่ออก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองมี "หัวใจ" หรือโครงสร้างภายในที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลต่อการใช้งาน ความทนทาน และราคา
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงโครงสร้างทางเคมี คุณสมบัติเด่น และข้อจำกัดของไม้เทียมทั้งสองประเภท เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกวัสดุที่ "ใช่" สำหรับพื้นที่แต่ละส่วนในบ้านของคุณมากที่สุด
1. ทำความรู้จัก WPC (Wood Plastic Composite) พี่ใหญ่แห่งงานภายนอก
WPC ย่อมาจาก Wood Plastic Composite เป็นวัสดุลูกผสมที่เกิดจากการนำ "ผงไม้" หรือเส้นใยไม้ธรรมชาติ มาผสมกับ "พลาสติก" และสารเติมแต่งอื่นๆ แล้วผ่านกระบวนการรีดขึ้นรูป
คุณสมบัติเด่นของ WPC:
สัมผัสที่ใกล้เคียงไม้จริง: เนื่องจากมีส่วนผสมของผงไม้ในปริมาณสูง ทำให้ WPC มีความหนา มีน้ำหนัก และให้ผิวสัมผัสที่อุ่นและนุ่มนวลคล้ายไม้ธรรมชาติมากที่สุด
ความหนาและความแข็งแรง: แผ่น WPC มักจะมีความหนาตั้งแต่ 20 มม. ขึ้นไป ทำให้มีความแข็งแรงเชิงโครงสร้างสูง สามารถติดตั้งบนโครงตงเพื่อทำเป็นพื้นยกระดับได้
ทนทานต่อปลวก: แม้จะมีส่วนผสมของไม้ แต่ด้วยการถูกเคลือบและผสมเข้ากับพลาสติกอย่างเหนียวแน่น ทำให้ปลวกไม่สามารถเข้าทำลายได้
ข้อสังเกต:
WPC มีอัตราการยืดหดตัวตามอุณหภูมิ ค่อนข้างสูง หากติดตั้งกลางแจ้งต้องมีการเว้นระยะห่างที่ถูกต้อง และเนื่องจากมีส่วนผสมของไม้ หากแช่น้ำนานๆ อาจมีการดูดซึมความชื้นได้บ้างในรุ่นเกรดต่ำ
2. ทำความรู้จัก SPC (Stone Plastic Composite) น้องใหม่มาแรงแห่งงานภายใน
SPC ย่อมาจาก Stone Plastic Composite หรือบางครั้งเรียกว่า Rigid Core LVP วัสดุชนิดนี้เป็นการนัดพบกันระหว่าง "ผงหินปูน" และ "พลาสติก" คุณภาพสูง
คุณสมบัติเด่นของ SPC:
กันน้ำ 100%: เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของไม้เลย SPC จึงไม่กลัวน้ำ ไม่พองตัว และไม่บิดเบี้ยวแม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
ความเสถียรสูงมาก: ผงหินช่วยให้แผ่นไม้มีความแข็ง (Rigid) และไม่ยืดหดตัวตามสภาพอากาศ ทำให้สามารถปูต่อเนื่องเป็นผืนใหญ่ได้โดยไม่ต้องกลัวรอยแยก
บางแต่แกร่ง: SPC มักมีความหนาเพียง 4 ถึง 6 มม. แต่มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกดทับของเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ได้ดีเยี่ยม และมักมาพร้อมระบบ Click-lock ที่ติดตั้งง่าย
ข้อสังเกต:
เนื่องจากมีส่วนประกอบของหิน ผิวสัมผัสของ SPC จะมีความแข็งและเย็นกว่า WPC เล็กน้อย และไม่สามารถใช้ปูบนตงได้ ต้องปูบนพื้นเรียบที่ได้ระดับเท่านั้น
3. ตารางเปรียบเทียบ: WPC vs SPC
คุณสมบัติ
WPC (Wood Plastic)
SPC (Stone Plastic)
ส่วนประกอบหลัก
ผงไม้ + พลาสติก
ผงหิน + พลาสติก
ความหนาโดยทั่วไป
20 - 25 มม. (งานโครงสร้าง)
4 - 6 มม. (งานปูทับ)
การกันน้ำ
กันน้ำได้ดีมาก (แต่อาจซึมได้บ้าง)
กันน้ำได้ 100%
การยืดหดตัว
มีการยืดหดตามความร้อน
เสถียรสูงมาก ไม่ยืดหด
ความรู้สึกเมื่อสัมผัส
นุ่มนวล อบอุ่น เหมือนไม้
แข็ง มั่นคง เรียบเนียน
ราคา
สูงกว่า (เนื่องจากความหนา)
ย่อมเยากว่า (ในแง่ค่าวัสดุ)
4. เลือกใช้ตรงไหนของบ้านดี? (Usage Guide)
เพื่อให้วัสดุทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด นี่คือคำแนะนำในการจัดวางตำแหน่งครับ:
พื้นที่ภายนอก (Outdoor): ต้อง WPC เท่านั้น
สำหรับระเบียงหน้าบ้าน, พื้นที่รอบสระว่ายน้ำ, หรือทางเดินในสวน WPC คือคำตอบเดียว เนื่องจากความหนาของแผ่นไม้สามารถรองรับการติดตั้งบนตงเพื่อระบายน้ำได้ดี และทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าวัสดุปูพื้นชนิดบาง
ห้องนั่งเล่นและห้องนอน: SPC คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบ
ในพื้นที่พักผ่อนที่ต้องการความสะอาดและสวยงาม SPC มอบสัมผัสที่เรียบเนียน ทำความสะอาดง่าย และให้ลวดลายที่เหมือนไม้จริงจนแยกไม่ออก ระบบคลิปล็อกช่วยให้งานเสร็จไวและไร้ฝุ่นจากการก่อสร้าง
ห้องครัวและโซนซักล้าง: SPC ชนะขาด
พื้นที่ที่มีโอกาสโดนน้ำกระเซ็นหรือคราบอาหารบ่อยๆ SPC จะทำงานได้ดีเยี่ยม เพราะความหนาแน่นสูงทำให้คราบสกปรกไม่ซึมลงเนื้อวัสดุ และไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหกใส่แล้วพื้นจะบวม
ดาดฟ้า (Rooftop): WPC เกรดพรีเมียม
หากต้องการทำพื้นที่พักผ่อนบนดาดฟ้า WPC จะช่วยในเรื่องการระบายน้ำใต้พื้นไม้ได้ดีกว่า และช่วยลดความร้อนที่จะส่งผ่านไปยังเพดานชั้นล่างได้ดีกว่าการปูกระเบื้องหรือ SPC
5. บทสรุป: เลือกอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด?
การเลือกใช้ไม้เทียมไม่มีคำว่า "อะไรดีกว่าอะไร" แบบเบ็ดเสร็จ แต่ขึ้นอยู่กับ "บริบทการใช้งาน" เป็นสำคัญ
หากคุณเน้นการใช้งาน ภายนอก ที่ต้องเจอแดดเจอฝน และต้องการสัมผัสที่เหมือนไม้จริงที่สุด ให้มองหา WPC เกรดคุณภาพที่มีการรับประกันรังสี UV
หากคุณต้องการปรับปรุงพื้น ภายในบ้าน ให้ดูหรูหรา ทนทานต่อการขีดข่วนของสัตว์เลี้ยง และกันน้ำได้แบบหายห่วง SPC คือการลงทุนที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าเงินในกระเป๋าที่สุด
ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง อย่าลืมขอดูตัวอย่างแผ่นจริง ทดลองสัมผัสพื้นผิว และสอบถามเรื่องการรับประกัน เพราะไม่ว่าจะเป็น WPC หรือ SPC วัสดุที่ดีควรจะอยู่คู่บ้านคุณไปได้อย่างน้อย 10 ถึง 15 ปี โดยที่คุณไม่ต้องกลับมาแก้ไขภายหลังครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
