เมื่อวาน เวลา 07:07 • ปรัชญา
การตกผลึก ที่ไม่กล้าพูดถึงอำนาจ
ไม่ใช่การตกผลึก แต่คือการยอมแพ้
3
การเอาความทุกข์ ความเป็นแม่ ความเสียสละ
มาเล่าแทนอำนาจ ไม่ใช่ความลึกซึ้ง
แต่มันคือกลไกเก่าแก่ที่สุดของการเมือง
เพื่อทำให้คนหยุดถาม และเปลี่ยนอำนาจ
ให้กลายเป็นเรื่องศีลธรรม
2
มนุษย์ทุกคนมีความทุกข์
แต่ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนมีอำนาจเหนือชีวิตผู้อื่น
การเล่าแต่ด้านที่น่าสงสารของผู้มีอำนาจ
โดยไม่แตะโครงสร้างที่เขานั่งอยู่
คือการเลือกมองข้ามอย่างมีเจตนา
ประวัติศาสตร์ไม่ได้ถูกกำหนดโดยความดี
แต่มันถูกกำหนดโดยคนที่มีอำนาจพอ
จะเลือกได้ว่าอะไรควรถูกจำ
และอะไรควรถูกลืม
คดีความไม่ได้หายไปเพราะความจริงปรากฏ
แต่มักหายไปเพราะเวลา กฎหมาย
และการสอนให้สังคม “ก้าวข้าม”
โดยไม่เคยก้าวผ่านความยุติธรรม
การประกาศว่า “ไม่เอียงข้าง”
“ไม่สนใจอนุรักษ์หรือเสรีนิยม”
มันไม่ใช่ความเหนือการเมือง
แต่มันคืออภิสิทธิ์
ของคนที่ไม่เคยถูกอำนาจเหยียบหัวจริงๆ
เพราะคนที่อยู่ใต้โครงสร้าง ไม่มีทางเฉยได้
ความเฉยคือความพ่ายแพ้ที่ไม่มีสิทธิ์เลือก
วาทกรรมที่ว่า
“ทุกคนก็ถูกชักจูงเหมือนกัน”
ฟังดูเหมือนปัญญา
แต่แท้จริงคือการล้างความรับผิด
ให้กับคนที่มีอำนาจมากที่สุด
ในขณะที่คนไม่มีอำนาจ
ต้องรับผิดแบบเหมารวมแทน
1
อำนาจไม่กลัวคนเกลียด
ไม่กลัวคนด่า
ไม่กลัวการแตกแยก
อำนาจกลัวอย่างเดียว
คือการถูกมองโดยไม่ศรัทธา
เพราะทันทีที่ศรัทธาหายไป
เรื่องเล่าจะพัง
ความศักดิ์สิทธิ์จะร้าว
และอำนาจจะถูกเห็น
ว่าไม่ใช่ในฐานะสิ่งสูงส่ง
แต่เป็นเพียงโครงสร้างหนึ่ง
ที่ต้องรับผิดเหมือนทุกโครงสร้างในโลกนี้
2
การยอมรับว่า “อำนาจอยู่เหนือทุกสิ่ง”
ไม่ใช่ความเข้าใจโลก
แต่มันคือการยอมแพ้อย่างสวยงาม
แล้วเรียกมันว่า “การตกผลึก”
แต่การตกผลึกที่แท้จริง
ไม่ใช่การหยุด
ไม่ใช่การเลิกตั้งคำถาม
และไม่ใช่การเลือกศรัทธา
มันคือการมองอำนาจตรงๆ
โดยไม่เอาความสงสาร
ศีลธรรม หรือ เรื่องเล่าสวยงาม
มาบังตาอีกต่อไป
1
เพราะในสังคมแบบนี้
ความจริงไม่ได้แพ้เพราะมันไม่จริง
1
แต่มันแพ้
เพราะมันไม่มีอำนาจพอ
จะถูกนับว่าเป็นความจริง
1
โฆษณา