เมื่อวาน เวลา 08:28 • ไลฟ์สไตล์
ในนามของขี้เหล้าคนนึง ผมก็จะขอเทศน์สอนผ่านบทความนี้สำหรับคนที่ยังไม่รู้ เขียนเป็นภาษาง่ายๆบ้านๆ แบบสไตล์คนขี้เหล้า เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงความเป็นจริงที่ถูกต้องนะครับ
5
การสวดมนต์ที่จะทำให้ได้ข้อดีนั้น ต้องเริ่มจากการเข้าใจกันก่อนว่า เราสวดมนต์ไปทำไม และสวดแล้วได้อะไร ไม่ใช่สวดมนต์สักแต่ว่าพูดไปเรื่อยๆแบบท่องจำ ถ้าสวดแบบนั้น สิ่งที่ได้ก็คงมีแค่เสียงของตัวเอง แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังพูดอะไรอยู่ และยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นคือ บางคนสวดเพื่อหวังความศักดิ์สิทธิ์ หวังปาฏิหาริย์ หวังสิ่งลี้ลับมาคุ้มครอง แบบนี้คือสวดด้วยโมหะ สิ่งที่ได้ไม่ใช่ธรรม แต่คือความไร้สาระครับ
3
การสวดมนต์ที่ดีและให้เกิดข้อดีจริงๆ คือการเข้าใจว่าคำสวดนั้นมีไว้เพื่ออะไร และแปลว่าอะไร การสวดไม่ใช่การอ้อนวอน แต่คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า คือการทบทวนพระธรรม และสิ่งที่สืบทอดกันมาเพื่อไม่ให้ลืมแก่น นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการสวดมนต์
2
ยกตัวอย่างเช่น บทที่กล่าวว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจการทบทวนว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้สิ้นกิเลสตัณหาด้วยพระองค์เอง ไม่ได้มีใครมาสอน ไม่ได้อาศัยอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แต่ตรัสรู้ด้วยปัญญาของพระองค์เอง
2
หรือท่อนที่กล่าวว่า ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้รู้คือผู้ที่รู้และเข้าใจตนเองตามความเป็นจริง ผู้ตื่นคือตื่นจากความหลงในสมมุติทั้งหลาย ไม่หลงยึดตัวตน จิตสว่างแล้วเห็นความจริง ผู้เบิกบานคือผู้ที่พ้นจากความทุกข์ ไม่มีสิ่งใดต้องดิ้นรนอีกต่อไป
2
แต่ท่อนที่สำคัญที่สุดของบทสวดทั้งหมด คือท่อนที่กล่าวว่า พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว คำว่าดีแล้วนี่เองคือหัวใจ มันหมายความว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องเติม ไม่ต้องแต่ง ไม่ต้องประดิษฐ์ ไม่ต้องบิดพลิ้ว
2
การเอาความเห็นของตัวเองไปเติมในพระธรรม ก็เหมือนเอาไม้ใหม่ไปเสียบไม้เก่า ทำไปนานวันเข้า ไม้ทั้งท่อนก็ไม่ใช่ไม้เดิม พระธรรมก็เช่นเดียวกัน เมื่อถูกแต่งเติมทุกวัน สุดท้ายแก่นก็หายไป เหลือแต่พิธีและเปลือก จนพระธรรมนั้นอันตรธานโดยที่คนยังคิดว่ากำลังรักษาอยู่
1
หรือบทที่กล่าวถึงคุณของพระธรรมว่า สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ ทุกคำล้วนมีความหมาย ไม่ใช่เสียงศักดิ์สิทธิ์ แต่คือการย้ำว่า ธรรมนี้เห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ขึ้นกับกาลเวลา ไม่ต้องรอชาติหน้า ใครทำก็เห็นผล ต้องน้อมเข้ามาดูในตัวเอง และรู้ได้เฉพาะตน ไม่ใช่รู้แทนกันได้
1
รวมถึงบทสวดไตรสรณคมน์ ซึ่งเป็นการระลึกความจำว่า เราเป็นชาวพุทธ เป็นพุทธมามกะ คือผู้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ไปนับถือสิ่งอื่นนอกทาง ไม่ใช่ศาลพระภูมิ ไม่ใช่เจ้าที่ ไม่ใช่ต้นไม้ ภูเขา หรือพิธีรีตองที่หาเหตุผลไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง เราก็คงต้องเปลี่ยนไปท่องต้นไม้สะระณังคัจฉามิ ศาลพระภูมิศาลาณังคัจฉามิ พิธีกรรมสะระณังคัจฉามิ กันเสียแล้ว
5
ทั้งหมดนี้คือข้อดีของการสวดมนต์ คือทำให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำให้ไม่หลง ทำให้ไม่แต่งธรรมขึ้นมาเอง และทำให้ไม่หลุดออกจากแก่น
1
ส่วนเรื่องสมาธิ ก็ไม่ต้องคิดให้ซับซ้อน เพราะเราทุกคนยังเป็นปุถุชน แต่ขอให้อยู่ในเส้นทางแห่งศรัทธาที่ถูกต้อง ดังพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นโอวาทไว้ว่า ผู้ที่เจริญอานาปานสติ คือการใส่ใจลมหายใจ หรือผู้ที่เจริญเมตตาจิต แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ก็ชื่อว่าอยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ทำตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า
3
แค่นี้ก็พอแล้ว
ไม่ต้องศักดิ์สิทธิ์
ไม่ต้องอภินิหาร
ไม่ต้องอวดอ้างอะไรทั้งนั้น
รู้ตรง วางตรง
และไม่โกหกตัวเอง
3
โฆษณา