31 ม.ค. 2019 เวลา 06:40 • ประวัติศาสตร์
Titanic ตำนานของเรือที่ไม่มีวันจม ตอนที่ 1
จุดเริ่มต้นและการสร้างตำนานของเรือที่ไม่มีวันจม
ซีรีย์ชุดนี้จะเป็นเรื่องของเรือ Titanic หลายๆท่านน่าจะรู้จักตำนานของเรือลำนี้ เรือที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นตำนานเรือที่โด่งดังที่สุดในโลก วันนี้ผมจะนำเสนอเป็นตอนแรกครับ
สำหรับซีรีย์ชุดนี้ผมจะแบ่งออกเป็น 4 ตอน ตอนแรกคืออันนี้ จะเป็นเรื่องราวของการสร้างเรือลำนี้และรายละเอียดต่างๆในตัวเรือ ตอนที่ 2 จะเป็นเรื่องของเหตุการณ์ต่างๆเมื่อเรือออกจากท่า ตอนที่ 3 เป็นตอนที่เรือชนกับภูเขาน้ำแข็งและอับปาง ตอนที่ 4 คือตอนสุดท้าย จะเป็นเรื่องภายหลังจากเหตุการณ์ที่เรือจม การสอบสวนและเยียวยาผู้รอดชีวิตและญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงตำนานที่ยังเป็นที่กล่าวขานจนถึงปัจจุบัน สำหรับตอนแรก ผมจะนำเสนอในบทความนี้ครับ
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นยุค 1900s นั้น การเดินทางโดยเรือโดยสารนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วนั้น เครื่องบินก็ยังเป็นของใหม่และยังไม่ได้แพร่หลายดังเช่นทุกวันนี้
ในเวลานั้นมีบริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่อยู่ 2 บริษัท คือบริษัท Cunard Line และ White Star Line สองบริษัทนี้เป็นคู่แข่งกันครับ
ช่วงปีค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) Cunard Line ได้สั่งต่อเรือ RMS Lusitania โดยเรือลำนี้ นับเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น แต่ออกมาไม่ทันไรครับ Cunard Line ก็ทำลายสถิติของตนเอง เนื่องจาก RMS Lusitania ถึงจะใหญ่ แต่ก็ยังไม่สะใจครับ สั่งต่อเรือ RMS Mauretania ซึ่งใหญ่กว่า RMS Lusitania และออกให้บริการปีเดียวกับ RMS Lusitania ทั้งคู่นั้นเป็นเรือแฝดรุ่นใหม่ที่โด่งดังและล้ำหน้ากว่าเรือของ White Star Line ครับ โดยทั้งคู่มีขนาดใหญ่กว่า 30,000 ตัน แล่นด้วยความเร็ว 24 นอต (44 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
RMS Lusitania
RMS Mauretania
White Star Line พอเห็นอย่างนั้นก็เสียหน้าครับ เรื่องอะไรจะให้คู่แข่งมาแซงหน้า โด่งดังไปคนเดียว ผู้บริหารของ White Star Line จึงประชุมกันครับ หัวข้อการประชุมคือการสร้างเรือที่เหนือกว่าเรือคู่แฝดของ Cunard Line
หลังจาก RMS Mauretania ครองตำแหน่งเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกมา 4 ปี เรือลำแรกของ White Star Line ชื่อ RMS Olympic ก็สร้างเสร็จในปีค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) มีขนาดใหญ่กว่า RMS Mauretania ถึง 40% และเรือลำต่อมาของบริษัทคือ RMS Titanic ก็สร้างเสร็จในค.ศ.1912 (พ.ศ.2455) และครองตำแหน่งเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Titanic ระหว่างการก่อสร้าง
Titanic นับว่าเป็นเรือที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในสมัยนั้นครับ เรื่องจากเป็นเรือลำแรกๆที่สร้างโดยโลหะ โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,435 คน ตัวเรือมีความยาว 269.0622 เมตร กว้าง 28.194 เมตร ขนาดของเรือ 46,328 ตัน และแบ่งเป็น 9 ชั้น ซึ่งนับว่าใหญ่มากทีเดียวในยุคนั้น
จากข้อมูลของ Thomas Andrews ผู้ออกแบบ Titanic นั้น ผู้โดยสารบนเรือ Titanic นั้นมีทั้งหมด 2,224 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารในชั้นหนึ่ง 325 คน ผู้โดยสารชั้นสอง 277 คน ผู้โดยสารชั้นสาม 706 คน ลูกเรือ 908 คน นักดนตรี 8 คน
Thomas Andrews ผู้ออกแบบเรือ Titanic
ลูกเรือ Titanic
นักดนตรีบนเรือ Titanic
Titanic สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 23 น็อต (43 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความเร็วมาตรฐาน 21 น็อต (39 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Titanic มีแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องอบไอน้ำ สระว่ายน้ำ ห้องกินข้าวขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย
สำหรับห้องพักผู้โดยสารนั้น แบ่งออกเป็นสามระดับ
ชั้นสาม จะเป็นชั้นที่มีราคาถูกที่สุด ราคาตั๋วชั้นสามที่ถูกสุดที่ขายในการเดินทางเที่ยวแรก ขายในราคา 3 ปอนด์ 3 ชิลลิง 5 เพนนี (3.17 ปอนด์ คิดเป็นประมาณ 344 ปอนด์ หรือ 15,200 บาทในปัจจุบัน) สำหรับตั๋วผู้ใหญ่ทั่วไปจะมีราคาระหว่าง 7-9 ปอนด์ (760-977 ปอนด์ หรือ 33,500-43,100 บาทในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นราคาที่นับว่าประหยัด โดยชั้นสามนี้จะถูกจำกัดสิทธิหลายอย่าง เช่นเรื่องการใช้ลิฟต์ การขึ้นชั้นดาดฟ้า แต่ห้องพักของชั้นสาม แม้จะแคบ แต่ก็สะอาด และอบอุ่นกว่าชั้นอื่นๆเนื่องจากอยู่ในบริเวณส่วนลึกของท้องเรือ
ห้องนอนรวมของผู้โดยสารชั้นสาม
ห้องพักผ่อนและสูบบุหรี่ของผู้โดยสารชั้นสาม
ชั้นสอง จะมีราคาตั๋วอยู่ที่ 10.5-16 ปอนด์ (1,140- 1,740 ปอนด์ หรือ 50,200 - 76,600 บาทในปัจจุบัน) ห้องพักของผู้โดยสารชั้นสอง แม้จะไม่หรูหราเท่าชั้นหนึ่ง แต่ก็เทียบเท่าได้กับห้องในโรงแรมชั้นหนึ่ง ห้องของชั้นสองมี 2 ขนาด คือขนาด 2 กับ 4 เตียงนอน ภายในห้องไม่แออัด มีเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัยโซฟาในห้องส่วนตัว
ห้องนอนของผู้โดยสารชั้นสอง
ห้องอาหารและพักผ่อนของผู้โดยสารชั้นสอง
ชั้นหนึ่ง ราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 26 ปอนด์ (2,820 ปอนด์ หรือ 124,000 บาทในปัจจุบัน) ไปจนถึงหลายร้อยปอนด์ ราคาตั๋วที่สูงสุดที่จำหน่ายจริงในการโดยสารเที่ยวแรกมีราคา 512 ปอนด์ 6 ชิลลิง 7 เพนนี (55,600 ปอนด์ หรือ 2,450,000 บาทในปัจจุบัน) ซึ่งตั๋ว 512 ปอนด์นี้ขายได้ถึง 4 ใบ โดยสามีภรรยา มักจะซื้อตั๋วให้ผู้รับใช้และแม่บ้านส่วนตัวมาพร้อมกัน ผู้โดยสารชั้นนี้จะได้รับความหรูหราอย่างเต็มที่ ห้องพักนั้นเรียกได้ว่าหรูหรากว่าโรงแรมทุกแห่งในสหรัฐอเมริกา ห้องพักมีการตกแต่งกว่า 11 แบบ ตั้งแต่สไตล์อิตาเลียนเรเนอซองส์, ดัตช์โบราณ,ดัตช์สมัยใหม่,รีเจนซี่,อดัมส์,อิมพีเรียล,หลุยส์ที่ 14,หลุยส์ที่ 15,หลุยส์ที่ 16,ควีนแอนและจอร์เจียน นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งในรูปแบบพิเศษอีก 2 แบบ โดยใช้ชื่อว่า Bedroom A ที่ดัดแปลงมาจากสไตล์ฝรั่งเศสลดทอนรายละเอียดลง ใช้ผนังไม้โอ๊ก และ Bedroom B คล้ายรูปแบบอดัมส์ โดยผนังไม้ส่วนบนแกะสลักเรียบง่ายสีขาว ผนังไม้ส่วนล่างจากพื้น 3 ฟุตเป็นมะฮอกกานี
1
ห้องที่แพงที่สุดบนเรือคือชั้นหนึ่งแบบห้องชุดพิเศษ (Parlor Suite) นั้น ในฤดูกาลท่องเที่ยว (High-Season) จะราคาสูงถึง 870 ปอนด์ (94,500 ปอนด์ หรือ 4,160,000 บาทในปัจจุบัน) คุณภาพที่ได้รับก็สมราคา เพราะผู้โดยสารที่ซื้อตั๋ว จะมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัว ห้องแต่งตัว ห้องน้ำส่วนตัว โดยห้องพัก Millionaire Suite จะมีอยู่ 4 ห้องโดย 2 ห้องแรกบนชั้น B จะมีระเบียงชมทะเลส่วนตัวขนาดยาว 50 ฟุต และอีก 2 ห้องบนชั้น C
ห้องพักชั้นหนึ่ง
ห้องพักผ่อนชั้นหนึ่ง
ห้องอาหารชั้นหนึ่ง
สระว่ายน้ำบน Titanic
ห้องอบไอน้ำแบบตุรกี
เรือ Titanic ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือที่ปลอดภัยมาก ผมขออธิบายห้องเครื่องให้เห็นภาพนะครับ ชั้นห้องเครื่องของ Titanic มี 16 ห้อง หม้อน้ำรวม 29 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 3 ตัว เพื่อหมุนใบจักร 3 ใบ รวม 50000 แรงม้า ห้องเครื่องทั้ง 16 ห้องมีกำแพงสูงถึงชั้นบน และมีประตูกลซึ่งจะปิดลงมาทุกบานทั่วลำเรือเมื่อพบเหตุผิดปกติที่ห้องเครื่องใดห้องเครื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าหากไม่เกิดรอยรั่วในหลายห้องเครื่องจนเกินไป ตามหลักการลอยตัวแล้ว เรือจะไม่จม ถึงแม้จะเป็นจุดอ่อนที่สุดของเรือซึ่งก็คือหัวเรือ ก็ยังรับรอยแตกได้ถึง 4 ห้องเครื่องติดกันโดยไม่จม
ห้องเครื่องของ Titanic
Titanic จึงได้รับฉายาว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” และจึงมีการเตรียมเรือเล็กสำหรับช่วยชีวิตผู้โดยสารเพียง 20 ลำเท่านั้น
และเรือ Titanic นี้ก็นับเป็นความภูมิใจของ White Star Line เป็นอย่างมาก และพร้อมที่จะลงสู่ทะเลแล้วครับ
ตอนหน้า ผมจะมาเล่าต่อนะครับว่า Titanic เมื่อลงสู่ทะเลแล้วนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ก่อนหน้าที่จะชนกับภูเขาน้ำแข็ง ติดตามตอนต่อไปได้นะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา