1 ก.พ. 2019 เวลา 07:22 • ประวัติศาสตร์
Titanic ตำนานของเรือที่ไม่มีวันจม ตอนที่ 2
เมื่อตำนานลงสู่ท้องทะเล
ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) ได้มีพิธีปล่อยเรือ Titanic ลงสู่น้ำครั้งแรก โดยใช้เวลา 62 วินาทีในการปล่อยเรือลงสู่น้ำ โดยพิธีนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีประชาชนมาชมกว่า 10,000 คน โดยเมื่อมีการประเมินเงินที่ใช้ลงทุนสร้าง Titanic นั้น จะเป็นค่าก่อสร้าง 7,500,000 ดอลลาร์และค่าตกแต่งอีก 2,500,000 ดอลลาร์ รวมเป็น 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันจะเป็น 400 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 13,000,000,000 (หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท)
4
Titanic เมื่อแรกปล่อยสู่น้ำ
White Star Line จัดการเดินทางรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.1912 (พ.ศ.2455) โดยเดินทางจากเซาธ์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยนี่คือการประชาสัมพันธ์ของ White Star Line และด้วยความที่ White Star Line เป็นบริษัทใหญ่ Titanic เองก็เป็นที่จับตามองมาเป็นเวลานาน จึงมีเหล่าไฮโซ เซเลบทั้งหลายในยุคนั้น ต่างร่วมจองตั๋วเดินทางไปด้วย เรียกได้ว่าบนเรือเต็มไปด้วยเซเลบยิ่งกว่างานเปิดตัว Icon Siam ซะอีกครับ แต่ก็มีเซเลบบางคน ติดธุระ ไปไม่ได้ นั่งเซง แต่มานึกขอบคุณทีหลังที่รอดตายหวุดหวิด แต่ก่อนที่จะเปิดตัวไม่นาน งานก็เข้า White Star Line ครับ ได้เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณส่วนเก็บถ่านหินที่บล็อก 5 และ 6 และไฟยังไหม้ต่อเนื่องตลอดการเดินทาง ความเสียหายนั้นส่งผลให้ผนังกั้นนํ้าชั้นที่ 4 ก่อนถึงห้องเครื่องและส่วนที่เก็บถ่านหินนั้นก็ร้อนมาก อุณหภูมิไม่ตํ่ากว่า 1500 ฟาเรนไฮต์ จนผนังกั้นนํ้าร้อนจนแดง และตัวเหล็กของผนังกั้นนํ้านั้นบิด งอ ลดการทนทานนํ้าไปกว่า 75% ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่เรือจมครับ แต่เนื่องจากส่วนอื่นๆนั้นก็ยังใช้ได้ดี แถม Titanic ก็มาถึงขนาดนี้ จะให้ยกเลิก ซ่อมแซมก่อนก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้น Titanic จึงต้องลงทะเลตามกำหนดการทุกอย่าง
เรือ Titanic นี้ หัวเรือใหญ่หรือกัปตันเรือนั้น คือกัปตัน Edwar John Smith กัปตันที่เก่งและค่าตัวแพงที่สุดในยุคนั้น ที่สำคัญคือกัปตันกำลังจะเกษียณแล้ว จึงได้เลือก Titanic เป็นการเดินเรือเที่ยวสุดท้าย ก่อนจะขอพัก ใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างสงบ ซึ่งก็นับว่าเป็นการเลือกปิดฉากเส้นทางการเดินเรืออย่างยิ่งใหญ่ของกัปตันจริงๆครับ
Edward John Smith กัปตันเรือ Titanic
ในช่วงเวลาที่ Titanic ลงทะเลนั้น ธารน้ำแข็งแถบกรีนแลนด์กำลังจะละลายทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งเคลื่อนตัวลงมาในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือและลอยตามกระแสน้ำลงมาทางใต้ ทำให้การเดินเรือครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง กัปตันต้องมีประสบการณ์สูง
1
ในเช้าวันเดินทาง ตามกำหนดการนั้น เจ้าหน้าที่ประจำเรือต้องฝึกซ้อมการใช้เรือชูชีพเผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การฝึกซ้อมในเช้านั้นแค่ทำพอเป็นพิธีแค่นั้นเองครับ คือไม่ได้ทำแบบจริงจัง เพราะยังไงก็เชื่อว่าไม่มีทางจมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีลูกเรือมาฝึกซ้อมแค่ไม่กี่นาย แต่เดิมไททานิกถูกออกแบบมาให้มีเรือชูชีพ 32 ลำ แต่ต่อมาถูกตัดออกเหลือ 20 ลำซึ่งจุผู้โดยสารรวมกันได้แค่ 1,178 คนจาก 2,000 กว่าคน เรียกได้ว่าแค่ครึ่งหนึ่งของผู้โดยสารทั้งหมด เนื่องจากทางบริษัทเห็นว่าเกะกะ และจำนวนเพียงเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วตามกฎหมายการเดินเรือในยุคนั้นที่กำหนดจำนวนเรือชูชีพตามน้ำหนักเรือเป็นเกณฑ์โดยไม่คำนึงถึงจำนวนผู้โดยสาร
1
เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง Titanic ก็ออกเดินทางจากท่าเรือเซาธ์แทมป์ตัน ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พนักงานเหมืองถ่านหินประท้วงและนัดหยุดงาน ส่งผลให้เรือหลายลำต้องจอดแช่อยู่ที่ท่าเรือเนื่องจากไม่มีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทาง แต่เนื่องจาก White Star Line เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จึงมีถ่านหินตุนอยู่บ้างทำให้ไม่มีปัญหาอะไรนัก
1
เหมือนกับจะเป็นลางครับ เมื่อ Titanic ออกจากท่า ผลจากการเคลื่อนตัวของเรือทำให้น้ำกระเพื่อมและเกิดแรงดูดขนาดมหึมา ดึงเรือที่อยู่ใกล้เคียงเข้าหาเรือ Titanic จนเกือบจะชน แต่โชคดีที่กัปตันเบนเรือออกได้ทัน
เมื่อออกจากท่าเรือเซาธ์แทมป์ตัน Titanic ได้มุ่งหน้าไปยังเมืองแชร์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศสเพื่อแวะรับผู้โดยสาร
ต่อไปคือเหตุการณ์ในแต่ละวันของ Titanic ครับ
11 เมษายน ค.ศ.1912 (พ.ศ.2455)
Titanic ได้แวะที่ท่าเรือเมืองควีนส์ทาวน์ ไอร์แลนด์ และในเวลา 13.30 น. ก็ได้มุ่งหน้าไปยังสหรัฐอเมริกา
12-13 เมษายน ค.ศ.1912 (พ.ศ.2455)
ทะเลสงบและอากาศแจ่มใจ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
14 เมษายน ค.ศ.1912 (พ.ศ.2455) (วันสุดท้ายของเรือ Titanic)
ตามกำหนดการ ในช่วงเช้าจะต้องมีการฝึกซ้อมการใช้เรือชูชีพ โดยผู้โดยสารต้องเข้าร่วมการฝึกด้วย แต่ต่อมาการฝึกนี้ได้ถูกยกเลิก
เช้าวันนั้น กัปตัน Smith สั่งเดินเครื่องเรือ Titanic เต็มที่ สำหรับสาเหตุของการเร่งเครื่องครั้งนี้ เนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ในบล็อกเก็บถ่านหินที่ 5 และ 6 วิธีการที่จะดับไฟจากถ่านหิน คือต้องใช้ถ่านหินที่มีไฟลุกอยู่ตักเข้าห้องเครื่องให้หมด แต่ถ่านหินที่เก็บไว้นั้นก็ไม่พอที่จะพาเรือไปถึงนิวยอร์ก ได้หากใช้ความเร็วตํ่า เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง Titanic จึงแล่นด้วยความเร็วถึง 22.5 นอต ซึ่งเกือบถึงความเร็วสูงสุดของเรือ (23 นอต) ซึ่งหากไม่ต้องแล่นเร็วขนาดนี้ Titanic คงไม่ชนกับภูเขาน้ำแข็ง โศกนาฏกรรมครั้งนี้ก็คงไม่เกิด
1
ในวันนี้นั้น เหล่าพนักงานในห้องวิทยุโทรเลข ก็ยังคงทำหน้าที่รับส่งข้อความของเหล่าผู้โดยสารกันอย่างขะมักเข้มน ต้องเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังก่อนว่า จริงๆแล้วสมัยนั้นมีโทรศัพท์แล้วครับ แต่การติดต่อกันทางโทรศัพท์ระหว่างเรือกับเรือ หรือเรือกับคนบนฝั่ง ยังไม่สามารถทำได้ ระบบที่มีอยู่ในตอนนั้นคือวิทยุโทรเลขซึ่งเป็นการส่งรหัสมอร์สด้วยคลื่นวิทยุ ในเรือแต่ละลำจะมีห้องวิทยุโทรเลข ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยรับส่งข้อความโดยเฉพาะ
1
ห้องส่งวิทยุโทรเลขบนเรือสำราญในยุคนั้น มีจุดประสงค์เพื่อบริการผู้โดยสารเป็นหลักครับ เนื่องจากการเดินทางที่ใช้เวลาหลายวันหรืออาจจะเป็นเดือน ทำให้ผู้โดยสารอาจจะมีความจำเป็นต้องติดต่อกับผู้คนที่อยู่บนฝั่ง และเรือ Titanic ก็มีผู้โดยสารเป็นจำนวนมหาศาล ดังนั้นข้อความในแต่ละวันนั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะมากมายขนาดไหน ซึ่งเรื่องการส่งโทรเลขนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สัมพันธ์กับการที่ Titanic ต้องจม ซึ่งผมจะเก็บไว้เล่าให้ฟังในตอนหน้านะครับ
ห้องส่งวิทยุโทรเลขบน Titanic
ห้องจำลองห้องส่งวิทยุโทรเลขบน Titanic
สำหรับผู้โดยสารบนเรือ Titanic นั้น ล้วนมีแต่เซเลบ คนดังทั้งนั้นเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Isidor Straus เจ้าห้าง Macy’s ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในยุคนั้น J. P. Morgan เจ้าของ White Star Line แต่นับว่า Morgan ยังไม่ถึงฆาตครับ เขาป่วยกระทันกัน จึงไม่ได้ไปกับเรือ Titanic รอดตายอย่างหวุดหวิด John Jacob Astor IV นักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ที่ได้ชื่อว่ารวยที่สุดบนเรือ Titanic และอีกหลายร้อยชื่อ นับไม่ถ้วนครับ เรียกได้ว่าเรือ Titanic นั้นเป็นที่รวมเหล่าไฮโซจากทั่วโลกเลยทีเดียวครับ
2
John Jacob Astor IV
J. P. Morgan
ตอนต่อไป ผมจะเล่าถึงวันที่ Titanic ล่ม เกิดอะไรขึ้นบ้างในยามนั้น รอติดตามได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา