30 พ.ค. 2019 เวลา 13:38 • ประวัติศาสตร์
อาณาจักร CP (ตอนที่ 11)
เมื่อซีพีบุกจีนขยายอาณาจักรออกนอกประเทศสู่เอเชีย
จนกลายเป็น 1 ใน 2 บริษัทผลิตอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน
นอกจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้สร้างธุรกิจครบวงจรในประเทศไทยแล้ว ในต่างประเทศก็มีการจัดตั้งขยายอาณาจักรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียไปพร้อมๆกันด้วย
ปี 2490 ได้เข้าไปตั้งบริษัทอาหารสัตว์และบริษัทนำเข้าไข่ไก่และในปี 2510 ก็ได้สร้างโรงงานอาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังได้ตั้งบริษัทลูกของเครือฯ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (holding company : บริษัทที่ประกอบธุรกิจลงทุนในหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ) เช่น บริษัทการค้า บริษัทประกันภัย และบริษัทการเงิน เป็นต้น
ปัจจุบันยังมีอีกหลายบริษัทในเครือที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เช่น C.P. Pokphand ที่ทำธุรกิจการเกษตร เป็นต้น
ในปีพ.ศ. 2510 เปิดโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกที่ไต้หวัน ต่อมากิจการที่ไต้หวันได้พัฒนาไปสู่ธุรกิจเลี้ยงไก่และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารจากเนื้อสัตว์ ขณะที่บริษัทซึ่งจดทะเบียนในท้องถิ่นก็เปลี่ยนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน
และเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังขยายธุรกิจที่มาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย โดยคุณสุเมธ พี่ชายคนที่ 3 ของคุณธนินท์ เป็นผู้เข้าไปบุกเบิกธุรกิจที่อินโดนีเซีย
ปี พ.ศ. 2503-2513 ซึ่งเป็นช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน ช่วงนั้นผู้นำจีนอย่างหลิว เส้าฉี และเติ้ง เสี่ยวผิง ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เศรษฐกิจภาคเอกชนถูกระงับ ประเทศจีนและสหภาพโซเวียตเกิดข้อขัดแย้งกัน
จีนถูกโดดเดี่ยวจากทั่วโลก คนจีนที่มีเพื่อนในต่างประเทศถูกมองว่าเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ชาวจีนโพ้นทะเลเองก็ไม่สามารถกลับเข้าจีนแผ่นดินใหญ่ได้
หลังจากมีการประกาศสิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรมในปีพ.ศ. 2519-2520 เติ้ง เสี่ยวผิงได้กลับมากุมอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง โดยหันมาใช้นโยบายเปิดประเทศพร้อมทั้งทำการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนครั้งใหญ่
1
หลังช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม วัดวาอารามและโบราณวัตถุที่มีค่าทางวัฒนธรรมถูกทำลายไปมาก กวางเจาแทบไม่เหลือเค้าของความเจริญในอดีตให้เห็น หลายบริษัทที่ตั้งใจจะกลับเข้ามาลงทุนต่างก็ถอยทัพ
แต่คุณธนินท์ไม่คิดเช่นนั้นกลับมองว่า “นี่แหละคือโอกาส”
2
ในประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตนั้นมีน้อย ขณะที่ประเทศจีนหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นล้าหลังไปมากซึ่งสามารถเข้าไปบุกเบิกได้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงตัดสินใจไปลงทุนที่จีน
ในปีพ.ศ. 2523 รัฐบาลจีนประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วย 4 เมือง ได้แก่ เมืองเซินเจิ้น เมืองจูไห่ เมืองซัวเถา ของมณฑลกวางตุ้ง และเมืองเซี่ยเหมินในมณฑลฝูเจี้ยน
เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทคอนติเนนตัล เกรน ของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท “เจียไต๋คอนติ” (Chia Tai Conti) ซึ่งชื่อบริษัท 2 ตัวแรก ตั้งตามชื่อร้านเจียไต๋ กิจการเมล็ดพันธุ์ที่คุณพ่อของคุณธนินท์ตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ใช้ชื่อ “เครือเจียไต๋” (Chia Tai Group) ที่ประเทศจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในปีพ.ศ. 2524 เครือเจียไต๋ได้ใบอนุญาตฯ เลขที่ 0001 ซึ่งหมายถึง เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่เข้าไปลงทุนที่เซินเจิ้น โดยเป็นการลงทุนเปิดโรงงานอาหารสัตว์ที่เซินเจิ้น และในบริเวณใกล้เคียงกันก็ได้สร้างฟาร์มเลี้ยงหมูและไก่ และเริ่มทำธุรกิจครบวงจร ตามแบบที่เมืองไทย
ต่อมาเครือเจียไต๋ได้เริ่มเปิดโรงงานพรมที่ซัวเถา และก็ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหมายเลข 1 เช่นกัน สมัยนั้นภัตตาคารของจีนจำนวนมากมีความต้องการใช้พรม จนธุรกิจได้เริ่มขยายไปในมณฑลกวางตุ้งค่อยๆ ขยายไปที่เมืองกวางเจาและเมืองจูไห่
1
ต่อมาก็ได้เริ่มทำธุรกิจเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และธุรกิจแปรรูปเนื้อสัตว์ที่เซี่ยงไฮ้ ภายหลังเจียไต๋ยังได้ขยายกิจการเข้าไปในมณฑลเสฉวน และเขตการเกษตรแถบตะวันออกเฉียงเหนือใน 3 มณฑล จนกลายเป็น 1 ใน 2 บริษัทผลิตอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนในขณะนั้น
เจียไต๋นำรูปแบบการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การผลิตอาหารสัตว์ จนถึงการแปรรูปเนื้อสัตว์เข้ามาในประเทศจีน
1
จากนั้นจีนเองก็เริ่มที่จะทำตามบ้าง เช่น สูตรอาหารสัตว์ บางบริษัทในจีนถึงกับซื้อตัวพนักงานด้านเทคนิคของบริษัทเจียไต๋ไป
ทำให้ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจเลี้ยงไก่ และธุรกิจเลี้ยงหมูของจีน สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้นจนหลายบริษัทในจีนกลายเป็นคู่แข่งขึ้นมา
1
ติดตามบทความตอนต่อไป
อาณาจักร CP ตอนที่ 12
อ่านบทความอาณาจักร CP ย้อนหลัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา