7 ส.ค. 2019 เวลา 08:30 • สุขภาพ
กัญชา...ฆ่า”มะเร็ง”ได้จริงหรือ?
เมื่อไม่นานมานี้หมอได้พบเจอกับผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เขาเป็นผู้ป่วยโรค”มะเร็งตับ” แต่หมอไม่ได้พบเจอเขาในฐานะผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ แต่พบเจอเขาในฐานะผู้ป่วย”โรคทางจิตเวช”
ผู้ป่วยคนนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับมาแล้วประมาณครึ่งปี หลังจากที่รักษาอยู่ในสารบบแพทย์อยู่ไม่นาน เขาก็ขาดนัดไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 6 เดือน แม่ของผู้ป่วยคนนี้พาลูกซึ่งเป็นผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาเรื่องอาการ”หวาดระแวง”และ”หลงผิด”
ผู้ป่วยมีอาการหวาดระแวงคนรอบตัว ทั้งคนในครอบครัว และคนภายนอก คิดว่าคนอื่นพยายามจะทำร้ายตนเอง เมื่อได้ตรวจปัสสาวะของผู้ป่วยก็พบว่ามี”สารกัญชา”อยู่
เมื่อได้พูดคุยกับคุณแม่ ถามคุณแม่ว่าลูกมีประวัติการใช้สารเสพติดหรือกัญชาหรือไม่ คุณแม่ก็นิ่งไปสักพัก แต่สุดท้ายก็พูดออกมาตามตรง...
คุณแม่บอกว่าตนเองเศร้าเสียใจมากที่ลูกชายเป็นโรคมะเร็ง ตนเองได้ข่าวจากเพื่อนบ้านบ้าง คนในชุมชนบ้าง ว่า”ยากัญชา”สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายได้ ตนเองจึงตัดสินใจหาน้ำมันกัญชาชนิดต่างๆเพื่อนำมารักษาลูกชาย หลังจากนั้นก็พบว่าลูกชายดูมีอาการที่ดีขึ้น สดใสมากขึ้น จึงรักษาแบบนี้มาถึงเกือบครึ่งปี โดยไม่ได้มาที่โรงพยาบาลเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อันที่จริงแล้วหมอไม่ได้เป็นคนพบเจอตัวผู้ป่วยเองหรอกครับ เเต่เป็นเพื่อนหมอ และเขาก็ได้มาเล่าให้หมอฟัง
จริงๆก็ต้องบอกว่าหมอไม่กล้าสรุปหรอกนะครับ ว่าอาการหวาดระแวงหรือหลงผิดที่ไม่รู้ว่าเข้าข่ายโรคจิตหรือไม่ของผู้ป่วยรายนี้นั้นเกิดจากการใช้กัญชาเป็นหลักหรือไม่ แม้ตัวกัญชาเองนั้นสามารถทำให้เกิดโรคจิตได้แน่นอน แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กัญชาก็มีหลากหลายรูปแบบ และก็ไม่ใช่ผู้เสพทุกคนจะต้องกลายเป็นโรคจิต เนื่องจากมีปัจจัยประกอบอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
1
แต่เอาล่ะ วันนี้หมอจะไม่ได้มาถกเถียงกันเรื่องโรคจิต แต่จะมาตอบคำถามที่ว่า”กัญชา...ฆ่ามะเร็งได้จริงหรือ?”
ผู้ป่วยคนนี้ในตอนที่วินิจฉัยเริ่มแรกนั้น ยังเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในระยะที่ยังสามารถ”รักษาให้หายได้” แต่ปัจจุบันนี้หมอก็ไม่ทราบว่าตัวโรคดำเนินไปมากขึ้นอีกเพียงใด แต่ก็เชื่อว่าผู้ป่วยก็เสีย”โอกาส”ไปมากพอสมควร
กัญชารักษามะเร็งได้จริงหรือไม่ จริงๆแล้วไม่ใช่เพียงแต่กัญชา แต่ยังมีสารตัวอื่นๆอีกมากมายที่ถูกอ้างสรรพคุณว่าสามารถรักษามะเร็งได้ ก่อนที่หมอจะตอบคำถามนี้ หมอคงต้องเล่าพื้นฐานของการรักษาโรคมะเร็งให้ฟังกันเสียก่อน
1
มะเร็งคือก้อนเนื้อชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเซลล์ๆเดียวที่มีการกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวเร็วกว่าเพื่อนๆรอบข้าง ทำให้จากเซลล์ๆเดียวกลายเป็นประชากรเซลล์กลายพันธ์ุหลายพันหรือหมื่นล้านเซลล์ และกลายเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการต่างๆ
1
การกำจัดเซลล์มะเร็งเหล่านี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีอยู่ทั้งหมด 3 วิธีหลักด้วยกัน นั่นก็คือ 1.การผ่าตัด 2.การฉายแสง และ 3.ยาเคมีบำบัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่หมอเขาก็จะพิจารณาตามลำดับดังนี้
เบื้องต้นก็คือการประเมิณว่าสามารถตัดก้อนเนื้อนั้นออกไปได้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะนี่คือวิธีที่ง่าย ตรง และมัดมือชกมากที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่มะเร็งระยะสุดท้าย หรือมะเร็งที่กระจายไปแล้ว ก็จะสามารถผ่าตัดได้
เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว มันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง ที่อาจมีเซลล์กลายพันธุ์หรือเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ พูดง่ายๆก็คืออาจมองไม่เห็นเลยไม่ได้ตัดออกไป แต่การเหลือเซลล์มะเร็งเหล่านี้ให้รอดไปแม้แต่เซลล์เดียว ก็อาจทำให้พวกมันแบ่งตัวกลับมากลายเป็นมะเร็งก้อนใหม่ได้ ดังนั้นการรักษาโรคมะเร็งก็เลยจำเป็นต้อง”ล้างบาง”เซลล์มะเร็งเหล่านี้ให้หายไปทั้งหมด โดยการใช้”ยาเคมีบำบัด”หรือ”การฉายแสง” ซ้ำหลังจากการผ่าตัด เพื่อไปตามเก็บเจ้าพวกเซลล์มะเร็งที่อาจเหลือรอดชีวิตอยู่เหล่านั้น
ยาเคมีบำบัด ก็คือยาที่สามารถเข้าสู่เซลล์ของมะเร็งได้ และเข้าไปยับยั้งเซลล์นั้นๆไม่ให้แบ่งตัว ปล่อยให้มันแห้งตายไปเอง โดยหลักการของมันก็คือมันจะเข้าไปในทุกๆเซลล์ที่ชอบแบ่งตัวนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ปกติหรือเซลล์มะเร็งก็ตาม เพราะเซลล์มะเร็งเดิมทีมันก็คือเซลล์ปกติ แต่พอดีกลายพันธ์ุไปเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว แต่หน้าตามันก็ยังคล้ายๆเดิม ดังนั้นยาเคมีจึงสามารถมีผลข้างเคียงต่างๆมากมาย แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่โตเร็ว แบ่งตัวเร็ว ใช้พลังงานและอาหารเยอะ ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่จึงมักถูกเซลล์มะเร็งคาบเอาไปกิน เรียกว่าตะกระแบบไม่เลือก นอกจากนี้ก็ยังมียาบางตัวที่ฉลาดพอจะเข้าทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็งเท่านั้นอีกด้วย
1
ส่วนการฉายแสง ก็เหมือนการฉายรังสีเข้าไปทำให้เซลล์มะเร็งมอดไหม้ แต่ก็ต้องฉายให้พอเหมาะพอควร ไม่เช่นนั้นเซลล์ดีๆรอบข้างก็อาจจะตายไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อพูดถึงบทบาทของ”กัญชา”ในการรักษาโรคมะเร็ง ก็ต้องถามกลับไปว่ากัญชามีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งหลายพันหรือหมื่นล้านเซลล์แบบที่กล่าวไปหรือไม่?
พูดกันตามตรง กัญชาไม่มีความสามารถในการทำลายเซลล์ใดๆเลย”แม้แต่เซลล์เดียว” ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ดีหรือเซลล์ร้ายก็ตาม ซึ่งถ้ามันมีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งแบบนั้นได้จริงๆ หมอก็ไม่คิดว่ากัญชาจะกลายเป็นสิ่งบันเทิงเริงใจของคนทั่วโลกแบบนี้ได้ ในทางตรงข้ามถ้ากัญชามีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์ได้ขนาดนี้ มันก็น่าจะกลายเป็นพืชที่”อันตรายที่สุดในโลก”แทนอย่างแน่นอน
บางคนอาจบอกว่ากัญชาก็เหมือนยาเคมีบำบัดจากธรรมชาติไง ถ้ายาเคมีบำบัดทำลายเซลล์มะเร็งได้ กัญชาก็ต้องทำลายเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน
คำโต้แย้งนี้ หมอก็ต้องกลับไปเน้นที่หมอได้เล่าในตอนต้นอีกครั้ง การรักษาโรคมะเร็งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตัดเจ้าก้อนเนื้อนั้นออกไปตรงๆ ตัดครั้งเดียวได้ถึงหมื่นล้านเซลล์หรือเกือบทั้งหมด ไม่มียาเคมีบำบัดตัวใดที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งจำนวนระดับนี้ได้ แม้ทำได้ก็คงไม่มีใครทำ เพราะกว่ามันจะทำลายเซลล์มะเร็งจนหมด มันก็คงทำลายเซลล์ดีๆของผู้ป่วยไประหว่างทางอย่างมากมายมหาศาลแน่นอน
1
ดังนั้นหมอจึงใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อตามเก็บกวาดเซลล์มะเร็งที่อาจเหลืออยู่เล็กๆน้อยๆหลังการผ่าตัดเป็นหลัก หรือก็อาจใช้เพียงแค่ทำให้ก้อนมะเร็งลดขนาดลงสักเล็กน้อยก่อนผ่าตัดจริง แต่ก็ต้องบอกว่ามีโรคมะเร็งบางประเภทเช่นกันที่สามารถรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาเคมีบำบัดเป็นหลัก เช่น มะเร็งเม็ดเลือดต่างๆ เพราะมะเร็งแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปตามผ่าตัดได้ยังไง
ดังนั้น โรคมะเร็งไม่สามารถรักษาให้หายได้โดยการใช้เพียงยาเคมีบำบัดฉันใด กัญชาตัวเดียวก็ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายได้ฉันนั้น
2
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่กล่าวไปทั้งหมดก็ไม่ได้มีความจำเป็นเลย เพราะกัญชาไม่ใช่”ยาเคมีบำบัดจากธรรมชาติ”ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนคนอ้างว่าตนเองใช้กัญชาแล้วหายจากโรคมะเร็งได้ ก็คงต้องใช้วิจารณญานรับฟังกันไป หมอบอกได้เพียงว่า เชื่อได้ แต่ไม่คุ้มหรอกที่จะทำตาม เพราะสิ่งที่คุณวางเดิมพันไว้ ก็คือ”ชีวิต”ของคุณ
2
กัญชามีสรรพคุณบางอย่างทางการแพทย์จริง แต่ก็ไม่ใช่ยาวิเศษแต่อย่างใด
1
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บทบาทเดียวของกัญชาในการใช้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น ก็คือการ”บรรเทา”อาการของผู้ป่วย เพราะกัญชาออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทเป็นหลัก สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคลื่นไส้อาเจียน หรืออาการเบื่ออาหารได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่ากัญชาทางการแพทย์สามารถช่วยบรรเทาความทรมานของผู้ป่วยได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม กัญชาจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยตอบสนองต่อยาบรรเทาอาการแผนปัจจุบันได้ไม่ดีเพียงพอ เพราะกัญชาอาจมีผลข้างเคียงที่มากกว่าและรุนแรงกว่ายาแผนปัจจุบันทั่วไป เมื่อใช้อย่างไม่เหมาะสม
2
หมอต้องขอบอกก่อนว่าหมอไม่ได้ต่อต้านกัญชานะครับ อันที่จริงแล้วตัวกัญชาทางการแพทย์นั้นอาจไม่ได้เป็นปัญหา เพราะประเทศผู้นำทางการแพทย์อย่างอเมริกาหรืออังกฤษก็ยังอนุญาติให้ใช้ได้ในทางการแพทย์ แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ความเชื่อของผู้ป่วยมากกว่า หมอเชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ที่อ่านบทความนี้ของหมออยู่ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ากัญชาไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนในชุมชน คนในชนบทอีกมากมายที่ยังมีความเชื่อผิดๆอยู่อีกหลายอย่าง ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ผิด แต่เป็นระบบสาธารณสุขไทยมากกว่า ที่ต้องทำการบ้านว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่รู้เหล่านี้ และสิ่งที่กำลังถกเถียงส่วนใหญ่ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องกัญชา แต่เป็นเรื่องความพร้อมของสังคมไทย
สุดท้ายนี้ หมออยากฝากเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งครับ คนหลายคนอาจเสาะเเสวงหา”ของธรรมชาติ”เพื่อใช้รักษาโรค โดยเข้าใจว่าสิ่งที่มาจากธรรมชาตินั้นปลอดภัยมากที่สุด แต่อาจลืมไปว่าโรคต่างๆมากมายบนโลกนี้นั้นต่างเกิดจากปัจจัยเสี่ยงที่เป็น”ของธรรมชาติ”แทบทั้งนั้น ดังนั้นของธรรมชาติก็อาจไม่ได้เป็นสิ่งที่ปลอดภัยเสมอไป ของทุกๆอย่าง ต้องใช้อย่างเข้าใจ ไม่ประมาท ไม่มองด้านเดียว ถึงจะปลอดภัยที่สุดครับ
3
สำหรับคนที่อยากอ่านบทความกัญชาและมะเร็งของหมอเพิ่มเติมนะครับ ตามไปอ่านที่Linkด้านล่างนี้ได้เลย
“กัญชา”...เข้าไปทำอะไรในสมองของเรา
“มะเร็ง”…และต้นกำเนิดของพวกมัน...
"มะเร็ง"...และวิธีป้องกันพวกมัน!...
#Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว!
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
____________________
โฆษณา