1 ต.ค. 2019 เวลา 15:27 • หนังสือ
ซีรีส์ : ชั้นหนังสือ [เล่มที่ 02]
“เราทุกคนล้วนเคยรู้สึกอยากหายไปจากโลกนี้ สักครั้งหนึ่งในชีวิต”
...
ชื่อหนังสือภาษาไทย : ถ้าวันหนึ่งนั้น...ฉันตาย
ผู้แต่ง : อีกยองเฮ
ผู้แปล : คุณวิทิยา จันทร์พันธ์
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
จำนวนหน้า : 145 หน้า
...
'ถ้าวันหนึ่งนั้น...ฉันตาย' เป็นนวนิยายขายดีตลอดกาลของเกาหลีในหมวด Heart Warming (ซึ้งกินใจ) ซึ่งแค่ชื่อหนังสือประกอบกับคำเปรยบนปกหนังสือ ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนคงพอมองภาพรวมของนวนิยายเล่มนี้ออกแล้วว่า จะถ่ายทอดอารมณ์ด้านใดให้เราผู้อ่านได้เสพกันบ้าง
...
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นหลังจากการจากไปของเจจุน เมื่อยูมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเจจุน ได้รับโทรศัทพ์จากแม่ของเจจุนเพื่อขอให้ยูมีช่วยอ่านไดอะรี่ของเจจุนแทนท่านหน่อย เพราะหน้าแรกของไดอะรี่นั้นก็ปรากฏข้อความว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันตาย...ความตายของฉันจะมีความหมายอย่างไรกัน?” แค่ลำพังข้อความในหน้าแรก ก็เพียงพอที่จะเขย่าอารมณ์ของทั้งผู้เป็นแม่ของเจจุนและเพื่อนสนิทอย่างยูมีเสียแล้ว กระดาษบางๆ เพียงแค่เเผ่นเดียว แต่ทำไมยูมีกลับรู้สึกว่ามันหนักมากเสียจนไม่อาจพลิกไปเพื่ออ่านหน้าถัดไปได้เช่นนี้ อะไรดลใจให้เจจุนเขียนประโยคนี้ลงในหน้าแรกของไดอารี่เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านที่จะค่อยๆ หาคำตอบกับการพลิกหน้ากระดาษบนไดอะรี่ไปพร้อมๆ กับยูมีครับ
...
น่าเหลือเชื่อจริงๆ ครับ ที่หนังสือเล่มบางๆ แค่นี้กลับอัดแน่นไปด้วยความหลากอารมณ์ทั้ง ความหดหู่ ความน่าสงสาร ความเกลียดชัง ความรัก ความเหงา ความรื่นเริงอบอุ่นหัวใจ ตลอดจนความกล้าหาญและทะเยอทะยาน ผ่านการบรรยายและบทสนทนาที่ยอดเยี่ยมและแฝงความหมายในทุกๆ ประโยคที่ปรากฏบนหน้ากระดาษ เหมือนกำลังรับชมภาพยนตร์สายรางวัลเรื่องเยี่ยมเรื่องหนึ่งก็ไม่ปาน
...
นิยายเรื่องนี้แฝงการเสียดสีสังคมไปในที ทั้งค่านิยมการเรียนกวดวิชาของผู้ปกครอง ปัญหาของสถาบันครอบครัว ความคาดหวังในตัวเด็กๆ ของสังคม ตลอดจนค่านิยมของสังคมบางอย่างที่อาจไปกดดันเด็กๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวผู้อ่านอย่างเราๆ มาก จนทำให้เราอินและเข้าใจได้ไม่ยาก
...
หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้จบลง...ผมมี 2 สิ่งที่ตราตรึงใจ
...
1. 'พลังของการจัดการกระบวนการคิด’ ว่ามันทรงพลังมากเพียงใด เพราะนิยายเล่มนี้มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของยูมีเป็นหลัก เราจะได้รับรู้ทั้งด้านมุมมอง อารมณ์ และการจัดการความคิดทั้งหมดของตัวละครยูมี เด็กสาวระดับชั้นมัธยมชั้นปีที่ 3 ครับ ว่าเธอมีกระบวนการคิดในการเอาชนะความกลัวที่จะพลิกอ่านไดอะรี่ได้อย่างไร, การหาเหตุผลในการดึงอารมณ์ตัวเองขึ้นมาจากความโศกเศร้าและเดินหน้าต่อได้อย่างไร เป็นต้น
...
เพราะท้ายสุดแล้ว ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญหน้าอยู่กับอะไรก็ตาม ซึ่งมันอาจจะบันทอนจิตใจของเรา, คอยกัดกร่อนความรู้สึกของเราอย่างเลือดเย็น แต่สุดท้ายเเล้วเราก็ต้องลุกขึ้นและก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เเล้วแต่ "No matter what happens, life must go on." นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงตาของเราถึงอยู่ข้างหน้า นั้นก็เพราะธรรมชาติต้องการให้เรามองมุ่งมั่นในเส้นทางที่อยู่เบื้องหน้า และเหตุผลที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้เราก้าวขาไปข้างหน้าได้คล่องกว่าการเดินถอยหลัง ก็เพราะนี้คือชีวิตและชีวิตก็คือการก้าวต่อไปข้างหน้า
...
2. ด้านความรัก : นวนิยายเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นของเจจุนและยูมี (ในฐานะเพื่อนสนิทนะครับ) เราจะเห็นภาพความทรงจำจากยูมี และบันทึกผ่านตัวอักษรของเจจุน โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นล้วนอบอุ่นและเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องเปร่งเสียงออกมา (กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องมาบอกว่า เราเป็นเพื่อนสนิทกัน ให้วุ่นวาย) ทุกอย่างมันฟ้องออกมาจะการกระทำที่จริงใจและใสซื่อต่อกัน
...
และความสัมพันธ์กับคนรอบตัวของเจจุนเด็กชายผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน ด้วยความคิดที่ดีงามของเจจุนนี้เอง (ตามภาพด้านล่าง) ทำให้เราเห็นว่าเจจุนเองนั้น ก็เป็นรักของเพื่อนๆ และครูประจำชั้นเองก็เอ็นดูเจจุนอยู่ไม่น้อย
...
เครดิตภาพ : เพจแพรวนิยายแปล
ความรักคือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังต่อการดำเนินชีวิตของเรา ตัวละครอย่างยูมีและเจจุนก็เช่นกัน เราทุกคนย่อมล้วนแต่ต้องการได้รับความรักจากคนรอบข้าง เพราะมันทำให้เรามีพลังใจ มีแรงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า บางครั้งแค่เขาเข้ามากอดเราโดยไม่ต้องเปร่งเสียงเรียงร้อยคำพูดอะไรออกมาก็ทำเราซาบซึ้งน้ำตาตกแล้ว
...
เเต่เจจุนคิดไปไกลกว่านั้น...คือ 'ความยิ่งใหญ่ของการได้รักใครสักคนหนึ่ง' ผมเชื่อว่าพวกเราต้องเคยมีโมเม้นที่ว่า 'ยอมเหนื่อยเพื่อใครสักคนหนึ่ง' ใช่ไหมครับ พ่อและแม่ที่ทำงานหาเงินเพื่อให้ลูกตัวเองได้สบายในอนาคต, ลูกที่คอยดูแลพ่อแม่ในยามแก่เฒ่า, การยื่นมือช่วยเพื่อนร่วมงานที่กำลังลำบาก และการได้รักใครสักคนหนึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเป็นแค่คนรู้จักของเราเสมอไปครับ การได้รักเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคมก็ได้เช่นกัน อาทิเช่น การร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นยามเกิดอุทกภัย เป็นต้น
...
เครดิตภาพ :https://www.ejan.co/news/5d80607b94683
เพราะการเป็นผู้ให้นั้นยิ่งใหญ่เสมอ และคนที่ได้รับความรักนั้นจะมีความสุขเป็นร้อยเท่า (ตามที่เจจุนนิยามเอาไว้)
...
เครดิตภาพ : แพรวนิยายแปล
สุดท้ายกับประโยคคำถามของเจจุนที่ว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันตาย...ความตายของฉันจะมีความหมายอย่างไรกัน?” คนที่จะนิยามความหมายนี้ได้ ไม่ใช่ตัวเจจุนครับ แต่เป็นคนรอบตัวเจจุนต่างหากที่จะนิยามความหมายนี้แก่เจจุน
...
ดั่งเช่น...จ่าแซม นาวาตรี สมาน กุนัน ที่พวกเราชาวไทยต่างนิยามและยกย่องให้ท่านเป็น 'วีรบุรุษถ้ำหลวง'
...
รำลึกถึงจ่าแซม : เครดิตภาพ https://www.springnews.co.th/programs/scoop-th/306124
ระดับการอ่านแล้ววางไม่ลง (เต็ม 5) : ผมให้ ⭐⭐⭐⭐

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา