20 ต.ค. 2019 เวลา 19:06 • กีฬา
สรุปบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจศึกแดงเดือด
1. "แมนยูมีแรงกระตุ้นพิเศษ" แรงขับเคลื่อนนี้อาจเกิดจากศักศรีที่ค้ำคอของความเป็นแดงเดือด คำปลุกใจจากโซชาหรืออาจเป็นท่านเซอร์อเล็กซ์ หรือลูกทีมที่อยาก Save Ole อะไรก็แล้วแต่ แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ อย่างที่เราเห็นกันเฟรดแม่งวิ่งลืมตาย เปเรร่าขยันกว่าทุกครั้ง(ถึงแม้ยังทำได้น่าผิดหวังในหลายจังหวะ) ส่วนคนอื่นยังเล่นได้ตามมาตราฐาน อ.ยังก็ไม่มีความผิดพลาดที่รับไม่ได้
2. "สามแต้มที่หายไปเกิดจากการเน้นรับมากเกินไปในครึ่งหลัง" น่าจะเกิดจากการ play save ของโซชา หรือการพับกระดานบุกของเป็ดที่มาดี ทำให้แมนยูเล่นเกมส์ที่ถนัดไม่ได้ และไม่สามารถโต้กลับได้หวืดหวาเพราะขาด Pogba มิดฟิวระดับโลก(มั้งนะ 555+) ถึงแม้หลายครั้ง Pogba อาจไม่ได้สร้างประโยชน์ได้เท่าชื่อเสียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า Vision ในการวางบอลของ Pogba นั้นอยู่ในระดับ Worldclass โดยเฉพาะช่วงท็อปฟอร์ม
3. "การเล่น pressing สูงที่ได้ผล" ครั้งแรกแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าการเล่น High pressing แบบไม่กลัวหลังลอยของยูไนเต็ดทำให้เป็ดบุกไม่ขึ้น ต่อบอลลำบาก ถึงกระนั้นก็ดีคุณภาพของทีมและนักเตะยังทำให้แมนยูเกือบเสียประตูในครึ่งแรก
4. โซชายังได้รับการหนุนหลัง เห็นได้ชัดว่าลูกทีมทุกคนไม่มีใครเล่นแบบไล่โค้ชและเพลงเชียร์ไล่โค้ชหรือป้ายก็ยังไม่มีให้เห็นในสนามโอลแทรฟฟอร์ดวันนี้ อย่างไรก็ดีคาดว่ากองทัพแฟนผีคีร์บอร์ดบางส่วนก็ยังขับไล่โซชาอยู่ดีเพราะผลงานที่ย่ำแย่ แต่อย่าลืมว่านักเตะเรามีขมกำลังน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับทีมระดับ Top4 อาจเป็นเพราะทีมเราต้องการสร้างทืมจากรากฐานเยาวชนซึ่งอาจประสบความสำเร็จแบบฉาบฉวยได้ยาก ซึ่งฟุตบอลปัจจุบันทนนั้นทนรอกันไม่ได้ ....
5. บทวิเคราะห์เพิ่มเติมที่น่าสนใจ The NEXT COACH กล่าวถึงเทรนการเปิดฟุตบอลที่กำลังใช้ในปัจจุบันได้น่าสนใจจากเกมนี้ ว่า "หนึ่งสิ่งที่เห็นจากเกมแดงเดือดครั้งนี้คือทั้ง2ประตูที่ทั้งคู่ทำได้ ล้วนเกิดจากการครอส และก็ไม่ใช่การครอสธรรมดา มันคือการครอสคล้ายๆLowdriveผสมกับEarly cross แต่ตั้งใจครอสยัดแรงๆให้ลูกตกพื้น แล้วกระดอนขึ้นมาให้ตัวรุกชาร์จเข้าไป การครอสแบบนี้เรียกว่า Whipped Cross หรือแปลตรงตัวภาษาไทยแปลว่า "เปิดยัด" นั่นเอง โดยเมื่อ4-5ปีก่อน ก็ได้มีเทรนการเตะฟรีคิกลักษณะนี้เช่นกัน คือเตะให้ลูกตกพื้นแล้วให้ตัวรุกชาร์จ หากชาร์จไม่โดนก็มีสิทธิ์ที่ลูกจะตกเข้าตะข่ายเลยเช่นกัน"
โฆษณา