1 พ.ย. 2019 เวลา 12:00 • ปรัชญา
โนงูจิ ฮิเดโยะ ชายธรรมดาที่มีรูปบนธนบัตรของญี่ปุ่น
"ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน" : ดร.โนงูจิ ฮิเดโยะ
คำคมที่ผมชอบนี้เป็นหนึ่งคำคมที่ผมเอามาปรับใช้ในชีวิต และ ช่วงเวลาที่ยากลำบากคำคมนี้มักมาเตือนสติผมเสมอ
จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่เริ่มชีวิตที่ยากจนเป็นลูกชาวนาไปสู่นักวิจัยผู้อุทิศตนเพื่อชาวโลกจนรูปของเขาได้ไปอยู่บนธนบัตร 1000 เยน ของญี่ปุ่น
เพื่อเป็นกิตติคุณความดีที่น่ายกย่อง ถือเป็นบุคคลตัวอย่างให้อนุชนรุ่นหลัง ไว้เอาเป็นแบบอย่าง
"ความอดทนมีรสขม แต่ผลของความอดทนมีรสหวาน" ความสำเร็จใดๆ ไม่เคยเกิดขึ้นในทันทีทันใด มันต้องบ่มเพาะ จนเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ต้องอาศัยระยะเวลา twintrade จะเล่าให้ฟัง
โนงูจิ เซซากุ (ชื่อเดิม) เป็นลูกชาวนา เติบโตมาเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่อุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้เป็นแม่ที่ก่อกองไฟตรงเตากลางที่กลางบ้าน เด็กชายโนงูจิ ไม่ระวังตกลงไปเตากลาง ทำให้เด็กชาย โนงูจิ เกิดความพิการที่มือด้านซ้าย
cr.บ้านเกิดของ โนงูจิ ฮิเดโยะ
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แม่ของเขา รู้สึกผิดมาตลอดชีวิต และทำทุกๆทางที่จะผลักดัน ให้เด็กชาย โนงูจิ มีความก้าวหน้า
โนงูจิ เริ่มเข้าศึกษา เล่าเรียน และพบว่า เพื่อนๆมองเขาอย่างตัวประหลาดทำให้เขา เริ่มที่จะไม่อยากไปโรงเรียน เขาเริ่มรู้สึกถึงความโดดเดี่ยว
เขาโดดเรียนไม่ไปโรงเรียนจนคุณครูต้องมาหาคุณแม่ของเขา แต่แม่ของเขาก็เข้าใจ เพราะส่วนหนึ่ง แล้ว ปมด้อยของเด็กชาย โนงูจิ ก็เกิดจากความผิดพลาดของเธอเอง
โนงูจิ เมื่อเห็นความยากลำบากของผู้เป็นแม่ เขาจึงคิดได้และกลับมาตั้งใจเรียน และเขาสามารถสอบได้ที่ 1 มาตลอด เพื่อนๆของเขาเริ่มให้การยอมรับเขามากขึ้น
"ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน" เป็นด่านแรกที่เขาสามารถ อดทนอดกลั้น ที่ฝ่าด่านจากผู้คน ที่มองเขาเป็นแค่ตัวประหลาด มือซ้ายที่ติดกันเป็นพังพรืด
หลังจากนั้นเขาก็มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอเหมือนนายแพทย์ที่ช่วยชีวิตเขาในวัยเด็ก เขาได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยหมอ โดยทำงานเป็นภารโรงของโรงพยาบาล และได้เรียนหมอไปด้วย
ในครั้งนี้เขาก็หนีไม่พ้นกับนักศึกษาหมอด้วยกัน ที่มองเขาเป็นตัวประหลาด เขาต้องต่อสู้กับจิตใจอีกครั้ง จนเขาเริ่มฉากแววความเป็นหมอเป็นนักวิทยาศาสตร์มากขึ้น เมื่อเขาเริ่มสนใจ การวิจัยเชื้อโรคต่างๆขึ้น
เมื่อมีโอกาสที่ สถาบันร๊อกกี้ เฟดเลอร์ ได้มอบให้ เขาจึงบินไปประเทศอเมริกา เพื่อไปเรียนต่อ เขาเริ่มมุ่งมั่นไปกับการวิจัยมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะช่วยเหลือมวลมนุษย์ชาติ
ภาพถ่ายกับโนงูจิกับเพื่อนนักวิจัยสถาบันร็อคกี้ เฟดเลอร์
อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมของชาวต่างชาติก็เหยียดคนผิวเหลืองยิ่งกว่าคนชาติเดียวกันเสียอีก เป็นอีกครั้ง ที่ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน
พ.ศ.2454 เขาเริ่มมีชื่อเสียงจากผลงานที่ เขาสามารถเพาะเชื้อสไปโรขีต (spirochete pallida) อันเป็นต้นเหตุของโรคซิฟิลิสได้เป็นผลสำเร็จ และจากนั้นในปี พ.ศ. 2456 เขาก็สามารถแยกเชื้อตัวนี้ออกจากผู้ป่วยโรคซิฟิลิสที่เป็นอัมพาตได้สำเร็จ
ทำให้เขาได้รับรางวัลมากมาย และ เขาได้เดินทางกลับไปรับรางวัลกับพระจักรพรรดิ์ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อตอนอายุ 39 ปี นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ไปเหยียบแผ่นดินที่ให้กำเนิด
ภาพถ่ายคู่กับมารดาผู้เป็นที่รัก
เขาได้เขียน แผ่นหินว่า " ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน" เป็นประโยชน์อมตะที่อยู่ในใจของหลายๆคนครับ
ด๊อกเตอร์ โนงูจิ ยังคงอุทิศให้กับงานวิจัยจนพบต้นตอของโรคระบาดไข้เหลือง (yellow fever) เขาจึงได้เดินทางไปศึกษาที่ กรุงอัคคร่า ประเทศกาน่า ที่นั้นเป็นแหล่งความรู้สำหรับเขา เพราะเป็นแหล่งที่เกิดโรคระบาด
โนงูจิ ได้ป่วยจากโรคที่เขาค้นพบ คือโรคไข้เหลือง และจากไปด้วยวัย 51 ปี ก่อนเสียชีวิต เขาได้ทิ้งข้อความว่า I don't understand
เขาได้รับการยกย่องของสถาบันวิจัย ร็อคกี้ เฟดเลอร์ ว่า "เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อมวลมนุษย์ชาติ"
ชีวิตของด็อกเตอร์ โนงูจิ ฮิเดโยะ ให้ข้อคิดอะไรบ้าง
1.ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งเราได้หากเราไม่ยอมแพ้ อย่าง ดร. โนงูจิ เรียนเก่งแต่ฐานะทางบ้านไม่ดี ก็พยายามจนมีคนสนับสนุนให้เรียน อยากเป็นหมอทั้งๆ มือซ้ายใช้การได้ไม่ดีนัก แต่เกิดจากแรงบันดาลใจในการได้รับการผ่าตัด อยากช่วยเหลือผู้อื่น
2.อดทนอดกลั้น ถึงแม้จะได้เป็นหมอ แต่ก็ถูกบรรดาหมอทำเย็นชา เป็นคนละเกรด แต่ก็อดทนอดกลั้น มุ่งไปที่งานเป็นหลัก มุ่งไปที่ผลงานจนสามารถทำให้ บุคคลยอมรับในความสามารถได้
3.เชื่อมั่นในตนเอง กล้าที่ทำทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่พยายามทำมันให้ได้ ทำให้ดีที่สุด จนประสบความสำเร็จ
4.มุ่งมั่นในสิ่งที่รัก โนงูจิ อุทิศทั้งชีวิตเพื่อค้นคว้า วิจัย ให้กับงานที่เขารัก แม้สุดท้าย เขาจะต้องตายจากงานที่เขารักก็ตาม แต่เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ หากไม่มีเขา ทิ้งร่องรอยการวิจัยเอาไว้ ให้ มนุษย์ชาติ อาจต้องตายเป็นจำนวนมาก
5.ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นแรงผลัดดันที่ยิ่งใหญ่ เมื่อปมมือซ้ายที่พิการ ทำให้เขาต้องใช้แรงผลัดดันมากกว่าคนอื่นเป็น 2 เท่า เขามุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตนเองว่า ถึงเขาจะเป็นแบบนี้ เขาก็เป็นมนุษย์ที่สามารถประสบความสำเร็จได้
หากเพื่อนๆที่กำลังท้อแท้ ให้นึกถึงเรื่องราวของ โนงูจิ ฮิเดโยะ ชายธรรมดาที่มีรูปอยู่บนธนบัตร 1000 เยน ของประเทศญี่ปุ่น
รูป ธนบัตร 1000 เยน ที่มีรูป ดร.โนงูจิ ฮิเดโยะ
ไม่ว่าคุณจะเกิดจากชนชั้นไหนมันไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ระหว่างเดินทางเราต้องสร้างคุณค่าอะไรบางอย่างทิ้งไว้ อย่างน้อยเพื่อลูกหลานของเรา
"ความอดทนมีรสขม แต่ผลของมันมีรสหวาน"
โนงูจิ ฮิเดโยะ
reference:
อ่านบทความแล้วมีประโยชน์ ฝากกด like , กด share กดติดตาม เป็นกำลังใจให้แอดด้วยเด้อ^^
ช่องทางการติดตาม:twintrade เล่าหุ้นให้มันง่าย
โฆษณา