31 ต.ค. 2019 เวลา 07:13 • ไลฟ์สไตล์
เรามาชื่นชมสมบัติล้ำค่าของ(ผู้อื่น)ภาพเขียนชื่อดัง10อันดับของโลกกันเถอะ...
แน่นอนว่าผลงานมันต้องมีของแวนโก๊ะและปิกัสโซ นั้น..ขาดซะไม่ได้ แต่มีภาพเขียนที่โด่งดังไปทั่วโลกอยู่มากมาย ต่อจากนี้เราจะได้รู้ว่าภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมีอะไรบ้าง?? อาจจะมีชื่อจริงบ้าง ชื่อเล่นบ้าง ชื่อที่ผมตั้งเองบ้าง ตามประสา..ขอผู้รู้โปรดให้อภัยในบางแง่บางมุมของบทความนี้ด้วยนะครับ... งั้นเรามาดูที่ภาพเขียนชื่อเสียงดังๆสิบอันดับแรกของโลกกันเถอะ!!!
1 Mona Lisa
[ชื่อ] "Mona Lisa" หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "Eternal Smile" Mona Lisa
[ผู้เขียน] Leonardo Da Vinci (อิตาลี)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน (กระดานวาดภาพ) [ขนาด] 77X53cm
[ของสะสม] อยู่ใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะฝรั่งเศส: พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
Mona Lisa
เลโอนาร์โดดาวินชีเป็นยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการเพื่อความเป็นเลิศ ความสำเร็จและผลงานของเขามีมากมาย "โมนาลิซ่า" แสดงให้เห็นภาพของหญิงสาวชาวตะวันตกที่สง่างามและเป็นคนสวย สดใส จนดูเหมือนว่าจะเป็นคนจริง การแสดงออกที่สงบและมั่นใจในตัวเองเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้และลึกลับ ดั่งนำเสนอศักดิ์ศรีอันสูงส่งและขัดขืนไม่ได้ ดูเหมือนว่าผู้ที่รับชมจะเคารพตนเองและเคารพเธอเช่นกัน "Mona Lisa" เป็นงานยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา มันเป็นยุคของการปกครองทางศาสนาในยุคกลางและยุคของการปราบปรามของมนุษยชาติ โดยผลงานของเขาทั้งหมดที่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า "โมนาลิซ่า" คือการปฏิวัติที่แสดงถึงสังคมของชนชั้นกลางที่ทำลายจิตวิญญาณของคริสตจักร
2 The Last Supper
[ชื่อ] "The Last Supper"
[ผู้เขียน] Leonardo da Vinci (อิตาลี)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน ( คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 30 X 62 cm
[ของสะสม] ตอนนี้อยู่ในอารามของ del Gucci ในมิลาน
The Last Supper
โดยLeonardo da Vinci เป็นพระกระยาหารมื้อสุดท้ายเมื่อเขายอมรับคำเชิญของอารามซานตามาเรียเดกลิกราซีในมิลาน นี่เป็นธีมตามพระคัมภีร์ดั้งเดิม ในช่วงสองศตวรรษที่ผ่านมาจิตรกรชื่อดังหลายคนได้ลองวาดรูปนี้ แต่มีข้อบกพร่องบางอย่าง ประการแรกไม่มีความขัดแย้งทางจิตวิทยาในตัวละครและการพัฒนาของเรื่องที่ไม่ชัดเจน ภาพเขียนของดาวินชีได้ทิ้งข้อบกพร่องของธีมทั้งหมดที่ผ่านมาและทำให้ความหมายของเรื่องราวลึกลงไปจากลักษณะของกิจกรรมบุคลิกภาพบุคลิกอารมณ์และปฏิกิริยาทางจิตวิทยาสะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างพระเยซูและยูดาห์ หรือการต่อต้านระหว่างความยุติธรรมของมนุษย์และความชั่วร้าย อันที่จริงมันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ดีเลิศของการต่อสู้ระหว่างความสว่างและความมืดที่คนชอบธรรมสามารถมองเห็นได้ในสังคมอิตาลีต่างหาก
3 Sistine Madonna of Santa Maria
[ชื่อ] "Sistine Madonna"
[ผู้เขียน] Raphael Sansie (อิตาลี)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน
[ขนาด] 265 X 196cm
[สถานที่] พิพิธภัณฑ์ศิลปะในเดรสเดินเยอรมนี
Sistine Madonna
Sistine เป็นผลงานชิ้นเอกของ Madonna of Raphael มันเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความไพเราะสไตล์สบาย ๆ ในปี 1574 มันถูกเก็บไว้ในโบสถ์ Sistine ดังนั้นจึงได้รับชื่อนี้ไปโดยปริยาย ตอนนี้มันเป็นของโบราณที่พิพิธภัณฑ์ Zwinger ในเดรสเดินเยอรมนี ราฟาเอล: (1483-1520) เป็นหนึ่งในสามของฉากศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลีเขาไม่ได้มีประสบการณ์และมีความรู้เท่า ๆ กับเลโอนาร์โดดาวินชีและไม่มีวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าหาญของมิชาลันเจโล แต่ถึงแม้ว่าเขาเจะมีอายุแค่ 37 ปี แต่กลายเป็นจิตรกรน้ำมันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
4 การสร้างอาดัม
[ชื่อ] "การสร้างอดัม"
[ผู้แต่ง] Michelangelo และ Kiro Bonarotti (อิตาลี)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน (คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 280 X 570cm
[สถานที่] โบสถ์วาติกัน Sistine
การสร้างอาดัม
โดย เกลันเจโล "การสร้างอาดัม" ขึ้นอยู่กับบทที่สองของปฐมกาล: "พระเจ้าที่ทรงสร้างแผ่นดินด้วยฝุ่นของโลกและเป่าให้เขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตชื่ออดัมและพระเจ้าตั้งสถานที่ในภาคตะวันออก ในสวนเอเดน” เพื่อให้ความสนใจกับการสร้างพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และการกำเนิดของอาดัม มิเชลเกโลเจโลแสดงให้เห็นถึงด้านขวา คือพระเจ้าที่บินอยู่ในอากาศจับทูตสวรรค์ไว้ในมือซ้ายของเขาและเอื้อมมือแตะอาดัมไปทางขวามือของเขา อาดัมเปลือยอยู่บนแผ่นดินทางซ้ายเอื้อมมือไปหาพระเจ้าและนิ้วมือมนุษย์สื่อสารกัน การวาดไฟฟ้าซึ่งแสดงให้เห็นการเกิดของชายชราที่มีพลังชีวิตและสวยงาม มันสะท้อนถึงอำนาจของผู้สร้างและความเชื่อมั่นของผู้สร้าง
5. Spring
[ชื่อ] "Spring"
[ผู้เขียน] ฌอง - Auguste Dominique Keangeer (ฝรั่งเศส)
[ประเภท] ภาพวาด (กระดานวาดภาพ)
[ขนาด] 164 X 80cm
[ของสะสม] พิพิธภัณฑ์ Lu Foer
ฤดูใบไม้ผลิ
"ฤดูใบไม้ผลิ" เป็นภาพลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของผู้หญิงเปลือยของแองเจิล เขาเริ่มร่าง "ฤดูใบไม้ผลิ" ระหว่างที่เขาอยู่ที่ฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลีในปี 2373 แต่ยังไม่เสร็จ 26ปีต่อมาเมื่อเขาอายุ 76 ปีเขาวาดภาพเขียนใหม่ ว่ากันว่าผู้ช่วยช่วยเขาวาด "Spring" ช่วยผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความงามของมนุษย์และความงามแบบคลาสสิก เขาวาดภาพผู้หญิงเปลือยที่ถือคนโทน้ำ แสดงกล้ามเนื้อของมันที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นเนื่องจากความโค้งและความอ่อนโยนของ Anger ร่างกายเป็นรูปตัว S เล็กน้อย ดูสง่างาม ดวงตามีความชัดเจน เธอเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ ดอกเดซี่ที่มุมซ้ายล่างของรูปภาพคือสัญลักษณ์ของเธอ ใบไม้สีเขียวที่ด้านบนของหัวคนโทน้ำพุที่ไหลแบบที่เงียบสงบได้เพิ่มความคิดทางศิลปะของภาพวาดยิ่งขี้น จากภาพนี้ผู้คนรู้สึกถึงอาณาจักรอันสูงส่งที่เหมือนบทกวีที่เงียบสงบจิตวิญญาณ พร้อมปลอบโยนความรู้สึกอ่อนล้าใน "ฤดูใบไม้ผลิ"
6 Sunrise Impression
[ชื่อ] "Sunrise Impression"
[ผู้เขียน] Claude Monet (ฝรั่งเศส)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน ( คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 48 X64 cm
[ของสะสม] พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Paris MalmotanMo
Sunrise Impression
ภาพเขียนสีน้ำมันของโมเนต์ภาพวาดที่มีชื่อเสียงนี้เป็นภาพร่างของโมเนต์ วาดในปี 1873 เขายังทาสี "Sunset" ในที่เดียวกันเมื่อเขาถูกส่งไปยังนิทรรศการศิลปะอิมเพรสชันนิสต์ครั้งแรก นักข่าวคนหนึ่งเสียดสีภาพวาดของโมเนต์ว่า "การปฏิเสธความงามและความจริง ยังจะสามารถสร้างความประทับใจแก่ผู้คนได้" จากนั้น Monet ก็ให้ชื่อภาพเขียนว่า "Sunrise Impression" ในฐานะที่เป็นภาพทะเลถูกปกคลุมไปด้วยโทนสีเทาบาง ๆ และลายเส้นพู่กันนั้นสุ่มและไม่เป็นระเบียบมากแสดงภาพที่มีหมอก เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นหมอกในทะเลจะเบลอและน้ำก็สะท้อนสีของท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ ทิวทัศน์บนชายฝั่งนั้นคลุมเครือคลุมเครือและไม่ชัดเจน...เอากะเขาสิ!
7 ภาพสาวไม่ทราบที่มา
[ชื่อ] "หญิงสาวนิรนาม"
[ผู้แต่ง] Ivan Nikolaevich Kramskoy (รัสเซีย)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน ( คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 75.5 X 99 cm
[ของสะสม] พิพิธภัณฑ์ศิลปะมอสโก Trechakov
หญิงสาวนิรนาม
ชื่อเป็นจิตรกรชาวรัสเซีย Ivan Nikolaevich Kramsko เป็นภาพเหมือนจริงที่วาดในปี 1883 ปัจจุบันตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ Trechakov ในกรุงมอสโก ภาพ หญิงสาวปัญญาชนชาวรัสเซียสมัยศตวรรษที่ 19 นั่งและมองดูโลกที่โหดเหี้ยม ดูภาคภูมิใจและเคารพตนเอง ภาษาท่าทางนี้แสดงให้เห็นว่าตัวละครในภาพวาดไม่เข้ากันกับโลกนี้ เย็นชา ไม่ยอมรับและไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วม ซึ่งแสดงถึงทัศนคติของปัญญาชนประชาธิปไตยที่มีต่อสังคมในเวลานั้น ความงามของภาพเหมือนของผู้หญิง ยังสะท้อนมุมมองความงามของศิลปิน เธอไม่มีเครื่องแต่งกายที่งดงาม แต่มันก็ดูดีและเป็นผู้หญิงผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงมีการศึกษาและมีทักษะสูงในชนชั้นสูง โทนสีมีความแข็งแกร่งและหลากหลายและใบหน้าที่เฉยเมย นั้นโดดเด่นเป็นพิเศษทั้งเคร่งขรึม สง่างามและมีเกียรติ
8. Venus Sleeping
[ชื่อ] "Venus Sleeping"
[ผู้แต่ง] Joel Jonne (อิตาลี)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน (คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 108.5 X 175 cm
[ของสะสม] พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเดรสเดน
Venus Sleeping
ในประมาณปี ค.ศ. 1510-1911, ภาพวาดสีน้ำมันใน Dresden National Gallery เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Giorgio และเสร็จสมบูรณ์โดย Titian งานของวีนัสแสดงให้เห็นถึงความงามโดยไม่มีลักษณะของเทพธิดาทางศาสนาใด ๆ เป็นภาพวีนัส ผู้ซึ่งหลับไปก่อนที่จะมีทิวทัศน์ธรรมชาติมีร่างกายที่สง่างามและอ่อนโยน การรักษาศิลปะนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นความรู้สึกของเนื้อหนัง แต่เพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของความงามระหว่างร่างกายที่สำคัญของมนุษย์และจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่สอดคล้องกับความงามในอุดมคติของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
9 Sunflower
[ชื่อ] "Sunflower"
[ผู้แต่ง] Vincent Van Gogh (เนเธอร์แลนด์)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน (คณะจิตรกรรม)
[ขนาด] 93 X 73 cm
[คอลเลกชั่น] หอศิลป์แห่งชาติลอนดอน
Sunflower
หนึ่งในงานของ Van Gogh เขาวาดเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกภายในของเขาเอง "ดอกทานตะวัน" เป็นผลงานชิ้นเอกด้วยจังหวะสั้น ๆ และดอกไม้แต่ละดอกก็เหมือนเปลวไฟที่ลุกไหม้ กลีบดอกและใบไม้ที่ถูกแบ่งอย่างละเอียด เหมือนถูกปกคลุมเหมือนเปลวไฟภาพ แสดงให้เห็น ความหลงใหลในชีวิตของจิตรกร
10 Girls of Avignon
[ชื่อ] "Girls of Avignon"
[ผู้เขียน] Picasso (สเปน)
[ประเภท] ภาพเขียนสีน้ำมัน (ภาพเขียนสี)
[ขนาด] 243.9 X 233.7cm
[คอลเลกชัน] พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่นิวยอร์ก
Girls of Avignon
หญิงสาวแห่งอาวิญงปีกัสโซ ภาพวาดในกรุงนิวยอร์กพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่โดย Pablo Picasso (1881-1973) เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในตะวันตกในศตวรรษที่20 เขาทิ้งงานที่น่าทึ่งมากมายในชีวิตของเขา มีสไตล์และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ธรรมดา Picasso เกิดที่เมืองมาลากาประเทศสเปนและตั้งรกรากที่ฝรั่งเศส เขาวาด "Avening Girl" เป็นผลงานของนักเขียนภาพแบบเหลี่ยมที่แยกออกอย่างสิ้นเชิงกับวิธีการศิลปะก่อนหน้านี้ ทำให้ในเวลานั้นมันอาจถูกเยาะเย้ยและการกล่าวหาจากทุกแง่มุมของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าภาพเขียนนี้ทำให้ภาพเขียนแบบเหลี่ยมของฝรั่งเศสได้พัฒนาขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทศวรรษต่อมา ไม่เพียงแต่ในงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบัลเล่ต์การออกแบบเวทีวรรณกรรมและดนตรีอีกด้วย "Wei Wei Nong Girl Girl"สร้างสถานการณ์ใหม่ในลัทธิเขียนภาพแบบฝรั่งเศสนิยม
เป็นไงกันบ้างครับกับความงดงาม(ในบางรูป)สวยงามที่หลากหลาย
โดยส่วนตัวผมว่า..ความสวยงามที่แท้จริงต้องสวยที่ใจ ไม่ได้สวยที่ร่างกาย ที่ไม่จีรังถาวร ต่อให้แต่งให้เสริมมากน้อยเพียงไร ไม่นานก็เสื่อมหมดไป สู้กับกาลเวลาไม่ได้ เพราะร่างกายอยู่ภายใต้กฎของอนิจจังทุกขังอนัตตา มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าไปหลงยึดติด อยากจะให้สวยให้งามไปตลอด ก็จะเกิดความทุกข์ใจขึ้นมา เพราะไม่ได้เป็นไปตามที่ปรารถนา ไม่ได้เป็นตัวเรา ไม่ได้เป็นของเรา ความสวยงามที่เราเสริมสร้างให้อยู่กับเราไปได้ตลอด ก็คือความสวยงามทางจิตใจ ที่ไม่มีวันเสื่อม ไม่มีวันสลาย ไม่มีวันหมดไป ถึงแม้ร่างกายจะแก่ชรา ไม่สวยไม่งาม ถ้าสวยในใจ ก็ยังน่ารักน่าชื่นชมยินดีน่าประทับใจ
คนเราจึงมีความสวยงามอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือสวยกายและสวยใจ ถ้าเป็นดอกไม้ก็มีรูปสวยและมีกลิ่นหอม
ดอกไม้จึงมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกันคือ 1 รูปสวยกลิ่นหอม 2 รูปสวยกลิ่นไม่หอม 3 รูปไม่สวยแต่กลิ่นหอม 4 รูปไม่สวยกลิ่นไม่หอม คนเราก็เป็นเหมือนดอกไม้มีอยู่ 4 ชนิดเช่นเดียวกันคือ 1. สวยทั้งรูปสวยทั้งใจ 2. สวยแต่รูปแต่ใจไม่สวย 3. รูปไม่สวยแต่ใจสวย 4. รูปไม่สวยใจไม่สวย
พิจารณาดูตัวเราเองว่าเป็นชนิดไหน ถ้าไม่สวยทางใจก็ควรเสริมสร้างขึ้นมา เพราะเราสามารถเสริมความสวยของใจได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีอายุมากมีอายุน้อย เป็นหญิงเป็นชาย เป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นคนแก่เฒ่าชรา ส่วนความสวยทางกายเป็นความสวยที่ไม่จีรังถาวร เสริมอย่างไรไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเสื่อมไป เช่นตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เราก็อาบน้ำอาบท่า แต่งหน้าทาปาก หวีเผ้าหวีผม ใส่เสื้อผ้าสวยงาม พอตกเย็นกลับบ้านหน้าตาก็ห่อเหี่ยว มีเหงื่อไคล มีกลิ่น ความสวยตอนเช้าก็หายไปเหลือแต่ความไม่สวย เพราะเป็นธรรมชาติของร่างกาย ที่จะต้องเสื่อมอยู่เรื่อยๆ เราจึงต้องคอยเสริมอยู่เรื่อยๆ ต่อให้เสริมให้มากน้อยเพียงไร ก็สู้กับกาลเวลาไม่ได้ เมื่อแก่แล้วก็จะไม่สามารถเสริมได้อีกต่อไป
แต่ใจไม่ได้แก่ไปกับกาลกับเวลา.. ไม่ได้แก่ไปกับร่างกาย มีแต่จะสวยขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงแม้ร่างกายจะแตกดับไป ความสวยของใจก็ไม่ได้สูญหายไปด้วย ไปเกิดในภพหน้าชาติหน้า จะสวยทั้งกายและใจ เพราะความสวยงามของใจ มีผลต่อความสวยงามของร่างกาย ในภพหน้าชาติหน้าอีกด้วย คือถ้าเราได้เสริมความสวยงามของใจ ด้วยการทำความดี ทำบุญทำทาน รักษาศีลอยู่เรื่อยๆ พอไปเกิดในภพหน้าชาติหน้า เราจะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม มีความสุขความสบาย มีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองมากกว่าที่เป็นอยู่ในชาตินี้ เป็นอานิสงส์ของการเสริมความสวยงามทางใจ เราจึงควรให้ความสำคัญ มากกว่าความสวยงามทางร่างกาย ร่างกายก็ต้องดูแลให้น่าดู ไม่ให้สกปรก อาบน้ำอาบท่า หวีเผ้าหวีผม เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับร่างกาย ไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ใช้น้ำหอม ใช้เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆงามๆมาเสริม สู้เอาเวลาเอาเงินทองมาเสริมความงามทางใจจะดีกว่า ระหว่างของจริงกับของปลอม เราจะเอาอย่างไหน เราก็ต้องเอาของจริง ไม่มีใครต้องการของปลอม ฉันใดความสวยงามก็เหมือนกัน มีทั้งของจริงและของปลอม ความสวยงามทางร่างกายเป็นของปลอม ความสวยงามทางใจเป็นของจริง ที่จะยังประโยชน์สุขให้กับเราได้อย่างแท้จริง จึงควรหมั่นเสริมความสวยงามทางใจ ด้วยการทำความดีกัน ให้รู้จักให้ รู้จักเสียสละ อย่าเอาแต่ได้ อย่าเอาแต่ใจของตน อย่าเห็นแก่ตัว เพราะไม่สวยงาม ไม่น่ารัก ความสวยงามของใจอยู่ที่การให้ การเสียสละ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ซื่อสัตย์สุจริต ส่วนความไม่สวยงามของใจ ก็คือความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่อยากจะคบค้าสมาคมด้วย
จงอย่าหลงประเด็น อย่าหาความสวยงามทางร่างกาย จะเสียเวลาไปเปล่าๆ เสียชาติเกิด ไม่ได้สร้างบุญบารมี ไม่ได้สะสมทรัพย์ภายใน ที่จะพัฒนาชีวิตจิตใจให้ดีขึ้นให้สูงขึ้น เกิดชาติหน้าแทนที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็จะต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง ไปตกนรกบ้าง เพราะไม่ได้ดูแลรักษาจิตใจ ปล่อยให้กลายเป็นใจของเดรัจฉาน ของสัตว์นรก ถ้าหมั่นทำความดี เสียสละ ให้ทาน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีแต่คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เรื่อยๆ เวลาตายไปใจก็ได้ไปเกิดเป็นเทพ หลังจากหมดบุญก็ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
เป็นเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด เป็นกฎแห่งกรรม ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกเท่านั้น ที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน พวกเราไม่มีทางเห็นได้เลย เพราะเป็นเหมือนคนที่ปิดตานั่นเอง จะไปเห็นอะไรได้ นอกจากเห็นความมืด หรือเห็นไปตามจินตนาการของตน เช่นเห็นว่าทำบุญแล้วสูญ ทำบาปแล้วสูญ ถ้าเห็นตามความจริงจะต้องเห็นว่าบาปมีจริง บุญมีจริง ผลของบาปและบุญก็มีจริง คือนรกสวรรค์ก็มีจริง มรรคผลนิพพาน การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดก็มีจริง เกิดจากการทำความดีหรือการทำความชั่วทำบาปนี่เอง ถ้าอยากจะไปดี เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกได้ไป ก็ต้องทำตามที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกได้ทำ ได้สอนให้พวกเราทำ ถ้าทำตามแล้วก็จะได้ไปที่เดียวกัน เพราะท่านเป็นเหมือนผู้บอกทาง ท่านรู้ว่ามีสถานที่ที่น่าไป ที่มีแต่ความสุข ความอิ่ม ความพอ ปลอดภัยจากความทุกข์ทั้งหลาย ท่านไปมาแล้ว จึงบอกพวกเรา ถ้าเชื่อก็ปฏิบัติตาม ไม่ช้าก็เร็ว เราก็จะไปถึงที่เดียวกัน ไม่มีทางอื่น ต้องเชื่ออย่างเดียว เพราะเราเป็นเหมือนคนตาบอด จะไปเชื่อตัวเองได้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าที่จะไปอยู่ตรงทิศไหน เหนือใต้ตะวันออกหรือตะวันตก แล้วจะไปถึงได้อย่างไร ต้องอาศัยคนตาดีชี้ทางให้
จึงต้องฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่เรื่อยๆ ฟังแล้วก็นำเอาไปปฏิบัติ อย่างวันนี้ท่านสอนให้เราสร้างความสวยงามทางจิตใจ เพราะจะทำให้เราเป็นคนน่ารักน่าชื่นชมยินดี มีความสุขความเจริญ ได้ไปถึงที่เดียวกัน ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้ไปถึง จึงควรทุ่มเทเวลาให้กับการเสริมสวยความงามทางใจ อย่าไปเสียเวลากับการเสริมสวยทางกายเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร คนสวยทางกายแต่ไม่สวยทางใจ ไม่มีใครชื่นชมยินดี หลอกได้ก็เฉพาะคนตาบอดเท่านั้น คนที่ไม่รู้จักเรา เห็นเราแต่งตัวสวยงาม ก็ชื่นอกชื่นใจ ดีอกดีใจ เพราะยังไม่รู้ใจ ยังไม่รู้ธาตุแท้ว่าเป็นอย่างไร ถ้าอยู่กับเราไปก็จะรู้เอง เมื่อรู้แล้วก็จะไม่อยากจะอยู่กับเรา เราก็ต้องไปหาคนอื่น ไปหลอกคนอื่นต่อ ด้วยความสวยกาย ถ้าสวยใจ จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร มีฐานะอย่างไร จะยากดีมีจนอย่างไร ก็ไม่สำคัญ จะน่ารักน่าชื่นชมยินดี น่าเลื่อมใสศรัทธา เช่นพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เราไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของท่านเลย แต่ได้ยินกิตติศัพท์ที่ดีงาม เราก็อดที่จะมีความชื่นชมยินดี มีความเลื่อมใสศรัทธาไม่ได้ พระสงฆ์องค์เจ้าทั่วๆไป ท่านก็ไม่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามอย่างไร ไม่ได้ใช้เครื่องสำอาง ไม่ได้ทำผม เพราะไม่มีผมจะทำ ท่านโกนศีรษะทุกเดือน นุ่งห่มจีวรเหมือนกันทุกองค์ ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร เป็นเพียงผ้านุ่งห่มปกปิดร่างกาย แต่กลับน่าชื่นชมยินดี น่าเลื่อมใสศรัทธา น่าเคารพนับถือ เพราะไม่ได้เคารพนับถือกันที่กาย แต่ที่ใจต่างหาก เพราะใจของท่านมีศีลมีธรรมนั่นเอง
ศีลธรรมคือความสวยงามที่แท้จริง อย่าไปหลงกับความสวยงามที่ไม่แท้จริงที่จอมปลอม คือความสวยงามทางร่างกาย ที่ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องร่วงโรยไป หนังก็จะเหี่ยว ผมก็กลายเป็นสีขาว หรือหลุดจากศีรษะ ดูอย่างไรก็ไม่สวย แต่ทำไมพระสงฆ์องค์เจ้าที่มีอายุมากๆ กลับเป็นคนที่น่ารักน่าชื่นชม น่าเคารพนับถือ เพราะท่านสวยที่ใจ ใจไม่ได้เสื่อมไปกับกาลกับเวลา เป็น อกาลิโก ไม่มีอายุขัย เป็นธรรมชาติของใจที่เป็นอย่างนี้ ต่างกับกายที่มีขอบเขต เกิดแล้วต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย ต้องดับไป ต้องหมดไป แต่ใจไม่ดับไปกับร่างกาย ใจเอาความสวยงามหรือความไม่สวยงามที่เราได้สร้างไว้ในแต่ละภพแต่ละชาติไปด้วย ทำให้พวกเรามีความสวยงามแตกต่างกัน บางคนก็สวย บางคนก็ไม่สวย เราจึงควรพยายามเสริมสร้างความสวยงามทางใจ ด้วยการมาวัดอยู่เรื่อยๆ มาบ่อยๆ มาให้มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คือวันพระนั่นเอง แต่เนื่องจากสมัยนี้วันพระไม่ตรงกับวันเสาร์วันอาทิตย์ วันหยุดงาน เราก็ต้องปรับเปลี่ยน วันไหนที่เราหยุดงานหยุดการ ก็ถือวันนั้นเป็นวันพระของเรา อย่างเช่นวันนี้เรามาวัดกัน ก็ถือเป็นวันพระของเรา เพราะคำว่าพระ แปลว่าผู้ประเสริฐ วันพระหมายถึงการทำตัวเราให้ประเสริฐ ไม่ได้ให้ไปขอความประเสริฐจากพระ ที่ให้กันไม่ได้ แต่สอนกันได้ ว่าทำอย่างไรให้ประเสริฐ แต่ขอไม่ได้ ขอศีลจากพระไม่ได้ ศีลเป็นของใครของมัน ต้องรักษากันเอง พระเป็นเพียงผู้บอกศีล ให้รู้ว่ามีอะไรบ้าง คนที่รับศีลแล้วก็ต้องรักษา ถ้ารับแล้วไม่รักษา ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ความประเสริฐอยู่ที่การกระทำของเรา ทางกายวาจาใจ คิดดีพูดดีทำดี จะทำให้เราประเสริฐ วันไหนที่เราคิดดีพูดดีทำดี วันนั้นก็เป็นวันพระสำหรับเรา ไม่จำเป็นจะต้องมาวัดเสียด้วยซ้ำไป ถ้าเราคิดดีพูดดีทำดีเป็น เราไม่ต้องมาวัดก็ได้ เหตุที่เรามาวัดก็เพราะเราไม่ค่อยรู้กัน จึงต้องมาฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระภิกษุ เพราะพระมีหน้าที่ชี้ทางให้กับเรา ไม่มีงานอย่างอื่น บวชมาแล้วก็ต้องศึกษาร่ำเรียนหาความรู้ แล้วไปประพฤติปฏิบัติกับกายวาจาใจของตน จนปรากฏผลที่ดีที่เลิศที่ประเสริฐขึ้นมา เห็นแล้วว่าการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้จิตใจดี สวยงาม มีความสุข ความอิ่ม ความพอ ชนะความโลภโกรธหลงได้ ก็นำเอามาเผยแผ่ มาสั่งสอนผู้อื่น ศรัทธาญาติโยมถ้าได้เข้าหาพระสงฆ์ที่รู้จริงเห็นจริง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็จะได้รับสิ่งที่เลิศที่ประเสริฐ คือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วอย่างมั่นใจ ว่าเป็นไปตามที่ทรงสั่งสอน จึงสอนด้วยความมั่นใจ คนฟังก็เกิดความมั่นใจตามไปด้วย ถ้าผู้สอนไม่ได้ศึกษาไม่ได้ปฏิบัติก็จะไม่รู้จริงเห็นจริง ก็จะไม่ได้สอนอย่างมั่นใจ คนฟังก็จะไม่มั่นใจตาม การฟังเทศน์ฟังธรรมจากผู้รู้จริงเห็นจริง กับผู้ไม่รู้จริงเห็นจริง จึงมีความแตกต่างกันมาก เช่นในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนา มีผู้ฟังได้บรรลุธรรมในขณะที่ฟังเป็นจำนวนมาก เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนความจริงล้วนๆ ฟังแล้วน้อมเอาไปพินิจพิจารณา ก็สามารถบรรลุธรรมได้ในขณะที่ฟังเลย โดยไม่ต้องนั่งสมาธิ ไม่ต้องเดินจงกรม เพราะการบรรลุธรรมต้องบรรลุด้วยปัญญาเท่านั้น ถ้าฟังแล้วเกิดปัญญาก็บรรลุได้
conclusion..
ควรเข้าใจว่าเพราะความไม่รู้ อวิชชานี้เอง ที่ยึดถือว่างาม ว่าเป็นสัตว์ บุคคล แท้ที่จริงเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นเพียงรูปธรรมเท่านั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใครที่งามเลย พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ที่งามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และ งามในที่สุด งามด้วยความเป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมที่เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี คือ กุศลกรรมรรม มีปัญญา เป็นต้น เพราะอาศัย ความงามของสภาพธรรมที่ดีงามเหล่านี้ ย่อมละสภาพธรรมที่ไม่งาม คือ กิเลสอกุศล อวิชชา เป็นต้นได้หมดสิ้น ถึงความเป็นผู้งามที่แท้จริง คือ งามด้วยคุณธรรมสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่ยังหมู่ให้งาม ไม่ใช่งามด้วยรูปธรรม แต่งามด้วยนามธรรมคือ คุณธรรมที่ละกิเลส มีปัญญา เป็นความงามที่ประเสริฐและสูงสุดครับ ดังนั้น จึงควรอบรมธรรมที่งาม เพราะ ละความยึดถือละสภาพธรรมที่ไม่งาม คือกิเลส ก็จะไม่เดือดร้อน หวั่นไหวไปในรูปธรรมที่งาม หรือไม่งาม เพราะ ประกอบด้วยความงาม คือ ปัญญา ครับ
reference..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา