8 พ.ย. 2019 เวลา 02:13
ความเหมือนของ การทำการตลาดแบบ Hybrid หรือ OMO
ในโรงแม และ ในตลาดสำเพ็ง ตลาดอุปกรณ์มือถือ
ที่นำมาใช้เหมือนกันอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่แน่ใจว่าธุรกิจอื่น ๆ จะเป็นด้วยหรือเปล่า
abbreviations.com
OMO หรือเรียกว่า Online Merge Offline หรือ จะเป็น Offline Merge Online ก้ไม่แตกต่างกัน ในเมื่อผู้เล่น หรือ ผู้ขายในตลาดทำตัวเองเป็น Hybrid ที่ทำให้ตัวเองเป็นลูกผสม ผสมระหว่าง ตลาดออนไลน์ และ ตลาดออฟไลน์
prachachart.net
ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ นะครับ
บริษัท ทัวร์ Agency ที่ได้ Rate ราคาจากโรงแรมในราคาถูก เพื่อที่จะนำไปขายลูกทัวร์ ลูกค้า สบโอกาสเห็นช่องทางของออนไลน์ที่ใครก็สามารถสร้างเวปไซด์แล้วขายได้ บริษัทัวร์พวกนี้จึง แอบเอาราคาถูกที่โรงแรมให้ไป ไปขายบนออนไลน์ซะงั้น
designhill.com
แล้วเกิดอะไรขึ้น ราคาออนไลน์ที่โดยปกติจะขายแพงกว่าออฟไลน์ที่ให้ทางทัวร์ไป (ทัวร์จะต้องไม่เพิ่มราคาเอาส่วนต่างกับลูกค้าอีกที) ตลาดออนไลน์ ก็โวยวายสิครับ ขายไม่ออก ขายสู้ ออฟไลน์ที่เป็นของ Agency ไม่ได้
เขาก็จะมาขอราคาถูกจากเรา ต้องให้ได้ราคาเท่าเขา OTA = Online Travel Agent ก็จะมารุมโรงแรมเพื่อขอราคาต่ำ ผลเสียก็จะมาตกอยู่ที่โรงแรม มีแต่จะลดราคาลงเรื่อยๆ
xohels.com
ทางโรงแรมจึงต้องทำการยกเลิกสัญญากับบริษัท ทัวร์ Agency ที่ละเมิดข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้คือให้ขายแบบ ออฟไลน์ เท่านั้น แต่ดันแอบเอาราคาไปปล่อยในเวปไซด์ในที่ต่าง ๆ และ ในต่างประเทศด้วย ซึ่งจับตัวยากมาก ว่า booking พวกนี้ ใครเป็นคนปล่อยราคามาให้
ตลาดแบบนี้จึงเป็นตลาดแบบ OMO หรือ Hybrid นั่นเอง
ยังไม่พอ พวก OTA เจ้าใหญ่ ๆ ก็แอบเอาไปเล่นเหมือนกัน ยังไงเหรอ เขาก็ตัด commission ตัวเองลงครึ่งนึง แล้ว แอบเอาไปขายให้ Agent บางราย การขายแบบการตลาดแบบนี้จึงมั่วกันไปใหญ่ ทางโรงแรมมีแต่เสียกับเสียครับ
ทางเดียวที่พอจะทำได้คือต้องสร้าง Brand Website ของโรงแรมให้เข้มแข็ง เพื่อให้ลูกค้ามาจองตรงกับทางโรงแรม ซึ่งไม่เต้องเสียค่า Commission มหาโหดให้กับทาง OTA เจ้าใหญ่ ๆ จากต่างประเทศอีกด้วย
mrgonline.com
มาดูบ้านเรา แบบตลาดบ้าน ๆ ที่สำเพ็ง และ ตลาดอุปกรณ์มือถือ แอดได้มีโอกาสไปคลุกคลีพูดคุย เดิน survey อยู่ทุกอาทิตย์ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีมานี้ ตลาดสำเพ็งเงียบมากๆๆๆๆ ไม่ค่อยมีคนเดินช้อป เมื่อเดินไม่ได้เลย เบียดเสียดแน่น ได้แต่ไหลไปตามคลื่นมนุษย์
แต่เดี๋ยวนี้หนะเหรอ โล่งสุด ๆ แล้วร้านค้าหลายร้านก็ปิดตัวลง เพราะไม่มีคนเดิน ก็ไม่มีค่าเช่าจ่าย และ คนไม่เดินเพราะไม่มีเงินเหลือพอจะเดิน เงินไม่พอ ก็ไม่ซื้อสินค้ามาตุน ตลาดการค้ามันก็วนลูปแบบนี้ สุดท้ายเพื่อความอยู่รอดของแม่บ้านและร้านขายส่งในสำเพ็งและตลาดอุปกรณ์มือถือ ก็ผันตัวเองมาเป็น OMO/Hybrid คือ พวกที่ไม่ต้องเช่าก็เปิดหน้าร้านขายส่งไป ส่วนหลังร้าน ก็เปิดร้านออนไลน์ขายปลีกไป (แอดมีเพื่อนเป็นพ่อค้าแม่ค้าในสำเพ็งอยู่ประมาณ 10 ร้าน ปิดไปซะ 5 ร้าน เพราะทนค่าเช่าไม่ไหว) แต่ทั้งหมดก็ไปเปิดตลาดขายออนไลน์กันหมด
facebook.com
คนที่ขายออนไลน์อยู่แล้ว ที่ไปรับของที่สำเพ็งมาขาย ก็ขายไม่ได้ เพราะร้านขายส่งที่เอาของตัวเองมาลงขายออนไลน์ ยังขายถูกกว่าราคาขายส่งที่พ่อค้าแม่ค้าไปรับมาเสียอีก ตลาด OMO ที่สำเพ็งก็เป็นแบบนี้ ส่วนบางร้านที่ต้องเสียค่าเช่าก็ปิดหน้าร้านไป และ ยังมีของในสต็อกโกดัง บ้านเก็บของ ก็เอาของมาขายออนไลน์กันไป ราคาก็เป็นราคาขายส่ง ที่ถูกกว่าคนทั่วไปเอาไปขายบนออนไลน์อยู่ดี
sharesod.com
สุดท้าย ผู้บริโภคก็จะได้เปรียบที่สุด ถ้ารู้จักช่องทางการซื้อ แต่ ภาพการตลาดโดยรวม มันดูไม่คึกคัก มันดูเงียบเหงา ไม่มีบรรยากาศของการค้าขายให้เห็นเหมือนเมื่อก่อน
ไม่รู้ว่า ต่อไป มันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนอีก ไม่รู้จะมั่วกันยังไง
เพื่อน ๆพอมีไอเดีย หรือ มีความคิดเห็นยังไงกันบ้างครับ มีใครไปเดินสำเพ็งแล้วรู้สึกเหมือนผมบ้างไหมเอ่ย
หรือ ช่วยเพิ่มเติมความรู้ด้าน OMO ให้ผมหน่อยก็ได้นะครับ เพื่อเติมเต็มให้ผู้อ่านได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
โฆษณา