8 พ.ย. 2019 เวลา 07:01 • ความคิดเห็น
ออฟฟิศซินโดรม เป็นแล้วอย่าชะล่าใจ
1
ออฟฟิศซินโดรมเป็นอาการปวดเมื่อยแบบน่ารำคาญและชวนให้คิดถึงหมอนวด
🔹มีทั้งปวดตึงคอ ปวดบริเวณบ่า ไหล่ สะบัก 🔸ด้านหลังของขา(เหนือหัวเข่าขึ้นมา)
🔹และบางทีก็ลามไปถึงต้นแขน รวมไปถึงอาการนิ้วล็อก
ถึงแม้จะชื่อ “ออฟฟิศซินโดรม” แต่ก็ใช่ว่าเฉพาะพนักงานออฟฟิศเท่านั้นที่จะมีอาการดังกล่าวได้
ออฟฟิศซินโดรมเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ โดยไม่ลุกขึ้นเดินหรือขยับท่าทางเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากพบว่ากลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่แม้จะยังอายุน้อย แต่กลับมีอาการปวดเมื่อย ตึง กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
📌โดยเฉพาะนักศึกษาที่เรียนคณะที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำกราฟฟิค สร้างแอนิเมชั่น โปรแกรมเกมต่างๆ ซึ่งต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ 8-10 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
🔸จากที่ได้ประสบมาคือ พวกเขามีอาการราวกับคนมีอายุ
ตรงนั้นก็ตึง ตรงนี้ก็ตึง ตึงไปหมด
นอกจากนี้ การที่เราทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน และทำเช่นนี้ซ้ำๆ ทุกวัน ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน
ขอยกตัวอย่างที่เคยพบมา คือ
อาชีพช่างทำผม ซึ่งพวกเขาต้องยืนถือไดร์และใช้ข้อมือในการทำผมแทบทั้งวัน ก็จะเป็นนิ้วล็อกกันมาก
หรืออาชีพคุณหมอฟันที่ต้องออกแรงทำฟันวันละไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมง มานานไม่รู้กี่ปีแล้ว
โดยไม่เคยยืดผ่อนคลายกล้ามเนื้อมัดที่ใช้งานเป็นประจำ
สุดท้ายก็มีอาการปวดเรื้อรังตรงบริเวณเหนือข้อมือไปจนถึงปลายนิ้วมือ
ดังนั้นทันทีที่ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณเตือนว่า “ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ”
เช่น เริ่มมีอาการปวดเมื่อย ตึง ตรงนั้นตรงนี้ อยู่บ่อยๆ
🤔เราควรฟังเสียงของร่างกายที่ “ปวดเมื่อยบ่อยๆ” และรีบแก้ไขแต่เนิ่นๆ
❌ไม่ควรปล่อยไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น “ปวดเมื่อยเป็นประจำ”
📌เพราะจาก “ปวดเมื่อยเป็นประจำ” หากยังปล่อยไว้ก็จะกลายเป็น “ปวดเมื่อยเรื้อรัง” และอาจพัฒนาไปสู่ “ไมเกรน” หรือ เริ่มมีอาการชา และอ่อนแรงตรงบริเวณที่เป็นได้
ทางที่ดีควรรีบจัดการแก้ไข ตัดไฟเสียแต่ต้นลม
จากประสบการณ์ในครั้งที่ยังทำงานประจำในออฟฟิศ
วันทั้งวันก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยส่วนใหญ่จะลุกแค่ไปเข้าห้องน้ำกับพักทานข้าว
แล้วก็ต้องไปนวดผ่อนคลายแทบทุกอาทิตย์ 🔸โดยที่ไม่เอะใจในสัญญาณเตือน
ตอนนั้นยังมีความเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เงินเดือน
เพราะช่วงนั้นจะปวดเมื่อยตรงด้านหลังของขา(เหนือหัวเข่าขึ้นมา) เป็นประจำ
และหมอนวดมือดีเจ้าประจำยังบอกว่าลูกค้าสาวๆ ก็เป็นตรงจุดนี้กันทั้งนั้น
🔹จึงทำให้ยิ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ
ซึ่งพอนวดแล้วมันก็รู้สึกสบายได้แค่วันสองวันเป็นอย่างมาก
และแล้วก็กลับไปปวดเมื่อยอีก
เป็นวงจรเดิมๆ เช่นนั้น
✨จนกระทั่งได้ไปเรียนโยคะ
จึงค้นพบว่า ถ้าเราเอาแต่ใช้ร่างกาย โดยไม่มีการยืด ไม่มีการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อมัดที่เราใช้งานเป็นประจำ
ไม่ช้าก็เร็ว มันก็จะเสื่อมและพังไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร
จากนั้นจึงดูแลร่างกายโดยการออกกำลังกายตามแนวทางของตัวเอง
หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีการยืดเส้นบนเตียงตอนก่อนนอน
จนกระทั่งเดือนที่แล้วไม่ได้ออกกำลังกายด้วยวิธีใดๆ เลย
ที่แย่ไปกว่านั้นคือใช้เวลานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แทบทั้งวัน
สุดท้ายอาการเก่าจึงกลับมากำเริบ
แต่มันไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดา
สองสัปดาห์ก่อน ทันทีที่รู้สึกตัวหลังตื่นนอน จะมีอาการปวดไมเกรนซีกขวา
เป็นเช่นนี้ทุกเช้า ติดต่อกัน 3-4 วัน
ด้วยความที่มีประสบการณ์มากขึ้น
จึงพอเดาทางออกว่าที่ปวดไมเกรนตอนตื่น เป็นเพราะก่อนนอนเราไม่ได้ยืดเหยียดผ่อนคลายกล้ามเนื้อมัดที่เราใช้งานเค้าเยอะ
เมื่อรู้สาเหตุแล้วก็รีบลงมือแก้ไข
ซึ่งหลังจากที่ได้ยืดเส้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อมัดดังกล่าว ก็หายจากอาการไมเกรนโดยที่ไม่ต้องทานยาแก้ปวด
โดยส่วนตัวจะทานยา ก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้นค่ะ
ตอนต่อไปเป็นวิธีการยืดเส้นแบบง่ายๆ แต่ใช้แก้อาการไมเกรน&ออฟฟิศซินโดรม ได้ดีนักแล
กด 👍 ช่วยเติมพลังใจให้ผู้เขียน
กดแชร์ แบ่งปันข้อมูลให้คนที่คุณห่วงใย
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเข้ามาทักทายกันนะคะ🙇‍♀️
โฆษณา