19 พ.ย. 2019 เวลา 04:03 • ความคิดเห็น
วิชาเรื่องสั้น 101 แบบมือสมัครเล่น : 3
หลังจากตอนแรกเราเน้นเรื่อง เนื้อหาหลัก แก่นเรื่อง หรือ พล๊อต กันไปแล้ว
ตอนที่แล้ว เราก็คุยกันไปถึงการสร้างพื้นหลัง เพื่อเสริมเรื่องราวของเราให้มีมิติ สมจริง และน่าติดตาม
วันนี้เป็นเรื่องของหลักการอันหนึ่งในการเขียน ทั้งเรื่องสั้น บทความ นิยาย บทละคร หรือเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น หลักการอันหนึ่งที่ว่ามานั้นเหล่านักเขียนเขาเรียกกันว่า
ปืนของเชคอฟ ( Chekhov's gun)
"กำจัดทุกสิ่งที่ไม่สำคัญกับเรื่องออกไป ถ้าในบทแรกมีปืนไรเฟิลแขวนอยู่บนผนัง ในบทที่สองหรือสามต้องมีการลั่นไก ถ้าไม่มีการลั่นไก มันก็ไม่ควรจะแขวนไว้อยู่แต่แรก" — อันตอน เชคอฟ
อันตอน ปัฟโลวิช เชคอฟ (รัสเซีย: Анто́н Па́влович Че́хов Anton Pavlovich Chyekhov, อังกฤษ: Anton Chekhov) (29 มกราคม ค.ศ. 1860 - (15 กรกฎาคม ค.ศ. 1904)
wikipedia.org
อันตอน เชคอฟเป็นนายแพทย์, นักเขียนเรื่องสั้น และ นักเขียนบทละครคนสำคัญชาวรัสเซีย ผู้ถือกันว่าเป็นนักเขียนผู้มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งของวรรณกรรมเรื่องสั้น (อ้างอิง wikipedia.org)
ซึ่งเขาคือคนให้แนวทางการเขียนเรื่องสั้นที่โด่งดัง เป็นแนวทางที่นักเขียนเรื่องสั้นทุกคนควรรู้จัก นั่นคือ
"ทฤษฎีที่กล่าวว่า ทุกองค์ประกอบในเรื่องเล่าจะถูกกล่าวถึงเฉพาะเมื่อจำเป็น ไม่สามารถทดแทนได้ และสิ่งอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องถูกกำจัดออกไป"
อย่างที่เชคอฟกล่าว ถ้าเรากล่าวถึงปืนที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วตอนต่อมามันไม่ถูกหยิบมาลั่นไก มันก็ไม่ควรถูกกล่าวถึงตั้งแต่แรก
ความหมายคือทุกอย่างเราใส่ลงไปในเรื่องเล่า มันต้องมีความจำเป็น เราถึงกล่าวมันลงไป ไม่เช่นนั้นก็ควรตัดมันทิ้งไปเสีย
บางคนถึงขนาดยึดและตีความความหมายของเชคอฟอย่างรัดกุมราวกับวิธีการใช้ประมวลกฎหมายอาญา ว่าอะไรที่เยิ่นเย้อ และไม่เกี่ยวกับเรื่องราว ไม่ควรใส่ ต้องตัดทิ้งจนหมด เพราะนั่นมันคือความฟุ่มเฟือยและเปล่าประโยชน์
แต่กับแอด กลับคิดแตกต่างออกไป
ความหมายของเชคอฟที่แอดเข้าใจเองคือ สิ่งที่ปรากฏในเรื่อง ควรเป็นสิ่งที่เสริมให้เนื้อเรื่องหรือเรื่องเล่าของเรานั้นมีความสวยสดงดงาม มีความคมชัดและมีมิติ เสริมสร้างความสุนทรีย์ในการเสพงานเขียนนั้นอย่างดื่มด่ำ โดยที่มันไม่รกรุงรังจนบดบังความงามของเรื่องที่เรากำลังเล่าต่างหาก
นั่นควรเป็นความหมายที่น่าจะเป็นอย่างที่เชคอฟอยากจะสื่อ (ที่แอดตีความเอาเอง)
และในความหมายของ "ปืนของเชคอฟ" อีกอันที่อาจตีความได้ ยิ่งในมิติของงานเขียนเรื่องสั้นที่ต้องการความกระชับ และจบในงานเขียนที่ไม่ได้ยาวเหมือนนิยายหรือมหากาพย์
ปืนของเชคอฟ ควรเป็นจุดที่สร้างอารมณ์หรือความรู้สึกที่เราต้องการเล่าในเรื่อง ให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น และยิ่งเป็นจุดที่ควรมีความสมจริงและค้นคว้ามาอย่างดีจนคนอ่านต้องเชื่ออย่างสนิทใจ
เพราะปืนที่แขวนไว้ ควรถูกนำมาลั่นไก และการลั่นไกที่ว่านั้น ต้องมีกระสุนพุ่งตรงตัดอากาศออกมาจริง ไม่ใช่กระสุนด้านที่มีเพียงเสียงลั่นไกแต่ไม่มีแม้เพียงประกายไฟเกิดขึ้น
ซึ่งเรื่องเล่าของเราจึงอาจมี ปืนของเชคอฟ แขวนอยู่รอบห้องเลยก็ย่อมได้ ตราบเท่าที่มันถูกเอามายิงและมีกระสุนวิ่งไปเจาะทะลุอะไรสักอย่าง นั่นจึงจะสมเหตุสมผลที่เรากล่าวถึงปืนที่แขวนไว้นับสิบนั้น
ซึ่งรายละเอียดที่ว่า เราอาจใส่ลงไปในเนื้อเรื่องในมีความสมจริง มีความชัดเจนและมีผลต่ออารมณ์ของเรื่องเล่า เป็นจุดเป็นจุดตายของเรื่อง หรือกระทั่งบอกถึงความลุ่มรวยของเรื่องเล่าเพราะเป็นงานเชิงกวีนิพนธ์ ผมก็ยังคิดว่ามันก็เป็นเชคอฟกันได้ ตราบใดที่มันช่วยให้คนอ่านรู้สึกถึงความสวยงามของเรื่องที่เรากำลังเล่าให้ฟัง
มันอาจเป็นดอกไม้งามแรกแย้มที่บ่งบอกถึงความรัก แต่มันกำลังถูกวางลงบนโลงศพสีดำมันขลับ
มันอาจเป็นมีดทำครัวคมกริบที่เปื้อนเลือดเกรอะกรัง ในมือของแม่บ้านที่กำลังง่วนทำอาหารเย็นให้ครอบครัวที่แสนอบอุ่น
มันอาจเป็นเรือเป็ดแห่งความโดดเดี่ยวที่ชายนิรนามกำลังถีบปั่นในสระกว้างกลางสวนสาธารณะ พร้อมนิ้วนางข้างซ้ายที่ซีดขาวของหญิงนิรนามที่สวมแหวนแต่งงานคาไว้ ที่เขาเตรียมเอามาทิ้ง
หรือ มันอาจเป็นเครื่องพิมพ์ดีดแบบโบราณของชายนักเขียนตกอับ ที่กำลังพิมพ์ต้นฉบับนิยายที่จะเป็นผลงานระดับโลกในอนาคต ถ้าเขาไม่หัวใจวายตายฟุบลงบนแป้นพิมพ์เสียก่อนเมื่อสิบนาทีก่อนหน้า
ปืนของเชคอฟ จึงอาจเป็นได้ทุกสิ่ง และส่วนตัวยังคิดเสมอว่า ตราบเท่าที่สิ่งที่เราใส่ลงไปในเรื่อง ยังมีประโยชน์ในแง่ใดแง่หนึ่ง เช่น สร้างบรรยากาศ เน้นความสมจริง เชื่อมโยงเรื่องราว เป็นจุดต่อของเหตุการณ์ หรืออธิบายตัวละครเพื่อความเข้าใจและสมจริง
สิ่งเหล่านั้นอาจดูไม่จำเป็นและสมควรถูกตัดทิ้งถ้าใช้นิยามของทฤษฎีของเชคอฟที่กล่าวไว้ตอนต้น
แต่สำหรับแอด มันคงมีคุณค่าตราบเท่าที่คนเขียนเห็นว่ามันควรปรากฎอยู่ในเรื่องราวของเรา เมื่อไหร่ที่เราอ่านทบทวนงานเขียนเราจนถ้วนถี่แล้ว เห็นว่ามันจำเป็นต้องมี แอดก็ยังคิดว่ามันก็สมควรจะเป็น ปืนของเชคอฟ ได้ แม้ว่ามันจะไม่ถูกยิงเลยก็ตาม
เพราะปืนที่แขวนอยู่บนผนัง อาจเพียงต้องการสื่อว่าเขาคือนายพรานนักล่าเก่าที่วางมือมานาน ซึ่งในคราต่อไปเขาจะล้มหมีด้วยมีดในมือได้ โดยไม่ต้องยิงปืนสักนัด การกล่าวถึงปืนไรเฟิลที่แขวนบนผนังก็ย่อมไม่เกินเลยไปที่จะกล่าวถึง
ไม่แน่ใจว่าคนอ่านจะเข้าใจไหม 555
แค่อยากจะบอกว่า ทฤษฎีในการเขียนมีมากมาย อยู่ที่เราชื่นชอบและอยากเอาแนวในมาทดลองใช้ในงานเขียนของเรา ซึ่งไม่ได้มีแบบแผนตายตัวใด ๆ แต่ที่สำคัญคือ ต้องค่อย ๆ ฝึกหัดและทดลองเขียนในหลาย ๆ แนว เพื่อให้ค้นพบว่าเราถนัดและชื่นชอบสไตล์การเขียนแบบไหนมากกว่า ที่สำคัญกับการเขียนจริง ๆ
ที่เล่ามายืดยาว ก็แค่เพียงอยากเล่าให้ฟังถึงแนวคิดของตัวเอง กับทฤษฎีที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเขียน ซึ่งถ้าเขาพูดถึง เชคอฟกัน หรือปืนของเชคอฟ แล้วเราไม่รู้จัก ก็คงไม่งามเท่าไหร่ เลยมาเล่าสู่กันฟัง และแลกเปลี่ยนแนวคิดในทฤษฎีนี้ร่วมกัน
ถ้างง ก็คงต้องง ต่อไป แต่มาพูดคุยกันได้ในคอมเม้นเช่นเคย ถ้าสอนไม่เข้าใจ อาจจบหลักสูตรในตอนนี้เลย แต่เงินค่าลงทะเบียนจะไม่คืน เพราะไม่เคยได้ตังค์ 5555
ถ้ามีโอกาสคงมีตอนหน้า หรืออยากทราบเรื่องอะไร ก็ลองคุยมาในคอมเม้นนะครับ ถ้ามีโอกาสคงได้คุยในตอนต่อ ๆ ไปนะ
"ขอความงงจงสถิตย์กับท่าน"
โฆษณา