25 ธ.ค. 2019 เวลา 15:00
ดราฟต์ประวัติศาสตร์ NBA ที่ทำให้สังคมอเมริกันทั้งชาติต้องน้ำตาซึมของ 'ไอเซย์ ออสติน'
คุณจะทำอย่างไรเมื่อวันหนึ่งร่างกายที่คุณคิดว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ใครต่อใครต่างยกย่อง กลับกลายเป็นระเบิดเวลาจากซาตานที่อาจจะทำให้คุณถึงตายและบังคับให้คุณต้องทิ้งความฝันที่สู้เพื่อมันมาตลอดทั้งชีวิต
นี่คือเรื่องราวของระเบิดเวลาที่ซ่อนเอาไว้ในตัวของ ไอเซย์ ออสติน ตัวเทพจากมหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ และว่าที่ Top 10 ดราฟต์ NBA ประจำปี 2014 ที่ชีวิตของเขาพลิกจากสวรรค์ดิ่งสู่นรกภายในระยะเวลาแค่ 4 วันเท่านั้นก่อนดราฟต์เดย์จะมาถึง
เรื่องราวประวัติศาสตร์แห่งการดราฟต์ของ ไอเซย์ ออสติน ที่ทำให้สังคมอเมริกันต้องลุกขึ้นยืนและปรบมือให้พร้อมๆกันเป็นอย่างไร ทำไมเขาจึงคู่ควรการได้รับสิ่งนั้น? ติดตามการปลดระเบิดเวลาจากซาตานของเขา พร้อมๆ กับ Main Stand ได้ที่นี่
ไอ้หนุ่มจากเท็กซัส
ย้อนกลับไปในวันที่ ไอเซย์ ออสติน เรียนอยู่เกรด 6 (เทียบเท่า ป.6 ของไทย) เขากำลังเล่นเบสบอลกับเด็กๆ ที่อายุมากกว่าและเขาทำหน้าที่เป็นคนตีโดย ณ สถานการณ์นั้นคือเขาต้องคอยตีลูกจากการขว้างจากพิชเชอร์ประสบการณ์น้อย และด้วยระยะห่างเพียง 6 ฟุต เนื่องจากเป็นการเล่นกันแบบเด็กๆ ลูกบอลจึงพุ่งเต็มแรงวิ่งเข้าสู่เบ้าตาขวาของ ออสติน ด้วยเวลาเพียงแค่ 1 วินาทีหลังจากขว้างออกมา และนั่นคือครั้งแรกในฐานะลูกผู้ชายที่เขารู้สึกว่าความเจ็บเป็นอย่างไร
Photo : pix11.com
"ผมโดนเบสบอลปาเข้ามาที่ตาขวา และหลังจากนั้นไม่นานตอนผมแข่งบาสเก็ตบอลระดับเกรด 8 (เทียบเท่า ม.2 ของไทย) ผมจำได้ว่าผมดังค์มันลงไป แต่เมื่อตัวของผมลงแตะกับพื้น ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมมองเห็นทุกอย่างเป็นสีแดงไปหมดเลย"
การดังค์ครั้งนั้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงกระตุ้นกองไฟเก่าสมัยที่โดนเบสบอลปาอัดเข้าที่ดวงตา การเอาตัวกระทบพื้นด้วยความแรงทำให้จอประสาทตาของเขาฉีกขาด สำหรับเด็กน้อยที่ฝันจะเป็นนักบาสเก็ตบอลอาชีพ มันส่งผลกับเขาอย่างที่สุด เพื่อรักษาสภาพการมองเห็น เขาต้องรับการผ่าตัดตั้งแต่วันนั้นและมันกินเวลาฟื้นตัวมาเป็นปีๆ
อย่างไรก็ตามไฟในตัวของเด็กหนุ่มแข็งแกร่งพอที่จะก้าวข้ามเรื่องนั้นไปได้ หลังจากพักรักษาตัวแล้วเขาพาตัวเองกลับมาบนคอร์ทบาสที่คุ้นเคยอีกครั้ง และค่อยๆ ฟื้นฟูสิ่งที่เสียไปจนกระทั่งความเฉียบคมแบบเดิมกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าข้อแม้อย่างเดียวจากแพทย์คือเขาต้องสวมแว่นตาลงเล่นเพื่อกันกระแทกจนอาจจะเกิดปัญหาเดิมซ้ำ แน่นอนว่า "ข้อจำกัดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้"
"ดวงตานี่แหละคือส่วนที่สุดในการเล่นบาสของผม ผมต้องเข้าผ่าตัดตา 4 ครั้งเพื่อกว่าจะแก้ปัญหาเรื่องประสาทการมองเห็นได้" ออสติน กล่าว
Photo : www.slamonline.com
ออสติน กลับมาเป็นสมาชิกของโรงเรียนมัธยม เกรซ ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส และโชว์ฟอร์มโหดในปีสุดท้ายด้วยการทำคะแนนเฉลี่ย 15 แต้ม 11 รีบาวด์ และ 5 บล็อคต่อเกม ทำให้เขาคว้าตำแหน่งผู้เล่นแห่งปีจากหนังสือพิมพ์ Fort Worth Star-Telegram 2 สมัยติดต่อกัน เช่นเดียวกับการถูกเสนอชื่อให้อยู่ในทีมชุดสองของ ESPNHS All-American Elite และถูกจัดเกรดให้เป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศหากนับในรุ่นเดียวกัน
ออสติน กลายเป็นดาวรุ่งที่จับตามองว่าจะกลายเป็นสตาร์ NBA คนต่อไปด้วยสไตล์การเล่นที่รวดเร็วแถมร่างกายที่สูงถึง 7 ฟุต ดังนั้นเมื่อถึงระดับมหาวิทยาลัยเขาจึงเนื้อหอมถึงขีดสุด สัญญาจากทุกมหาวิทยาลัยมากองตรงหน้า เหลือแต่เพียงว่าเด็กระเบิดคนนี้จะเลือกตวัดลายเซ็นของเขาลงบนแผ่นไหนเท่านั้นเอง
"ตอนนั้นใครก็อยากจะได้ตัวผม ข้อเสนอมาจากทั่วประเทศเลย ไล่มาตั้งแต่ ซีเรคิวส์, นอร์ธ แคโรไลน่า, จาก ดุ๊ก ถึง เคนตั๊กกี้ และ ฟลอริด้า ทั่งหมดนั่นแหละเท่าที่จะนึกได้ แต่ผมเลือก ม.เบย์เลอร์ ด้วยเหตุผลของความเคารพและครอบครัว ที่นี่คือมหาวิทยาลัยที่นับถือศาสนาคริสต์ และที่นี่แหละที่ผมรู้ว่าตัวผมจะทำให้โลกรู้จักผมได้ "
ช่วงเวลากับ เบย์เลอร์ เป็นไปอย่างหอมหวาน สื่อทั้งหลายได้เห็นฟอร์มและสรีระของเขาแล้วก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่ ออสติน มีถือว่าเป็นของหายาก เขาอาจจะเป็น คารีม อับดุล-จาบาร์ คนต่อไปก็ได้ใครจะรู้
Photo : dfw.cbslocal.com
"ไอ้หนุ่มจากเท็กซัสคนนี้มีขนาดตัวที่โดดเด่นเหลือเชื่อ สามารถเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ได้ในทุกระดับ แถมยังมีการเคลื่อนไหวที่ดูกี่ครั้งก็น่าประทับใจ" NBA ดราฟต์เซ็นเตอร์ให้คำจำกัดความถึงตัวเขาไว้สั้นๆ แต่แฝงไปด้วยคุณภาพในทุกๆ คำ
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เขารอคอยมาตลอดชีวิต ทว่าเมื่อเอาเข้าจริงมันคือช่วงเวลาที่ทำให้เขาสับสนและเหตุผลมันเกิดจากสิ่งที่เขาแอบเก็บซ่อนมันไว้อยู่ในใจ ...
ความลับในใจ
หากยังจำกันได้ตอนอายุ 12 ขวบกับกรณีลูกเบสบอลปะทะกับตาขวา และอีกไม่กี่ปีต่อมากับการดังค์ที่ทำให้ต้องเห็นแต่ภาพสีแดงและต้องเข้าไปผ่าตัดซ้ำๆ กินเวลาถึง 1 ปีเต็ม … เขาแสดงให้เห็นว่าตัวของเขานั้นกลับมาได้ แม้มันจะเป็นความจริง ทว่านั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด 100%
Photo : Isaiah Austin
"ทุกๆวันผมจะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาฝึกฝน ด้วยเหตุผลที่อยากจะพร้อมสำหรับ NBA" โปรแกรมฝึกที่คิดเองทำเองของเขาเกิดขึ้นเพียงเพราะตอนนั้นเขารู้อยู่เต็มอกว่า ตาของเขากำลังจะบอดสนิท และเรื่องนี้มีเพียงเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ออสติน ลงเล่นระดับไฮสคูลและมหาวิทยาลัยด้วยวิสัยทัศน์ด้านขวาที่ติดลบ ทุกแต้มที่เขาทำได้เกิดจากการจดจำของกล้ามเนื้อที่ฝึกซ้อมซ้ำๆ ทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมงและเหนือสิ่งอื่นใดคือจินตนาการจากการสร้างภาพในหัว
คำถามคือ ขนาดเขาเกือบบอด 1 ข้าง เขายังเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดระดับท็อป 3 ของประเทศ ถ้าเขาไม่เจ็บไม่ป่วยไปเสียก่อน ออสติน จะไปได้ไกลขนาดไหนกันแน่? นี่คือเรื่องที่น่าเสียดายอย่างที่สุด แม้จะซ่อนมานานแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วโลกนี้ก็ไม่มีที่ใดที่สามารถเก็บความลับไว้ได้ตลอดกาล
การที่นักบาสเก็ตบอลคนหนึ่งจะเข้าสู่ระบบการดราฟต์ได้นั้น พวกเขาต้องผ่านการตรวจสอบสมรรถภาพทางร่างกายเสียก่อน และในวงการกีฬาอาชีพทุกอย่างนั้นมีกฎระเบียบที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน และเมื่อถึงคิวที่ ออสติน ต้องเข้าทดสอบนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที ...
"เอาล่ะหนุ่มๆ ทุกคนที่มาในวันนี้ พวกคุณกำลังจะได้โอกาสครั้งใหญ่ในการเป็นผู้เล่นระดับ NBA ยินดีต้อนรับด้วย เตรียมตัวให้พร้อมการทดสอบจะเริ่มขึ้นจากนี้" คุณหมอ โรเบิร์ต โบนาว แพทย์ประจำการทดสอบร่างกายในปี 2014 กล่าวตอนรับว่าที่ซูเปอร์สตาร์จากทั่วฟ้าอเมริกา
เหล่าตัวท็อปตรวจร่างกายผ่านฉลุยไม่ว่าจะเป็น แอรอน กอร์ดอน, แซ็ค ลาวีน จนกระทั่งมาถึงคิวของคนสำคัญของเรื่องนี้ "ไอเซย์ ออสติน จาก เบย์เลอร์ ใช่ไหม? ถึงคิวของคุณแล้ว” หมอโบนาว กวักมือเรียก ออสติน เข้ามาเผชิญกับสิ่งที่รออยู่ ตัวของเขาสั่นเทาเพราะกลัวว่าตาขวาจะทำให้ความฝันและสิ่งที่พยายามมาตลอดชีวิตต้องพังลงภายในเวลาไม่กี่วินาที
ตึก ตึก ตึก ... เสียงหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อหมอนำไฟฉายส่องเข้าไปที่ดวงตา จากนั้น ดร.โบนาว ก็เหลือบตามองเขาก่อนที่จะใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจจี้ไปที่อกข้างซ้าย ตึก ตึก ตึก ... มันตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม ผ่านแล้วใช่ไหม? เราจะได้เข้าดราฟต์สินะ? นี่คือสิ่งที่ ออสติน เผลอคิดในแว้บสั้นๆ ก่อนที่ ดร.โบนาว จะพูดกับเขามา 1 ประโยค
Photo : www.newslocker.com
"ไอเซย์ ออสติน คุณรู้จักโรค มาร์ฟาน ซินโดรม หรือเปล่า?" ออสตินได้ยินและค่อนข้างโล่งใจที่ตาขวาที่เขาเป็นห่วงนั้นไม่ใช่ปัญหาก่อนจะตอบกลับว่า "ไม่รู้ครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"
"... อืม เอาล่ะ คุณไปพักก่อน ขอหมอนำตัวอย่างเลือดของคุณไปตรวจเพิ่มเติมก่อนนะ" การตรวจร่างกายของ ออสติน จบลงเท่านั้น และเขาค่อนข้างสบายใจเมื่อผ่านสิ่งที่กลัวที่สุดไปได้
"ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งเลยนะ ผมไม่ได้ถึงนึกผลตรวจเลือดรอบพิเศษอะไรเลย ผมมองถึงการหาทีมเล่นแล้วล่ะ ไม่ได้ใส่ใจกับคำถามของหมอเท่าไหร่" ออสติน เล่าย้อนความ ทว่าหากเขารู้จักโรค มาร์ฟาน ซินโดรม สักหน่อย เขาจะไม่สามารถยิ้มออกได้แน่ เพราะมันเลวร้ายกว่าอาการตาเกือบบอดเยอะเลยทีเดียว
U.S. National Library of Medicine อธิบายถึง มาร์ฟาน ซินโดรม คือโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากด้วยอัตราส่วน 5,000 ต่อ 1 คน อาการที่เกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อ ซึ่งอยู่บนโครโมโซมที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแรงให้เนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย และหากเกิดความปกติขึ้นในโครโมโซมนี้ จะทำให้ "กระดูกยาวกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมีรูปร่างผอมสูง มีแขนยาว ขายาว" และมีความผิดปกติที่ระบบอื่น ๆ ตามมารวมถึงการส่งผลกระทบต่อหัวใจด้วย
"กระดูกยาวกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมีรูปร่างผอมสูง มีแขนยาว ขายาว" … คุ้นกับคำอธิบายนี้หรือเปล่า? นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเลยตลอดช่วงเป็นนักกีฬาระดับไฮสคูลและมหาวิทยาลัย มีแต่คนบอกว่าเขาแข็งแกร่งมาก ตัวสูงมากตั้ง 7 ฟุตกว่า และทำอะไรก็ง่ายไปหมดจากสรีระนี้ พวกเขาเรียกร่างกายของ ออสติน ว่ามันว่าเป็นพรจากพระเจ้า … แต่ไม่ใช่เลย ความจริงแล้วมันคือระเบิดเวลาจากซาตานมากกว่า เพราะหากหัวใจของเขาทำงานหนักจนเกินไป ความตายจะต้องมาเยือนเขาแน่นอนยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด และไม่ใช่มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว เพราะตัวของ ออสติน นั้นก็ไม่รู้เลยว่ามีระเบิดเวลาฝังอยู่ในร่างของเขาด้วย
"ผมกำลังเล่นบาสได้ดีที่สุดเลยในช่วงนั้น" เขาพร้อมแล้วที่จะลุยไปทุกสังเวียนทั่ว สหรัฐฯ และ แคนาดา เขาพร้อมที่จะเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขาพร้อมแล้วสำหรับลีกอาชีพที่ดีที่สุดอย่าง NBA แต่สุดท้ายความจริงคือสิ่งที่เขาหนีไม่พ้น ...
หมดแล้วความฝัน...
6 วันก่อนที่วันดราฟต์ NBA 2014 จะมาถึง คุณหมอโทรบอกให้ครอบครัวออสตินเดินทางมาฟังผลแล็บ ในวันนั้นมี ลิซ่า กรีน แม่ของเขาและพ่อเลี้ยงเท่านั้นที่เข้ามาที่โรงพยาบาล คุณหมอตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ออสติน เป็นโรค มาร์ฟาน ซินโดรม จริง เขาไม่สามารถเล่นบาสเก็ตบอลอาชีพได้เนื่องจากหลอดเลือดแดงโตเกินปกติ หากทำกิจกรรมใดที่หนักเกินไปจะทำให้เขาเกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตในทันที
Photo : Isaiah Austin
หน้าที่ของหมอจบไปแล้ว ต่อไปคือหน้าที่ของแม่ คุณคิดว่ามันจะต้องยากขนาดไหนสำหรับการบอกลูกชายให้ล้มเลิกความฝัน ทั้งๆ ที่วันที่รอคอยทั้งชีวิตถัดออกไปไม่ถึงสัปดาห์
"ออสติน ซ้อมอยู่ใช่ไหมลูก เดี๋ยวแม่จะไปรับที่สนาม แล้วเดี๋ยวเราไปที่บ้านของคุณป้าด้วยกัน" ลิซ่า เกริ่นหัวไว้แค่นี้ก่อนที่เขาจะไปรับลูกชายที่สนามของ เบย์เลอร์ ระหว่างทางกลับบ้านของคุณป้าช่างเป็นสถานการณ์ที่เงียบเชียบจนรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยรถยนต์เต็มทุกเลน
"ผมไม่รู้เลยว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น … ทุกคนอยู่ที่นั่นทั้งหมด สต๊าฟฟ์โค้ชของ เบย์เลอร์, เอเย่นต์ของผมแล้วก็ครอบครัว ผมเห็นแม่เริ่มร้องไห้ และสุดท้ายเธอบอกว่าผลตรวจคือบวก และผมเป็นโรค มาร์ฟาน ซินโดรม”
“... เอาล่ะ ทีนี้ผมรู้แล้ว" ออสติน ได้รู้ความจริงโดยไม่ต้องคาดเดาอะไรอีกต่อไป เขาพอจะเห็นภาพแล้วว่าฝันในการเป็นผู้เล่น NBA ถูกปิดประตูไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"นี่คือสิ่งที่ผมไม่สามารถควบคุมมันได้เลย … ผมเปลี่ยนมันไม่ได้ ดังนั้นผมก็ไม่สนมันหรอก" เขายังมองโลกในแง่ดีอยู่แต่ตอนนี้ข่าวกระจายไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะช่อง ESPN ที่เกาะติดการดราฟต์เริ่มเสนอข่าวของ ออสติน ทันที
"ไอเซย์ ออสติน ฝันสลาย! NBA สำหรับเขาจบลงแล้ว" สำนักข่าวดังว่าไว้เช่นนี้ใน 4 วันสุดท้ายก่อนเข้าสู่ดราฟต์เดย์ และมันก็เป็นหน้าที่ของนักข่าวทั่วโลกเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าผู้ให้สัมภาษณ์กำลังผิดหวัง พวกเขายังจะถามว่า "คุณรู้สึกอย่างไรสำหรับเรื่องนี้ออสติน?"
ความจริงก็คือความจริง ต่อให้เขายิ้มรับโรค มาร์ฟาน ซินโดรม แค่ไหน แต่สุดท้ายในใจออสตินก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี ไม่มีรอยยิ้มไหนที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจอีกแล้วสำหรับเขาในช่วงเวลานั้น เขาตอบกลับไปตามประสาของคนที่เพิ่งเจอกับความผิดหวังสดๆ ร้อนๆ
"ดราฟต์เดย์เหลืออีก 4 วัน และผมหวังว่าชื่อของผมจะถูกเรียกขึ้นมาในวันนั้น เรื่องของความฝันนั้นไม่มีอะไรที่มันชัดเจนทั้งนั้นสำหรับใครก็ตามที่พยายามคว้ามัน" ผู้เล่นที่ถูกคาดว่าจะเป็นเป็น 1 ในท็อป 10 กล่าวจบข่าวสั้นไว้เพียงเท่านี้
ดราฟต์เดย์ 2014
วันที่อเมริกาตื่นตัวที่สุดในรอบปีมาถึงจนได้ ใช่แล้วนั่นคือ ดราฟต์เดย์ แม้ข่าวอาการเจ็บป่วยของเขาจะสะพัดไปทั่วจนตัวของ ออสติน รู้ว่าเขาคงไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นไปบนเวทีดราฟต์อย่างแน่นอนเพราะไม่มีทีมใดกล้าเสี่ยงกับผู้เล่นที่มีโรคติดตัวอย่างเขา ดังนั้นแม้จะมีชื่อในฐานะผู้เข้าร่วมการดราฟต์ แต่เขาก็คงทำได้แค่นั่งอยู่บนเก้าอี้และรอดูเพื่อนร่วมรุ่นขึ้นเวทีไปรับหมวกและประกาศว่าจะไปอยู่กับทีมไหนเท่านั้น
Photo : www.cbssports.com
"ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ดราฟต์เดย์ นี่คือวันที่ทุกท่านรอคอย วันนี้เราจะได้รู้ว่าเหล่าดาวดวงใหม่จะจรัสแสงอยู่ไหน" อดัม ซิลเวอร์ คอมมิสชันเนอร์ของ NBA กล่าวเปิดงานดราฟต์เดย์
แอนดรูว์ วิกกิ้นส์ ไป คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส, จาบารี่ ปาร์คเกอร์ ไป มิลวอล์คกี้ บัคส์, โจเอล เอมบิด ไป ฟิลาเดเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส, แอรอน กอร์ดอน ไป ออร์แลนโด้ แมจิค .... รายชื่อเหล่าตัวท็อปโดนไล่ประกาศเรียกทีละคนๆ จนผ่านอันดับที่ 15 แอเดรียน เพย์น สู่ แอตแลนต้า ฮอว์คส์ ทว่าก่อนจะถึงอันดับ 16 อดัม ซิลเวอร์ ได้ประกาศเรื่องสำคัญบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน
"เอาล่ะ ก่อนที่เราจะไปกันต่อในสำหรับค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ ผมอยากจะขอเวลาจากทุกท่านสักเพียงอึดใจ เพื่อจะบอกพวกคุณว่าลำดับดราฟต์ต่อไป NBA ขอเลือก … ไอเซย์ ออสติน จาก มหาวิทยาลัย เบย์เลอร์" หลังจากนั้นเสียงปรบมือก็ดังสนั่นบาร์เคลย์ เซนเตอร์ บรู๊คลิน และนี่เป็นการสแตนด์ดิ้ง โอเวชั่น สำหรับชายผู้กำลังสู้กับระเบิดเวลาในตัวเอง
ออสติน ลุกจากที่นั่งพร้อมกับน้ำตาของครอบครัวและเพื่อนๆ ที่มาร่วมงานด้วยในวันนั้น เขาขึ้นไปบนเวทีและได้กล่าวขอบคุณในสิ่งที่ NBA มอบให้กับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทีมเล่นอย่างที่หวัง แต่อย่างน้อยๆ ฝันในการรับเลือกบนเวทีดราฟต์ของเขาก็เป็นจริง และเป็น NBA ที่เลือกเขาเอง และนี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เขามีรอยยิ้มที่มาจากหัวใจของเขาจริงๆ
เมื่อเดินลงมาจากเวที สก็อตต์ ดรูว์ โค้ชของมหาวิทยาลัย เบยเลอร์ เข้ามากอด ออสติน และ มอบทุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่อไปพร้อมทั้งกล่าวต้อนรับเขาในฐานะสต๊าฟฟ์โค้ชของทีมอีกด้วย
"ผมเองก็ไม่เคยคิดที่จะได้เป็นโค้ชกับเขาหรอก แต่ผมรู้อยู่ในใจเสมอว่าผมเองยังอยากเป็นส่วนหนึ่งกับบาสเก็ตบอลไม่ว่าทางใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นโค้ชของเด็กน้อย หรืออาจจะเป็นการมีทีมบาสของตัวเองสักทีมในวันหนึ่ง"
ออสติน กลับมาตั้งใจทำในส่วนที่เหลือของชีวิตให้ประสบความสำเร็จลุล่วง นั่นคือการศึกษาให้จบระดับปริญญาตรี ซึ่งเขาก็คว้ามันมาจนได้ในอีกไม่กี่ปีให้หลัง อีกทั้งเจ้าตัวยังมองถึงการเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกด้วย
อย่างไรก็ตามความฝันของชีวิตยังไม่เคยเลือนหายจากไปไหน เสียงบาสเก็ตบอลกระทบคอร์ทไม้ยังดังอยู่ในใจของเขาเสมอ "ผมคิดถึงการเล่นบาสจริงๆ นะให้ตายเถอะ" บัณฑิตยอดนักยัดห่วงกล่าว
พระเจ้าอยู่กับผม
ทางเดียวที่จะทำให้ ออสติน หายคิดถึงบาสเก็ตบอล นั่นคือเขาต้องกลับมาเล่นมันอีกครั้ง แม้ว่ามันจะเสี่ยงถึงชีวิต แต่เขาก็ปรึกษากับคุณหมอที่ดูแลอาการตลอด ออสติน หาทางออกกำลังกายเบาๆ เพื่อช่วยลดความคิดถึง เขาทำมันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบาสแบบเบาๆ หรือการตีกอล์ฟที่เป็นกิจกรรมใหม่ของเขา และทุกๆ อย่างเขาทำมันควบคู่กับการดูแลสุขภาพตัวเองทุกระเบียบนิ้ว เผื่อว่าสักวันร่างกายของเขาจะสามารถปลดชนวนระเบิดร้ายนี้ได้เสียทีที เขาเขียนคำว่า "Dream Again" ไว้เตือนใจตัวเอง เพราะเขาอยากที่ล่องลอยบนความฝันอีกสักครั้งหากเป็นไปได้
Photo : FMP
3 ปีหลังจากกลับมาดูแลร่างกายใหม่ ออสติน ทำให้แฟนบาสทั่วอเมริกาต้องตื่นตัวเมื่อเขาประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊คของตัวเองเพื่อบอกว่า "Dream Again" เกิดขึ้นแล้ว เพราะเขาได้สัญญาจากทีม FMP เบลเกรด ทีมบาสเก็ตบอลของเซอร์เบีย ที่ลงเล่นในระดับยูโรลีก
"ผมได้เห็นข้อความแสดงความยินดีและให้กำลังใจของทุกคนแล้ว ผมขอขอบคุณมากแต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ไม่สามารถตอบกลับได้หมดทุกคน ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวเองให้พร้อมสู้ก้าวใหญ่ที่รออยู่" เขาโพสต์ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย
"หลังจากปี 2014 ผมเคยคิดว่าวันเวลาจะไม่หวนย้อนคืนกลับ แต่พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ ท่านอยู่กับผมตลอดเวลา ตอนนี้ผมขอบอกว่าตอนนี้ผมได้เซ็นสัญญาเป็นนักบาสอาชีพครั้งแรก และนี่คือสิ่งที่ผมรอคอยมาตลอดชีวิต ผมปลื้มจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว"
แม้โรค มาร์ฟาน ซินโดรม จะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ออสตินเองก็เข้ารับการตรวจกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็มีสัญญาณบวก เมื่อเส้นเลือด เอออต้า ที่ส่งผลอย่างยิ่งกับโรคนี้ไม่มีการขยายตัวมา 2 ปี แพทย์จึงอนุญาตให้เขากลับมาสู่สังเวียนบาสเก็ตบอลได้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่า แม้ความเจ็บป่วยจะพรากเขาไปจาก NBA แต่มันก็ไม่อาจจะพรากบาสเก็ตบอลไปจากเขาได้เลย
"ผมจะออกจากที่นี่แล้วเพื่อทำในสิ่งที่ผมต้องทำนั่นคือการล่าฝัน หมอบอกเองว่ามันขึ้นอยู่กับใจของผมในตอนนี้ และแน่นอนว่าผมต้องการที่จะไล่ล่ามัน ผมคือคนที่เชื่อในพระเจ้าและพระเจ้าสอนให้ผมเชื่อว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ผมพร้อมแล้วที่จะไล่ล่าความฝันและแบ่งปันสิ่งที่ทำได้ให้คนนับล้านทั่วโลกได้เห็น"
Photo : Jeff Skopin | ESPN
ออสติน แสดงออกว่าร่างกายเขายังแข็งแรงพร้อมใช้งานในระดับเกมที่ไม่เข้มข้นเท่า NBA โดยหลังจากเล่นให้ FMP เขาลงเล่นให้กับหลายทีมในลีกจีนทั้ง กวางฉี ไรโน่, ยู่หลน ลักซ์เจน ไดโน่ส์, แชมป์วิลล์ SC, หนานจิง มังกี้ คิง ก่อนข้ามฟากไปเล่นลีกของเลบานอนกับ เบรุต คลับ ที่เป็นต้นสังกัด ณ ปัจจุบันของเขา
เขาตาเกือบบอด, หัวใจของเขามีปัญหา ร่างกายของเขาผิดปกติ แต่ทว่าสิ่งที่ ออสติน ทำคือเลิกหาข้ออ้างแต่เปลี่ยนเป็นหาทางเอาชนะมันแทน พระเจ้าจะมีจริงหรือไม่วิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่ที่แน่ๆ ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเดินทางมาเฉพาะคนที่ทุ่มเทและพยายามเท่านั้น ...
วันนี้คุณเลิกหาข้ออ้างให้ตัวเองและโทษแต่ดวงชะตาฟ้าลิขิตแล้วหรือยัง?
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
โฆษณา