26 ธ.ค. 2019 เวลา 05:27 • กีฬา
ชาวเกาหลีเหนือออกจากประเทศไม่ได้ แต่เหตุใดฟุตบอลโลก 2010 กองเชียร์มาเพียบ?
พูดถึงเกาหลีเหนือทีไรก็ทำให้อดนึกถึงชายร่างท้วมกับทรงผมเอกลักษณ์ที่เป็นผู้นำประเทศไม่ได้ ในดินแดนแห่งนี้มีหลายเรื่องที่โลกยังไม่รู้เพราะพวกเขาคือประเทศคอมมิวนิสต์เต็มรูปแบบ ไม่เปิดรับโลกภายนอก และที่สำคัญคนในประเทศเองก็ยากเหลือเกินที่จะเดินทางออกสู่โลกภายนอกได้เช่นกัน
ดังนั้นจึงทำให้นักกีฬาจากเกาหลีเหนือมักจะขาดเสียงเชียร์ “ปัจจัยลับ” ที่ส่งผลถึงความสำเร็จในการแข่งขันอยู่เสมอ รวมถึงในปี 2010 ซึ่งเป็นครั้งที่ฟุตบอลโลกเดินทางไปยังดินแดนแห่งใหม่ที่ไม่เคยไปอย่าง "แอฟริกาใต้" และเป็นครั้งแรกถัดจากปี 1966 ที่พวกเขาได้มีส่วนร่วมในรอบสุดท้าย
ทัพโสมแดงมีทีมสต๊าฟฟ์โค้ชและนักเตะเดินทางกันไปไม่ถึง 50 คน ไม่มีผู้ติดตามอย่างภรรยาและลูกๆเหมือนกับที่ชาติอื่นๆ ทำด้วยเหตุผลของความเข้มงวดในการเดินทางเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อแข่งขันจริง ในการถ่ายทอดสดกลับพบว่ามีแฟนบอลเกาหลีเหนือมาเชียร์ถึงขอบสนามกว่า 2,000 คน ... คราวนี้โลกก็ถึงกับเป็นงงกับสิ่งทีเกิดขึ้น แฟนๆ พวกนี้มาจากไหนกันแน่? ติดตามกับ Main Stand ได้ที่นี่
ประเทศที่เดินทางยากที่สุด
หากเทียบกับเมืองไทยแล้ว บ้านเราถือว่ามีอิสระในการใช้ชีวิตเยอะกว่าหลายเท่า หากเราอยากจะนั่งรถเมล์ไปหาของอร่อยๆ ที่เยาวราช … ไม่มีใครห้ามเราได้ หากเราอยากจะไปแถบชานเมืองเพื่อเที่ยวธรรมชาติ … เราก็ย่อมไปได้ตามแต่ใจอยาก ทว่าที่เกาหลีเหนือนั้น พวกเขาเป็นประเทศที่เข้มงวดกับการใช้ชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก ที่นั่นพวกเขาต้องรอคำอนุญาตก่อนกว่าที่จะทำหลายๆ สิ่งได้ โดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางที่แม้แต่จะเดินทางข้ามจังหวัดก็ยังต้องอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ การข้ามเส้นแบ่งตามที่รัฐกำหนดไว้ชาวเกาหลีเหนือต้องทำเอกสารอย่างเป็นทางการให้เรียบร้อยก่อน
ดังนั้นเรื่องของนักกีฬาสัญชาติเกาหลีเหนือที่ออกมาลุยในต่างแดนจึงไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ส่วนคนที่ออกไปยังต่างแดนได้ถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะมันค่อนข้างมีความลึกลับซับซ้อนสำหรับการขออนุญาตออกไปทำมาหากินในต่างแดน
คนเกาหลีเหนือมี 2 ประเภท คือคนเกาหลีเหนือที่อยู่ในเกาหลีเหนือจริงๆ กับผู้ถือสัญชาติเกาหลีเหนือแต่ใช้ชีวิตในต่างแดนหรือเรียกอีกชื่อว่า "Zainichi Korean" (ตามภาษาญี่ปุ่น) และ "Chongryon" (ภาษาเกาหลี) โดยปกติแล้วฝ่ายหลังเป็นลูกหลานของคนเกาหลีที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ในญี่ปุ่นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 อาทิ ชอง แต แซ ดาวยิงหมายเลข 9 ของเกาหลีเหนือในฟุตบอลโลก 2010 ที่เกิดและโตแถมยังค้าแข้งในญี่ปุ่นมาโดยตลอด ซึ่งในกรณีของผู้ถือสัญชาติเกาหลีเหนือที่อยู่ในต่างประเทศนั้นไม่ยุ่งยากเพราะสามารถเดินทางเข้าออกได้ปกติ
1
ทว่าชาวเกาหลีเหนือจริงๆ ที่เกิด, โตและใช้ชีวิตในประเทศ นั้นกว่าจะได้ออกมาค้าแข้ง (กรณีเป็นนักฟุตบอล) อาทิ ฮัน กวาง ซอง ของ กายารี่ (ปัจจุบันปล่อยให้ ยูเวนตุส ชุด U-23 ยืมตัว) ก็ต้องแบ่งรายได้กว่า 90% คืนให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ และถ้าหากเขาคิดหนีหรือไม่ยอมกลับประเทศในช่วงเวลาที่หมดภารกิจ คนที่จะต้องรับโทษแทนคือครอบครัวของเขาที่อยู่ในประเทศ
จะว่าไปมันก็ยากตั้งแต่การเป็นนักกีฬาในประเทศแล้ว เพราะเด็กๆ ชาวเกาหลีเหนือที่จะถูกรัฐบาลสนับสนุนให้เป็นนักกีฬาได้นั้นพวกเขาต้องเติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่มีเรื่องความเสื่อมเสียในเรื่องความรักชาติมาก่อน โดยเด็กดีเหล่านี้จะได้รับโอกาสไปอยู่ในแคมป์ฝึกซ้อมที่ กรุงเปียงยาง และต่างประเทศ
ทุกอย่างคือเรื่องของความจุกจิกยิบย่อยของการเดินทางเข้าออก และทำมาหากินในต่างแดนของชาวเกาหลีเหนือ แม้แต่นักกีฬาที่ทำเงินเป็นล้านต่อเดือนยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้นผู้คนในประเทศที่อยากจะเดินทางไปต่างประเทศนั้นต้องบอกว่าลืมไปได้เลย ... แม้ฟุตบอลโลก 2010 จะรออยู่ปลายหน้า แต่ที่สุดแล้วชาวเกาหลีเหนือทำได้เต็มที่แค่การดูถ่ายทอดสดอยู่ดี
ฟุตบอลโลก 2010
แม้จะลำบากยากเย็นในการเป็นนักกีฬาขนาดไหน แต่อย่างที่เรารู้กัน เกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่มีนักกีฬาเก่งๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว และเรื่องของฟุตบอลก็เช่นกัน พวกเขามีลีกฟุตบอลในประเทศมาตั้งแต่ปี 1960 เรื่องนี้แฟนฟุตบอลไทยนั้นรู้กันดีเพราะบ่อยครั้งที่ทัพช้างศึกต้องเจอกับเกาหลีเหนือในการแข่งขันรายการต่างๆ และส่วนใหญ่เป็นเราที่ต้องเป็นฝ่ายผิดหวังอีกต่างหาก
ในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เกาหลีเหนือถือว่าโชว์ฟอร์มดีมาโดยตลอด พวกเขาเข้ารอบสุดท้ายได้โดยไม่ต้องเพลย์ออฟ ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม B ที่มีทั้ง เกาหลีใต้, ซาอุฯ, อิหร่าน และ ยูเออี จนไปถึงรอบสุดท้ายที่ประเทศ แอฟริกาใต้
เกาหลีเหนือ ได้โอกาสสำคัญที่จะต้องเจอกับ บราซิล, ไอวอรี่ โคสต์ และ โปรตุเกส เชื่อว่าหากแฟนบอลในประเทศของพวกเขามีโอกาสเข้ามาชมเกมถึงสนามก็คงจะเป็นความทรงจำที่ชีวิตนี้ลืมไม่ลง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เกมใหญ่ๆ กับชาติมหาอำนาจโลกฟุตบอลแบบนี้ ทัพนักเตะเกาหลีเหนือจะต้องเตะกันแบบเหงาๆ ไร้เสียงเชียร์จากคนบ้านเดียว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เตรียมใจมาแล้วสำหรับเรื่องนี้ และหน้าที่คือเมื่อลงสนามไปจงสู้เพื่อเกียรติของประเทศ
เกมแรกที่ เอลลิส พาร์ค ในกรุง โยฮันเนสเบิร์ก เกาหลีเหนือ ลงสนามพบกับ บราซิล เมื่อเพลงชาติเกาหลีเหนือดังขึ้น โลกได้เห็นว่าสีหน้าของนักเตะเกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงความตื้นตันและภาคภูมิใจ พวกเขามีน้ำตาให้เห็นขณะที่ร้องประสานเสียง และ จอง แต แซ คือคนที่แสดงออกมากที่สุด "การได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกนั้นเป็นความภูมิใจสูงสุดในชีวิตผมปลาบปลื้มและยินดีมากที่ได้เล่นให้กับประเทศของผมเอง"
สิ่งที่โลกจดจำในเกมนั้นคือความใจสู้ เกาหลีเหนือ ทำผลงานได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ ก่อนเกมใครก็คิดว่าพวกเขาเละแน่นอน บราซิล มีทั้ง กาก้า, โรบินโญ่ และ ดานี่ อัลเวส เป็นตัวชูโรงคงจัดให้แบบสมราคาแชมป์โลก 5 สมัย ... ทว่าเอาเข้าจริง เกาหลีเหนือสู้ทุกจังหวะ หนักทุกเม็ด จนบราซิล หืดขึ้นคอและเอาชนะไปได้แค่ 2-1 เท่านั้น
ผลการแข่งขันที่สูสีเหลือเชื่อ ไม่ใช่สิ่งเดียวที่แฟนบอลทั่วโลกประหลาดใจ แต่ที่พวกเขาตกใจกว่าคือ ชาวเกาหลีเหนือ มาจากไหนถึงเข้ามาอยู่ในสนามได้ถึง 2,000 ชีวิต? … เอาล่ะ อาจจะมีคนที่อาศัยในต่างประเทศตามมาเชียร์ก็ได้ ทว่าจากความเข้มงวดที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การมาถึงแอฟริกาใต้ของกองเชียร์ที่เยอะขนาดนี้มันดูขัดๆ กันชอบกล
หลังจบเกม แฟนบอลบราซิลยินดีกับชัยชนะของตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมคู่แข่งจากเอเชียที่ทำได้ดีเกินคาด แฟนแซมบ้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปหาแฟนบอลจากเกาหลีเหนือ
"ทีมของคุณสุดยอดมากเลย พวกคุณมาจากเมืองไหนกันเนี่ย?" แฟนบราซิลถามด้วยความใคร่รู้ ก่อนที่แฟนเกาหลีเหนือจะบอกว่า "อ๋อ เรามาจากปักกิ่ง"
แฟนบราซิล ถึงกับเหวอไปพักใหญ่ เขางงไปหมด ปักกิ่งมันเป็นเมืองในประเทศจีนมิใช่หรือ นี่ชาติของพวกเขากำลังเจอกับใครกันแน่ ทั้งๆ ที่จีนไม่ได้มาแข่งฟุตบอลโลกครั้งนี้ แล้วคนพวกนี้เขามาทำอะไรกัน
"ผมเดินไปหาพวกเขา แล้วเขาก็บอกว่ามาจากปักกิ่ง แถมยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลโลกเลยแม้แต่น้อย" หนุ่มชาวบราซิลกล่าวกับ ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด ด้วยความงงไม่หาย คนจีนพวกนี้มาทำอะไรที่นี่?
จีนมาทำอะไร?
ก่อนจะงงกันไปกว่านี้ เราต้องไล่ย้อนประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของจีนและเกาหลีเหนือให้เข้าใจกันพอสังเขปเพื่อเรื่องนี้จะได้มีอรรถรสมากขึ้น
จีน เป็นชาติที่มีความสนิทสนมกับเกาหลีเหนือมาอย่างยาวนาน สำนักข่าวอย่าง ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด ถึงกับใช้คำว่า "พันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดที่เกาหลีเหนือมี" เลยทีเดียว โดยจีนแผ่นดินใหญ่นั้นช่วยเหลือเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 1949 ด้วยการมอบอาหารแห้งอย่างข้าวสารและข้าวโพดให้กับเกาหลีเหนือ และความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากนั้น โดยในทุกๆ ปีจีนขายน้ำมันปิโตรเลียมราคาพิเศษให้แก่เกาหลีเหนือปีละ 100-150 ตัน และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย
Peterson Institute of International Economics สรุปว่าในระหว่างปี 1990-2005 เป็นเวลา 15 ปี จีนช่วยเหลือเกาหลีเหนือทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 3.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้นยังไม่พอยังมีข้าวสารอีก 540,000 ตัน ล่าสุดในปี 2018 สภากาชาดเกาหลีเหนือได้ขอความช่วยเหลือจากสภากาชาดจีนประจำมณฑลเหลียวหนิงให้บริจาคบะหมี่สำเร็จรูป 6,000 กล่อง เอาเป็นว่านี่แค่ข้อมูลที่พอหาได้เท่านั้น จริงๆ แล้วยังมีพวกวัสดุก่อสร้าง และอาจรวมถึงข้าวของที่ต้องใช้ในกองทัพอีกด้วย
1
ความสัมพันธ์นี้เองทำให้ จีน ปันใจเชียร์เกาหลีเหนือในฟุตบอลโลก 2010 อย่างเต็มหัวใจ เพราะในเมื่อชาติของพวกเขาไม่ได้มาเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ดังนั้นการมาเชียร์ชาติเพื่อนบ้านเพื่อนสนิทที่ได้มาเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 คงเป็นเหตุผลที่ไม่เลวนัก แต่พวกเขาจะยอมจ่ายเงินนั่งเครื่องบิน บินข้ามทวีปแถมยังจ่ายค่าบัตรเข้าชมด้วยเงินของตัวเองเลยหรือ? นี่คือที่หลายคนสงสัย แม้ครั้งหนึ่ง เหมา เจ๋อ ตุง ยังบอกเองกับปากว่า "จีนกับเกาหลีเหนือเป็นเหมือนพี่น้องกัน"
1
เรื่องนี้สำนักข่าวดังอย่าง เทเลกราฟ เป็นโต้โผใหญ่สืบความจริงให้จนได้ พวกเขารู้ว่าแทบไม่มีใครในเกาหลีเหนือเดินทางมาแอฟริกาใต้ด้วยเหตุผลด้านเอกสาร ดังนั้นคณะกรรมการเกาหลีเหนือสาขากรุงปักกิ่ง และสำนักรัฐบาลจึงเริ่มแจกตั๋วให้แฟนๆ ชาวจีน เข้ามารับหน้าที่ "เชียร์แทน" ชาวเกาหลีเหนือ คาดว่ามีการแจกตั๋วให้กับชาวจีนกว่า 2,000 ใบ (ทว่าจากการตรวจสอบหลายแหล่ง ตัวเลขในส่วนนี้่ไม่ตรงกัน)
"เป็นไปได้สูงเลยล่ะทีมจีนจะช่วยเชียร์และสนับสนุนเกาหลีเหนือในฟุตบอลโลกครั้งนี้" นิค บอร์เนอร์ ผู้ผลิตสารคดีเกี่ยวกับทีมชาติเกาหลีเหนือในฟุตบอลโลกเมือปี 1966 กล่าว
ขณะที่ มาร์ติน ไทเลอร์ ผู้บรรยายระดับตำนานของช่อง สกาย สปอร์ตส์ เชือว่าเป็นเช่นนั้นเช่นกัน เพราะแฟนบอลในวันนั้นไม่มีใครพูดภาษาเกาหลีได้เลย "เราได้รับการรายงานมาเหมือนกันว่าแฟนบอลของทีมเกาหลีเหนือในเกมนั้นไม่ใช่่ชาวเกาหลีเหนือจริงๆ พวกเขาคัดเลือกเอานักแสดงจากจีนมาที่นี่เพื่อแสร้งทำเป็นว่าเชียร์เกาหลีเหนือ ผมไม่เห็นเจอใครที่สามารถพูดคุยกับผมได้ มันน่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้รู้ความจริงกันชัดยิ่งกว่านี้อีก"
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ทางการจีน "จัดตั้ง" กองเชียร์เข้ามาเชียร์เกาหลีเหนือ เพราะในกีฬาโอลิมปิกปี 2008 ที่กรุงปักกิ่งก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วเช่นกัน จีน ซึ่งเป็นชาติเจ้าภาพเองพยายามเกณฑ์คนให้เยอะๆ เข้าไว้เพราะตอนถ่ายทอดสดจะได้ภาพบรรยากาศสวยๆ จากเรื่องนี้ทำให้เรื่องกองเชียร์จัดตั้งของ เกาหลีเหนือ ในฟุตบอลโลก 2010 นั้นดูจะจริงขึ้นมาไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตามต่อให้พวกเขาจะทำเช่นนั้นจริง มันก็ไม่น่าใช่เรื่องเสียหายร้ายแรงจนถึงขั้นรับไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเชียร์กีฬาทีมไหนก็ได้ตามแต่ความรู้สึกของบุคคลนั้นๆ เพียงแต่ว่าหนนี้มันคือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น ที่พี่ใหญ่ไม่อาจจะทนเห็นน้องเล็กลงแข่งขันแบบไม่มีกองเชียร์ได้ เรื่องราวของพี่ชายที่แสนดีแบบนี้ มองอีกมุมมันก็เป็นเรื่องที่น่ารักและสร้างรอยยิ้มได้บ้างล่ะครับ
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
โฆษณา