25 ม.ค. 2020 เวลา 03:09 • ท่องเที่ยว
ตอนที่ ๒ ชื่นชมและประทับใจวังบัวแดง : ชุด “อุดรธานี-หนองคาย”
ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ถ่ายภาพบริเวณลอบบี้โรงแรมกันก่อน เพราะวานนี้ไม่ได้มีโอกาสถ่ายภาพบริเวณนี้กันมากนัก
แล้วก็กินอาหารฮาราล โรงแรมนี้คิดอาหารเช้าแยกต่างหากจากราคาค่าห้องพักครับ เข้าใจว่าเนื่องจากโรงแรมนี้ใกล้หนองประจักษ์ซึ่งมีอาหารเช้าเยอะมากก็อาจเป็นได้ อาหารวันนั้นเป็นอาหารฮาราล ที่สำคัญคือกับข้าวไม่มีของเผ็ดๆ ให้กินเลยครับ
ถ่ายรูปบริเวณโรงแรมอีกครั้งครับ ถ้าไม่บอกกันก่อนก็คงนึกว่าถ่ายรูปในประเทศตุรกีหรือประเทศจอร์แดนครับ เพราะทั้งสองประเทศดังกล่าวนี้ ผู้เขียนเคยไปเยี่ยมชมแล้วครับ
ออกเดินทางจากอุดรธานีไปหนองคายตั้งแต่เช้าเลยครับ เมื่อถึงหนองคายก่อนอื่นใดได้ไปกราบนมัสการขอพรหลวงพ่อพระใส ที่วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง หนองคายกันก่อน
หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง ๒ คืบ ๘ นิ้ว เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง
อยากให้ชมภายในพระอุโบสถกันครับ
เห็นภาพนี้แล้วอดถ่ายภาพมาฝากท่านผู้อ่านไม่ได้ครับ ป้ายเขียนว่า “ห้ามนั่งบนอาสนะ” แต่แมวคงเห็นว่าห้ามนั่งแต่ไม่ได้ห้ามนอน จึงนอนหลับสบายเชียวครับ
แล้วเดินทางไปที่ศาลาแก้วกู่” (วัดแขก) ซึ่งเป็นศาสนสถานที่มีการจัดแสดงประติมากรรมปูนปั้นกลางแจ้งขนาดยักษ์จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ผู้สร้างปรารถนาให้ที่แห่งนี้เป็นเมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
แม้ว่าผู้เขียนเคยไปมาแล้วและไม่ได้ประทับใจมากนัก แต่คุณสายพิณ ภรรยายังไม่เคยไปชม ก็นำไปชมให้เห็น เป็นความเชื่อและความชอบของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกันครับ
จากนั้นก็เดินทางไปที่วังบัวแดงหรือวังบัวชมพู ซึ่งอยู่ที่บ้านไผ่สีทอง ตำบลเวียงคุก อำเภอเมือง หนองคาย มีลักษณะเป็นหนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีดอกบัวแดงบานกว่า ๒ พันไร่
ที่วังบัวแดงนี้มีดอกบัวสีสด บานสะพรั่ง มองดูสวยงามมากครับ อาจชมดอกบัวแดงได้จากบนฝั่งหรือนั่งเรือชมก็ได้ครับ ค่านั่งเรือซึ่งมีคนพายคนละ ๕๐ บาท มีเสื้อชูชีพและหมวกกันแดดให้ใช้ด้วยครับ
ผู้เขียนและภรรยานั่งเรือชมครับ ชื่นชอบตรงที่การนั่งเรือพายแล้วค่อยๆ พายผ่านดงบัวแดงทำให้สามารถเข้าไปในบริเวณที่มีบัวหน้าแน่นได้ ทำให้บัวไม่ช้ำด้วย
เรือพายไปยังจุดชมดอกบัวแดงที่สร้างขึ้นเป็นเรือนแพเหนือหนองน้ำ ทำให้ขึ้นไปถ่ายภาพรอบๆ ได้
ชมบัวแดงกันต่อนะครับ
บัวแดงที่วังบัวแดงนี้มีเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงประมาณเดือนกุมภาพันธุ์ ช่วงเวลาชมดอกบัวที่สวยงามควรเป็นช่วงอากาศเย็น คือตั้งแต่เช้ามืดจนถึง ๑๐.๐๐ น. แต่ผู้เขียนไม่มีทางเลือกครับ จึงไปสายหน่อย แต่ก็โชคดีครับที่บัวแดงยังบานสะพรั่งสวยงามอยู่ครับ
ทราบจากคนพายเรือว่าบัวแดงที่นั่นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกว่า ๓๐-๔๐ ปี มาแล้ว แต่เพิ่งทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อ ๗ ปี ที่ผ่านมานี้เอง
มีสาหร่ายหางกะรอกแทรกอยู่กับบัวแดงด้วยครับ สาหร่ายหางกะรอกเป็นอาหารของปลาและเมื่อตายไปก็เป็นอาหารของบัว
แต่จอกแหนและผักตบชวานี่ซิครับ ต้องหมั่นเก็บออกเพราะทิ้งไว้บัวไม่ขึ้น ที่ว่างๆ ที่เห็นเป็นที่ที่เขานำออกครับ กองเบ้อเริ่มเลย
ต้องขอชื่นชมชาวบ้านนะครับ แม้ว่าธรรมชาติสร้างแต่หากไม่ช่วยธรรมชาติโดยการนำจอกแหนและผักตบชวาออกทิ้งบ้าง ต่อไปความสวยงามก็หมดไปครับ
อ้อ วังบัวแดงเป็นแค่น้ำจิ้มครับ เพราะมีพื้นที่เล็ก ตอนต่อไปขอนำท่านผู้อ่านไปชมทะเลบัวแดง อุดรธานี ที่มีพื้นที่เป็นหมื่นๆ ไร่ แล้วค่อยสรุปในตอนนั้นว่าผู้เขียนประทับใจบัวแดงที่ใดมากที่สุด
จากวังบัวแดงไปตลาดท่าเสด็จหรือตลาดอินโดจีนซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ในแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออกมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องครัว เป็นต้น ซื้อของกันนิดหน่อยครับ
ไปหนองคายแล้ว หากไม่ได้ไปกินต้นตำรับอาหารเวียตนามในประเทศไทยที่แดงแหนมเนือง ก็คงถือว่าไปไม่ถึงหนองคาย ใช่ไหมครับ แต่ก็กินกันไม่หมดครับ
จากนั้นเดินทางไป Skywalk ที่วัดผาตากเสื้อกันครับ โดยเดินทางไปทางอำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่และอำเภอสังคม ถนนเลียบโขงตลอดครับ ชาวบ้านปลูกใบยาสูบ และปลูกมะเขือเทศเพื่อส่งโรงงานทำซ๊อสมะเขือเทศ เส้นทางบางส่วนเป็นถนน ๔ เลน บางส่วนกำลังขยายทางอยู่ครับ
แล้วก็ถึงวัดผาตากเสื้อ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีทัศนียภาพสวยงามเป็นอย่างมากแห่งหนึ่งในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงาม ตอนนี้ก็กำลังสร้างศาสนสถานอยู่อีกครับ
หลังจากไหว้พระทำบุญกันแล้ว ก็ขึ้นไปเดินบน Skywalk ของวัดผาตากเสื้อ ผู้เขียนเคยไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่คุณสายพิณยังไม่เคยไปครับ วันนั้นโชคดีที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก ถ่ายภาพได้สบายมากครับ
ทราบว่าสามารถเดินทางไปชมวิวทิวทัศน์บน Skywalk ของวัดผาตากเสื้อได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว โดยเฉพาะตอนที่มีหมอก สวยงามมากครับ
มองลงมาด้านล่างเห็นทิวทัศน์ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว โดยมีแม่น้ำโขงไหลผ่านเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศทั้งสองครับ
แล้วก็เจอเจ้าเงาะกับรจนาด้วยครับ อิอิอิ
ขากลับออกจากวัดผาตากเสื้อเพียงนิดเดียว ก็ชมทิวทัศน์ริมน้ำโขงตรงจุดที่มองเห็นแม่น้ำโขงและแม่น้ำงึมมาบรรจบพบกันครับ
ผู้เขียนไม่เคยไปวัดพระธาตุบังพวน ซึ่งเป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดหนองคาย สำหรับเจดีย์พระธาตุบังพวนนั้น เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสร้างด้วยศิลาแลงอิฐดินเผา ปัจจุบันได้สร้างเจดีย์องค์ใหม่ครอบองค์เดิมไว้
วัดพระธาตุบังพวน มีองค์พระธาตุและกลุ่มโบราณสถานที่เรียกว่า “สัตตมหาสถาน” ที่สร้างขึ้นตามคติพุทธศาสนา หมายถึงการจำลองสถานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ หลังจากตรัสรู้แล้ว จำนวน ๗ แห่ง คือ โพธิบัลลังก์ อนิมมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย อชาปาลนิโครธเจดีย์ มุจลินทเจดีย์ และราชายตนะเจดีย์
ดังนั้น วัดพระธาตุบังพวน จึงนับเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่ยังหลงเหลือโบราณสถานอันเป็นสัตตมหาสถานจากอดีตครบทั้ง ๗ สิ่ง และเป็นสถานที่เกี่ยวกับพญานาค คือ “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค”
เดินทางกลับเมืองครับ โดยที่พญานาคกับหนองคายเป็นของคู่กัน ไปหนองคายก็ต้องไปดูพญานาค
เป็นพญานาคที่ไม่เป็นอันตรายใดๆ ครับ อยู่ริมโขง สถานที่แห่งนี้เป็นจุดสุดท้ายของการท่องเที่ยววันนั้นครับ
เพื่อไม่ให้ต้องยุ่งยากในอุดรธานี เพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นเช้ามากๆ เพื่อไปชมทะเลบัวแดง ดังนั้น ก่อนเดินทางกลับอุดรธานี จึงหาอาหารเย็นกินก่อนที่ร้านริมแม่น้ำโขงนั่นแหละครับ วันนั้นสั่งอาหารปลาล้วน ทั้งปลาช่อน ปลาคังและปลาบึก ก็กินในแพกันนี่ครับ อ้อ อาหารเผ็ดถึงใจเลยครับ
กลับถึงโรงแรม คุณจินตนา แสนดี ผู้ปกครองคนไร้ที่พึ่งอุดรธานี มาคอยอยู่แล้ว ขอโทษขอโพยที่ไม่ได้ไปต้อนรับที่สนามบินเพราะติดภารกิจด่วน นำหมอนลูกมะเฟืองมาฝากเป็นของขวัญปีใหม่ ผู้เขียนก็มีของให้เช่นกัน
แล้วพบกับทะเลบัวแดง ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไทย และ ‘ซีเอ็นเอ็น’ เลือกเป็นอันดับ ๒ ทะเลสาบที่แปลกที่สุดในโลก
พุธทรัพย์ มณีศรี
อ่านชุด “อุดรธานี-หนองคาย” ตอนก่อนหน้านี้ได้ที่
ตอนที่ ๑ ความสวยงามและอลังการของวัดป่าภูก้อน
โฆษณา