26 ม.ค. 2020 เวลา 04:50 • ธุรกิจ
ทฤษฎีข้าวเหนียวหมูปิ้ง
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสไปฟังคุณ แบงค์ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ บรรยายมา
ซึ่งมีเรื่องนึงที่ถูกใจมากเลยจะนำมาแชร์ให้ฟัง
เรื่องที่ว่านั้นคือ ทฤษฏี ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
cr. food mthai
ปัจจุบัน Start up หน้าใหม่ ได้กำเนิดขึ้นมาหลายราย
ซึ่งแต่ละรายก็ล้วนแล้วแต่มีความต้องการเหมือนกัน นั่นคือ สร้างฐานลูกค้าให้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด
บาง application ก็เปิดให้ User ใช้งานได้แบบฟรี ๆ เลยไม่เสียเงิน บาง app ก็คิดค่าบริการบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
แต่คำถามคือ ทำไมเขาถึงต้องทำเช่นนั้นกัน ทั้ง ๆ ที่ มันไม่ได้สร้างรายได้??
ก่อนจะตอบคำถามนี้ ขอถามย้อนกลับไปกับคนอ่านสักหน่อยครับว่า เมื่อก่อน ตอน Facebook รุ่นแรก ๆ มีการเก็บเงินเสียค่าบริการสักบาทรึไม่??
Line หละ ตั้งแต่เริ่มให้บริการ เป็น app แชทฟรี มีการเรียกเก็บเงิน สักบาทหรือไม่??
ํYoutube เองก็เช่นกัน ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินสักบาทกับผู้ใช้
แต่แล้วทำไม พวกเขาเหล่านี้ถึงก้าวขึ้นมามี User ใช้งานในปริมาณที่มากมายมหาศาลได้หละ??
และคำถามสำคัญพวกเขาทำ ไปทำไม ทั้ง ๆ ที่ไม่มีรายได้จากตรงนั้นเลย
คำตอบแบบสั้น ๆ ห้วน ๆ ก็คือ ไม่ต้องไปคิดถึงรายได้ในตอนแรก หรอกครับ
เพียงแค่รู้ว่า สิ่งที่ทำ ตอบ Pain ของลูกค้าในด้านไหน แล้วช่วยให้ประโยชน์อะไรแก่ลูกค้าได้ มันจะดีเอง
และหลังจากที่มีลูกค้าเยอะ แล้ว ค่อยมาคิดกันว่า จะหารายได้อย่างไรกับลูกค้า วิธีการมันจะมาเอง
ถ้าเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายแบบ บ้าน ๆ ก็จะเป็น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง นี่แหละครับ
กำไร ระหว่างการขาย ข้าวเหนียว กับหมูปิ้ง คิดว่า อันไหนจะได้กำไรดีกว่าครับ??
คำตอบก็แน่นอนอยู่แล้ว คือข้าวเหนียว
เพราะ ปริมาณเราใส่เท่าไหร่ก็ได้ ราคาขาย พื้นฐานคือ 5 บาท 10 บาท
ส่วนหมูปิ้ง เดี๋ยวนี้ก็เป็นแบบรับมาอีกต่อหนึ่ง กำไรต่อไม้ตก 2-3 บาท ไม่เกินนี้
แต่ในเมื่อข้าวเหนียวกำไรดีกว่ามาก ถ้าจะขายแต่ข้าวเหนียวอย่างเดียว จะขายออกรึเปล่าครับ??
แน่นอนว่า ขายได้แต่คงไม่ดีเท่ามีหมูปิ้งด้วย
ระหว่างข้าวเหนียว กับหมูปิ้ง คนอยากซื้ออะไรมากกว่ากัน?? และอะไรอร่อยมากกว่ากัน??
คำตอบก็คงไม่พ้นหมูปิ้ง ใช่ไหมหละครับ
ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง เราจึงจำเป็นที่จะต้องเอาหมูปิ้งเป็นสิ่งดึงดูด เพื่อที่จะสร้างกำไรของข้าวเหนียวไปด้วยในตัวนั่นเอง
เหมือนที่ Start up ทำ กัน นั่นก็คือ ดึงดูดด้วย ความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ ของ User และเมื่อ User มาใช้แล้ว ค่อยไปหาช่องทางทำกำไรอีกต่อหนึ่งนั่นเอง
จริง ๆแล้วมี Platform นึงที่ทำแบบนั้นนะครับ
ผมพูดไปแล้วทุกคนอ๋อ แน่ ๆ
Platform ทีว่านั่นก็คือ Blockdit นั่นเอง!!
ลองคิดดูสิครับ ว่า BD ได้อะไร กำไรจากไหน?? ในเมื่อจ่ายเงินค่าบทความให้นักเขียนทุก ๆ วันแบบนี้
BD ไม่ได้อะไรหรอกครับ นอกจาก User Experience ที่ดี และมีการบอกต่อ ทำให้คนใช้งานมากขึ้น
หลังจากนั้น BD ก็ค่อย ๆหาทางที่จะทำกำไร เช่นการ Boost และการ แจกเพชร ที่เราเห็น ๆ กันเป็นต้น
และเชื่อเถอะว่าในอนาคต เราจะต้องเห็นอีกหลาย ๆอย่าง แน่ ๆ
แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เพราะยังไง เราก็ควร สนับสนุน Platform ของคนไทย ที่ดี ๆ แบบนี้ ให้คงอยู่กันไปอีกนาน ๆ
หวังว่าเรื่องที่นำมาแชร์วันนี้จะมีประโยชน์แก่ทุก ๆ ท่านนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา