7 มี.ค. 2020 เวลา 14:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความคาดหวังของกระทรวงสาธาฯต่อการควบคุมการระบาด
ทุกครั้งที่อธิบดีหรือรองอธิบดีกรมควบคุมโรคมาแถลงข่าว เขาจะบอกเสมอว่าจะพยายามชะลอให้เกิดการแพร่ระบาดในชุมชนให้ช้าที่สุด และถ้าไม่เกิดได้ก็ดี
หลายสื่อ หลายหมอก็ว่าต้องแพร่แน่นอนในชุมชน คำถามไม่ใช่ว่าจะแพร่ไหม? แต่คำถามคือว่าจะแพร่เมื่อไหร่?
ลองดูกราฟข้างล่างนี้
กราฟสีส้มคือสิ่งที่จะเกิดถ้าเราไม่ทำอะไรเลย สีฟ้าคือสิ่งที่เราคาดหวังให้เป็นโดยเราทำอะไรซักอย่างเพื่อควบคุมโรค
จะเห็นว่ากราฟสีส้มพุ่งสูงในเวลาอันรวดเร็ว พอคนติดเยอะจนคนเป็นกันทั่วจำนวนเคสก็จะลดลงในที่สุด ขณะที่สีฟ้า การระบาดเป็นไปอย่างช้าๆ จำนวนผู้ป่วยค่อยๆเพิ่มขึ้น
กราฟสีส้มเกิดในจีน ต้นทางของ COVID-19 เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี ประเทศส่วนใหญ่ยังไม่เกิดเหตุการณ์สีส้มนี้
กราฟสีฟ้าดีอย่างไร ถึงแม้จะให้กราฟส้มและฟ้ามีจำนวนผู้ป่วยเท่ากัน กราฟสีฟ้าก็ยังดีกว่า การที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆทำให้หน่วยงานต่างๆสามารถเตรียมตัวรับมือผู้ป่วยได้ทัน ลดการแพร่ระบาด และลดขนาดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดได้
ลองคิดคนร้อยคนไปโรงพยาบาลพร้อมกัน การคัดแยกผู้ป่วย การดูแลรักษา จะไม่สามารถทำอย่างเต็มที่ได้เลย อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดในโรงพยาบาล หรือมีโอกาสที่ผู้ป่วยเสียชีวิตได้มากขึ้น
แล้วจะทำอย่างไรล่ะ
มาตรการที่เล็งเห็นผลคือสิ่งที่เรียกว่า Social distancing แปลเป็นไทยก็ได้ความว่าการเว้นระยะห่างในสังคม
Anne Worner from Flickr.com
การเว้นระยะมีอะไรบ้าง
1. กักตัวเองถ้ามีความเสี่ยง (self quarantine)
จะเห็นได้จากมีหลายคนที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงหยุดงาน 14 วัน สำหรับคนที่ไม่มีอาการ
2. แยกผู้ป่วย (patient isolation)
ผู้ที่เป็นหวัดแต่ไม่มีความเสี่ยงควรจะอยู่บ้าน ไม่ออกไปเที่ยวไหน ถ้าจำเป็นต้องออกให้ใส่หน้ากากอนามัย (เชื่อว่าช่วงนี้จะไม่เจอคนป่วยเดินไปมา เพราะตอนนี้ไอทีนึงบนรถไฟฟ้า คนหันมองแทบทั้งขบวน) **หน้ากากอนามัยสำคัญกับคนกลุ่มนี้**
ส่วนคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดและมีความเสี่ยง เช่น มาจากประเทศที่มีการระบาด เช่น จีน มาเก๊า เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี ญี่ปุ่น หรือที่เจอเยอะๆอย่าง เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน ยุโรปอีกหลายประเทศ อเมริกาโดยเฉพาะ รัฐแคลิฟอร์เนีย
คนที่ทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว เช่น ขับรถโดยสาร
และ คนที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ
คนกลุ่มนี้ควรมาพบแพทย์ (ใส่หน้ากากมาด้วย) เจอคัดกรองแล้วก็บอกว่าเป็นอะไร มีความเสี่ยงอะไร เขาก็จะจับแยกไปตรวจ ถ้าถูกกักก็จะถูกใช้ไม้จิ้มจมูกเพื่อตรวจเชื้อ จนกว่าอาการจะหายและไม่เจอเชื้ออีก
3. ติดตามตัวคนใกล้ชิดผู้ป่วย (contact tracing)
อันนี้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำการสอบสวนผู้ป่วยและตามหาคนที่สัมผัส เมื่อได้รายชื่อ การติดต่อมาแล้ว ก็จะขอให้คนเหล่านั้นกักตัวเองไว้ที่บ้าน และถ้าป่วยให้รีบมาโรงพยาบาลตามที่บอกไว้ ทางการจะติดตามคนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
3. ปิดโรงเรียน
จะเห็นว่าหลายมหาวิทยาลัยออกมาตรการลดการเรียนการสอน หาวิธีการเรียนหรือการสอบแบบอื่นที่ไม่ต้องมาที่มหาวิทยาลัย
ที่ทำงานหลายที่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
4. เลี่ยงที่คนเยอะ
ห้าง โรงภาพยนตร์ ตลาดนัด อาจต้องเพลาๆลงไป หันไปซื้อของออนไลน์แทน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้กราฟส้มเป็นฟ้า ชะลอเฟสสามให้เกิดช้าที่สุด และCOVID-19 จะไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้ สิ่งสำคัญหลายข้ออาศัยความร่วมมือจากผู้อ่านทุกคน
สำหรับเธอแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางติดเชื้อจากฉันได้ ก็เล่นเว้นระยะห่างหัวใจไว้ขนาดนั้นนี่
โฆษณา