3 เม.ย. 2020 เวลา 06:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP9 : วิเคราะห์ Honda Jazz GK เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ของดีที่ต้องรีบคว้า
เเบบสรุปสั้นกระชับ
ข้อดี
+ขนาดภายนอกสั้นกะทัดรัด
+ออพชั่นยังถือว่าเยอะอยู่
1
+มีภายในห้องโดยสารที่ใหญ่โตโปร่งมาก
+พื้นที่เก็บของมากที่สุดในกลุ่ม
+อเนกประสงค์ที่สุดในโลก(รถเล็ก)
+เครื่อง 1.5 เเรงหายห่วง ดูเเลง่ายมาก
+พวงมาลัยเบาเเละคล่องตัว
+ยังมีเกียร์ธรรมดาอยู่
ข้อเสีย
1
-ฟังก์ชันบางจุดอาจล้าสมัย
-ตัวเบาะหลังยังนั่งไม่สบาย
-พวงมาลัยไวไปในความเร็วสูง
-ช่วงล่างมีความเป็น Honda ยุคก่อนอยู่มาก
-การเก็บเสียงสไตล์ Honda
-อาจไม่ประหยัดเท่า Eco Car
-ไม่มีเบาะหนังในรุ่นท็อป
เเละนั่นละครับ คือ การวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย Honda Jazz GK เเบบสั้นกระชับรวดเร็วสำหรับท่านที่ต้องการความรวดเร็ว
คราวนี้สำหรับท่านที่ต้องการดูการวิเคราะห์เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียตามเเบบฉบับของ Carman เเล้วละก็ เลื่อนนิ้วลงไปอ่านด้านล่างเลยครับ
ความเดิมตอนที่เเล้ว
หลังจากที่เราพูดคุยเรื่อง Eco Car มานาน 8EP มีหลากหลายรูปเเบบ ไล่ตั้งเเต่อธิบายความหมายของ Eco Car เเบบเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย รวมถึง EP ที่เเล้วพิเศษ นำรถเด่นมาปะทะกันเป็นครั้งเเรก ใครยังไม่ได้อ่าน เชิญได้ที่นี่เลยครับ
มาวันนี้เราลองขยับมาเป็น Subcompact Car ที่กำลังจะไม่มีอีกต่อไปเเล้วในอนาคตกันดีกว่า นั่นคือ Honda Jazz นั่นเองครับ
อันที่จริงเเล้วพิกัดรถก็เหมือนกับ Jazz นี่เเหละครับ คือเป็น Subcompact(B-Segment) เพียงเเต่ว่า Jazz ใช้เครื่อง 1.5 ลิตร ไม่ได้ใช้เครื่อง 1.2 หรือเครื่องอะไรก็เเล้วเเต่ที่เล็กกว่านี้เเละไม่ได้จูลมลพิษให้ผ่าน Eco Car นั่นเอง จึงถือว่าเป็นรถกลุ่มเดียวกัน เพียงเเต่ Jazz จะใช้เครื่องใหญ่กว่าเเละไม่ได้รับสิทธิภาษี Eco Car นั่นเองครับ
เดิมทีนั้น Jazz ไม่เคยอยู่ในเเผนการนำมาขายในไทยเลย เเต่ด้วยความที่ City Gen2 ไม่ประสบความสำเร็จ จากการที่ใช้เครื่องยนต์ i-DSI มีกำลังเเค่ 88 เเรงม้า, การขับขี่ที่เบาโหวง เเละดีไซน์ภายนอกนั้นก็อย่างที่เห็นครับ ไม่ลงตัว เเปลกประหลาดที่สุดในบรรดา City ทุกรุ่น ซึ่งมันมีที่มาครับ คือ Honda ตั้งใจจะทำให้ City เนี่ยมีความอเนกประสงค์เท่า Jazz ด้วยการใส่โหมดพับเบาะที่หลากหลายเหมือน Jazz เขาจึงทำการเอาครึ่งคันหน้าของ Jazz มาใส่นั่นเอง(เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอา Jazz มาขาย)เเต่มันออกมาอย่างที่เห็นครับ คือ รถไม่มีความสมดุลทั้งดีไซน์เเละการขับขี่
จนขายไม่ดี เลยต้องนำ Jazz Gen1(GD) มานั่นเอง เเม้ยอดขายจะน้อยกว่า City รวมถึงเมื่อนำ City กับ Jazz มารวมกัน ยอดขายยังน้อยกว่า Toyota Vios ในตอนนั้น!!!! เเต่ Jazz ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาด Subcompact Hatchback เลย เเละถือว่าขายดีมาก
สำหรับรถ Hatchback
Jazz GK(Gen3)ตัวปัจจุบันนั้นเปิดตัวช่วงปี 2014 เเละมีการ Minorchange ไปช่วงปี 2017 โดยไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเเม้เเต่รุ่นย่อยเดียวเลย
ซึ่งมีราคาดังนี้ครับ
รุ่น S MT 555,000
รุ่น S CVT 594,000
รุ่น V CVT 654,000
รุ่น V+ CVT 694,000
รุ่น RS CVT 739,000
รุ่น RS+ CVT 754,000
เเม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดมากๆเเล้ว เเต่ล่าสุดเดือนม.ค.ยังขายได้ราวๆ 1700 คัน!!! ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับรถที่ไม่ใช่ Eco Car เเละมีอายุตลาดนานขนาดนี้ ซึ่งตัวรถจะเก่ากว่า City Gen5 อยู่ 1 Gen หากจะเทียบต้องเทียบกับต้องเทียบกับ City Gen4 นั่นเองครับ
เเต่ข่าวร้าย คือ Jazz Gen4 ที่เพิ่งเปิดตัวไปที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ค่อนข้างจะ 90% เเล้วนะครับว่าไม่มาไทย จะมาเป็น City Hatchback เเทนในช่วงปลายปีนี้ เเสดงว่าอีกไม่เกิน 6-7 เดือนต่อจากนี้ หรืออาจเร็วกว่านั้น เราก็จะไม่มี Jazz อีกต่อไปเเล้ว!!!!
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ใครที่เป็นเเฟนคลับ Jazz คงเสียดายมากน่าดู สาเหตุที่ไม่มานั้น คาดว่าเป็นเพราะ 1. Honda ต้องการพัฒนา Jazz Gen4 เพื่อตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะถึงได้ทำหน้าตามาน่ารักขนาดนั้น 2. Honda อาจเห็นคู่เเข่งเกือบทุกค่าย ทำรถ Sedan กับ Hatchaback ด้วยครึ่งคันหน้าเดียวกัน ขณะที่ Honda ทำ City กับ Jazz เเยกตัวถังครึ่งหน้าเลย ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่า เขาคงคิดว่าถ้างั้นก็ตัด Jazz ไปเลยดีกว่า เเล้วเอา City Hatchback มาเเทนง่ายกว่า ประหยัดต้นทุนกว่า ซึ่ง City Hatcback จะไม่มีเสน่ห์เเบบที่ Jazz มีเเน่นอน สรุปเเล้ว Jazz คันนี้มีเสน่ห์อะไร เเล้วรถเป็นยังไง เราไปเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียกันครับ
ข้อดี
-มันมีขนาดตัวถังที่เล็กสั้นกะทัดรัดมาก เป็นจุดขายของ Jazz มาตั้งเเต่ Gen1 ครับ มันทำให้คุณขับขี่ได้คล่องตัวคล่องเเคล่วมาก เเละหาที่จอดรถก็ง่ายกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง City Gen4 เเน่นอน มันมีมิติดังนี้ครับ
Jazz RS+ | City Gen4
ความยาว 4035 4440
ความกว้าง 1695 1695
ความสูง 1525 1477
ฐานล้อ 2530 2600
-เเม้ภายนอกจะเล็ก เเต่อย่าลืมครับด้วยปรัชญา Man Maximum Machine Minimum ของ Honda ทำให้ภายในนั้นใหญ่โตโปร่งสบายเกินคาด มันพื้นที่ภายในทำออกมาดีมาก เบาะคู่หน้าก็สบายจากปีกเบาะที่มีขนาดกำลังพอดีเเละมีพนักพิงศีรษะที่ไม่ดันหัวมากเกินไป เเละสิ่งที่คุณไม่มีทางได้จาก City หรือเเม้กระทั่งรถ Hatchback คันอื่น คือ พื้นที่ Headroom ของผู้โดยสารตอนหลังครับ ด้วยความที่ Jazz เป็นรถท้ายตัด ไม่ใช่รถมีท้ายเเบบ City ดังนั้นเเนวหลังคาจะไม่ลาดลงมาเบียดพื้นที่ Headroom ด้านหลังเเน่นอน เเถมความสูง 1525 มม. ก็ถือว่าสูงกว่า Hacthback คันอื่น ต่อให้คุณสูง 180 ซม. ก็ยังหัวไม่ติดเเน่นอนครับ รวมถึงมี legroom ที่เยอะพอๆกับ City Gen4 ด้วย ถือว่าออกเเบบได้ซ่อนรูปจริงๆ
-เป็นรถ Hatchaback ที่มีพื้นที่สัมภาระใหญ่เกิน 300 ลิตร ซึ่งมันใหญ่มากครับ เเทบจะเรียกว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็ได้เลย ถ้าขนของเเบบธรรมดารับรองใส่ได้สบายๆโดยไม่ต้องพับเบาะเลยเเม้เเต่นิดเดียว
-เเต่ถ้าต้องพับเบาะละก็ บอกเลยครับ การพับเบาะนี่เเหละ คือ สิ่งที่เป็นสเน่ห์ที่สุดของ Jazz มาตั้งเเต่ Gen1 เเละไม่มีรถคันไหนในกลุ่มหรือในโลกเลยก็ว่าได้ที่ให้คุณได้เเละผมเชื่อว่า City Hatchback ที่จะมาเเทนปลายปีนี้ ก็ไม่มีทางทำได้เช่นกัน คือ
เบาะ Ultra Seat สุดมหัศจรรย์ครับ
ธรรมดาเนี่ย รถ Hatchback มักจะพับเบาะได้เเค่เเบบเดียว คือ Utlity Mode หรือการพับเบาะหลังราบลงไปนั่นเอง เเต่ Jazz นั้น พับเบาะได้ถึง 4 Mode ด้วยกัน!!!!!
1. Utility Mode - พับเบาะหลังอย่างง่ายดายด้วยกันดึงสวิตซ์ที่เบาะหลัง ซึ่งก็เหมือนรถ Hacthback คันอื่น เเต่สิ่งที่เหนือกว่า คือ มันพับเรียบได้ครับ คันอื่นเนี่ยจะพับเบาะเเล้วไม่เรียบ เเต่ Jazz พับเรียบไปเลย เป็นผลจากการเอาถังน้ำมันไปไว้ใต้เบาะหน้านั้นเอง เหมาะกับการใส่ของที่เยอะๆเเบบทั่วไป มันจุได้จุใจถึง 906 ลิตรเลยทีเดียว
2. Tall Mode - ยกเบาะรองนั่งด้านหลังขึ้น คุณจะได้พื้นที่วางของในเเนวสูง เอาไว้วางของอย่างเช่น กระถางต้นไม้ เป็นต้น วางของที่มีความสูงได้ถึง 1280 มม.!!!!
3. Long Mode - เลื่อนเบาะหน้าไปด้านหน้าจนสุด ถอดพนักพิงศีรษะด้านหน้าออกเเล้วพับเบาะด้านหน้าลงเเละพับเบาะด้านหลังราบลงไปจนเบาะมันต่อกัน คุณจะได้พื้นที่วางของเเนวยาว เช่น กระดานโต้คลื่น เป็นต้น ใส่ของที่มีความยาวได้ถึง 2480 มม.!!!!
4. Refresh Mode - เลื่อนเบาะไปด้านหน้าจนสุด ถอดพนักพิงศีรษะด้านหน้าออก
เเล้วนำมาต่อกับเบาะหลัง คุณจะสามารถนอนในรถได้อย่างสบายเลยทีเดียว
-ด้วยความที่ไม่ใช่ Eco Car คุณจึงได้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ดังนั้น สมถรรนะของเครื่อง 1.5 ลิตร 117 เเรงม้า ตัวนี้ต้องบอกเลยครับว่าไม่ธรรมดา บวกกับเกียร์ CVT ลูกนี้ค่อนข้างไหลลื่นไม่มีอาการโง่ของเกียร์มากนัก ทำให้มันมีสมรรถนะที่เเรงทันใจมาก เครื่องเเละเกียร์ประสานงานกันลงตัว อัตราเร่งเหมือน City Gen4 เป๊ะๆ เเละเครื่องตัวนี้พื้นฐานจริงๆเป็นตระกูล L15 ซึ่งมันก็ใช้มาตั้งเเต่ Gen1 อะนะครับ(มีการปรับปรุงยกใหญ่ตอน Gen2)ด้วยความที่เป็นเครื่องเก่า ใช้มานาน City, BRV, Mobilio ก็ใช้ ฉะนั้นความทนทาน ความน่าไว้ใจ เเละความง่ายในการดูเเลรักษา ต้องบอกเลยว่าทนทาน ไว้ใจได้ อะไหล่เยอะ หายห่วง
-เเม้รถจะเก่ากว่า City Gen5 อยู่ 1Gen เเต่เอาเข้าจริงๆเเล้ว ออพชั่นยังถือว่าเเน่น
อยู่ คุณมีอุปกรณ์พื้นฐานของผู้ขับขี่ครบ ทั้งพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, เบาะนั่งปรับได้ 6 ทิศทาง เเละเข็มขัดปรับสูง-ต่ำได้ทุกรุ่นย่อย(งงมากว่าทำไม City Gen4, Gen5 เข็มขัดปรับไม่ได้ ไม่เข้าใจจริงๆ//เอาเข้าจริง City Gen5 ออพชั่นก็พอๆกับ Gen4 เลย) ออพชั่นในรุ่น RS+ เยอะมาก คุณได้ชุดเเต่ง RS เหมือน City Gen5 RS เลย, ไฟหน้า LED, ไฟตัดหมอก LED, ล้ออัลลอย 16 นิ้ว, Push Start+Smart Key, ระบบ Criuse Control, เเป้น Paddle Shift, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Apple Carplay ด้วย, เเอร์ Auto เเบบจอสัมผัส, Traction Contol, HSA, ESS เเละยังให้ถุงลม 6 ใบมาด้วย ถือว่าออพชั่นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เเทบไม่ต่างกับรถยุคใหม่
- รถ Honda ช่วงปี 2012-2015 พวงมาลัยเบามาก ไม่หนืด น้ำหนักพอๆกับ City Gen4, Civic FB(Gen9) ทำให้การขับขี่ในเมืองจะคล่องตัวมากเลย เหมาะกับคนที่ใช้ในเมือง
-ยังคงมีเกียร์ธรรมดาอยู่!!! ซึ่งรถยุคนี้หายากมาก เเละมันกำลังจะไม่มีเเล้วในอนาคต เเม้ Suzuki Ciaz, Mitsubishi Mirrage,Attrage จะมีเกียร์ธรรมดา เเต่มันไม่เหมือนกันครับ!!! นั้นมัน Eco Car เเบบมีเครื่องสุด 1.2 จะธรรมดา เเต่บอกได้เลยว่าเกียร์ธรรมดาจับคู่กับเครื่อง 1.5 ตัวนี้ มันเเซ่บมาก ไวพอๆกับรุ่นพี่ Civic 2.0 สมัยก่อนเลย ใครอยากได้เกียร์ธรรมดาเเล้วเเซ่บๆ
เเบบนี้ ต้องรีบจัดครับ ก่อนที่จะไม่มี
ในราคาเเค่ 555,000 เท่านั้น(ราคาหัวเราะ)
ทีนี้เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่า
-ด้วยความที่เป็นรถเก่าเเล้ว ดังนั้นฟังก์ชันบางจุดอาจล้าสมัย เช่น หน้าจอเครื่องเสียงฟอนท์หน้าตาอาจไม่เหมือนกับรถรุ่นใหม่ๆ รวมถึงเครื่องปรับอากาศเเบบหน้าจอสัมผัสเหมือน City Gen4 ซึ่งเเม้จะดูสวยทันสมัยเเต่เอาเข้าจริงๆเเล้วการใช้งานไม่ User Friendly เอาเสียเลย นึกภาพเวลาขับรถอะครับ เเล้วถ้าจะปรับเเอร์ทีนึงต้องหันลงมามอง เพราะมันไม่มีปุ่มให้คลำ ดังนั้น การใช้งานค่อนข้างจะยุ่งยากวุ่นวายพอสมควร
-เเม้พื้นที่ภายในจะใหญ่โตโปร่งสบาย เเต่ตัวเบาะหลังยังทำได้ไม่ดีตรงที่ตัวเบาะ คือ เบาะรองนั่งสั้นกว่า City เเละมีพนักพิงหลังที่ค่อนข้างจะตั้งชันเเละเเบนราบ คือ เเทบจะไม่มีส่วนเว้าซัพพอร์ตรองรับหลังเลย รวมถึงรุ่น RS+ ก็ไม่มีพนักเท้าเเขนเเบบพับเก็บได้ซึ่ง City RS มี ทำให้โดยรวมเบาะหลังโปร่งสบายเเต่ตัวเบาะยังต้องปรับปรุงให้ดีกว่านี้
-ด้วยความที่พวงมาลัยในความเร็วต่ำนั้น น้ำหนักค่อนข้างเบา เเต่พอความเร็วสูงน้ำหนักกลับเเทบไม่เพิ่มเลย ทำให้มันเบาไปในความเร็วเกิน 80 km/h ไม่มั่นใจเท่าที่ควรซึ่งมันก็เหมือนกับ Honda ยุคก่อนหน้านี้ 1 Gen คือ เหมือน Civic FB(Gen9), Accord Gen9, CRV Gen4, City Gen4 ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับ Honda ยุคใหม่ๆนะครับ
-นอกจากพวงมาลัยเเล้ว ช่วงล่างก็ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ Honda อยู่ค่อนข้างมาก นั่นคือ เเข็งกระด้างในความเร็วต่ำ เเต่พอความเร็วสูงกลับไม่มั่นใจ โอเคละครับ มันไม่ได้เเข็งเหมือนกับ Civic ES(Gen7) ซึ่งอันนั้นนี่ช่วงล่างเด้งเป็นลูกชิ้นโฮเด้งเลย เเต่มันจะเหมือนกับ Honda ยุคหลังจากนั้นอีก คือ เหมือน Civic FB(Gen9), Accord Gen9, CRV Gen4, City Gen4 ซึ่งขออนุญาตเเชร์ประสบการณ์การนั่ง Civic FB ครับ เนื่องจากนั่งอยู่ประจำ พอสัมผัสช่วงล่างดังนี้
0-50 km/h ตึ้งตั้งตึ้งตั้ง ค่อนข้างกระด้าง
50-70 km/h นุ่มขึ้น เเต่ยังคงกระด้าง
70-110 km/h นุ่มสบายกำลังดี ช่วงดีที่สุด
110-130 km/h รถเหมือนเริ่มบิน 5555
นั่นละครับ Honda ไม่ใช่ยี่ห้อที่ทำช่วงล่างเก่ง โดยเฉพาะ Jazz จะค่อนข้างเเข็ง
กว่า City Gen4 เเต่พอขับเร็วๆกลับไม่หนักเเน่นเเละไม่มั่นใจเท่าที่ควร มันดีขึ้นกว่า Honda ยุค 2000-2010 มากเเล้ว เเต่มันพอๆกับยุค 2012-2015 อะครับ ตั้งเเต่ Civic FC(Gen10) เป็นต้นมา ช่วงล่างจะค่อนข้างก้าวกระโดดดีขึ้นมาก(เเม้จะยังสู้คู่เเข่งไม่ได้ก็ตาม) ฉะนั้น ช่วงล่าง Jazz เป็นจุดอ่อน
-การเก็บเสียงก็ต้องทำใจครับ ใครใช้ Honda จะรู้เลย รุ่นที่ดีจริงๆมันจะมีเเค่ Accord Gen10 อะครับ(Accord Gen ก่อนหน้านั้นยังดังเลย)ส่วน Civic FC (เฉพาะตัว 1.5 Turbo), CRV Gen5 กับ City Gen5 ยังพอไหว ส่วนนอกจากนี้ โดยเฉพาะ Honda ยุคก่อนบอกเลยครับ ดัง!!! เสียงดังมาก จากประสบการณ์ที่ใช้ Civic FB คือ ดังครับ เสียงท่อนบนไม่เท่าไหร่ มันดังจากท่อนล่างของรถมากกว่า ดังมาก เเน่นอน Jazz ยังคงเก็บเสียงสไตล์ Honda อยู่ครับ
-อาจไม่ใช่ข้อเสียหลัก เเต่ด้วยความที่ไม่ใช่ Eco Car ดังนั้น อัตราการสิ้นเปลืองก็ย่อมมากกว่า กระนั้น เครื่อง Honda ตระกูล L15 ค่อนข้างประหยัดในการใช้งานในเมือง ซึ่งยังพอมี 10-11 km/l ให้เห็นอยู่ ดังนั้น ถือว่าประหยัดสมตัว เเค่ไม่เท่า Eco Car
-รุ่น RS+ ยังเป็นเบาะผ้าอยู่ ทำให้สัมผัสอาจไม่ดีเท่าเบาะหนัง รวมถึงรุ่น RS+ ไม่สามารถเปลี่ยนเบาะหนังได้ด้วยเพราะมีถุงลม 6 ใบ หากเปลี่ยนเป็นเบาะหนัง Airbag จะไม่ทำงาน ถ้าจะเปลี่ยนคงต้องซื้อรุ่น RS ลงไป เพราะมีถุงลมเเค่ 2 ใบ
สรุป - รีบคว้าเธอไว้ก่อนที่จะไม่มีโอกาส
ถ้าถามว่าเสน่ห์ของ Jazz คืออะไรเเล้วละก็
มันก็คือ City เวอร์ชัน 5 ประตูนั่นเเหละครับ
เเต่สิ่งที่มันเป็นเสน่ห์ คือ ขนาดตัวรถที่สั้นกะทัดรัด เเละ hilight คือ เบาะ Ultra Seat ที่พับได้ 4 โหมดอย่างที่ได้กล่าวไป ถ้าหากนับในกลุ่ม subcompact มันเเทบจะเป็นรถที่อเนกประสงค์ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ คุณทำได้หลายอย่างมากกับรถคันนี้ ขนจักรยาน(ถอดล้อออกก่อนใส่รถ) ขนกระถางต้นไม้ ใส่กระดานโต้คลื่น นั่งตั้งวง party 4 คนได้เลย รวมถึงมีออพชั่นที่เยอะเเถมได้สมรรถนะเเบบสไตล์เครื่อง 1.5 ลิตรที่ไม่มีคันอื่นให้คุณได้เเบบนี้ ซ่อมบำรุงง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน รวมถึงมีเกียร์ธรรมดาให้เล่น สะใจเเน่นอนสำหรับขาซิ่งทั้งหลาย
ข้อเสียจริงๆ ก็จะเป็นส่วนที่ฟังก์ชันบางจุดอาจไม่ทันสมัย การเก็บเสียงสไตล์ Honda คือ เก็บเสียงทุกอย่างเข้ามาหมดเลย 5555 ส่วนการขับขี่เเม้ช่วงล่างเเละพวงมาลัยจะยังไม่ดีมาก เเต่หากคุณขับไม่เกิน 120 km/h บอกเลยว่าไม่มีปัญหา ยิ่งถ้าคุณกระโดดลงมาจากรถ Honda สมัยก่อน คุณจะพบว่าช่วงล่างเเละการขับขี่ของมันถือว่าก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ยิ่งตอนนี้เป็นปลายอายุตลาดขนาดนี้ คาดว่าโปรโมชั่นนั้นค่อนข้างเเรงทีเดียว ทำให้ราคาของรถน่าจะถูกลงอีกพอสมควรเมื่อไปซื้อ
เเละรุ่นต่อไปก็ 90% เเล้วว่าไม่มาขายเเล้ว เป็น City Hacthback มาเเทน เเปลว่าคุณต้องซื้อภายใน 6-7 เดือนนี้หรืออาจเร็วกว่านั้นเท่านั้น ใครต้องการ รีบซื้อด่วนครับ
เเม้คนรักเขาจะเเสนดีเเละมีเสน่ห์มากมาย เเต่เเน่นอนครับ การพบกันก็ต้องมีการจากลา อยู่ที่จะช้าหรือเร็ว ต่อให้ขายดีเเค่ไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาก็อาจต้องไปด้วยเหตุผลบางอย่าง เเต่สิ่งที่เราจะไม่ลืม ก็คือ ความทรงจำดีๆที่มีต่อ Jazz ตั้งเเต่ Gen1 ถึง Gen3 มันเป็นรถที่ไม่ละทิ้งความเป็นตัวเอง ไม่เปลี่ยนเเนวทาง นั้นคือ เบาะ Ultra Seat ที่ยังคงอยู่มาตลอด เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการมีจุดขายของตัวเองชัดเจนเเละถูกต้องจะทำให้รถขายได้ยั่งยืน มันเป็นสิ่งที่สำคัญ คือ การไม่ละทิ้งความเป็นตัวเอง เราเองก็เหมือนกันนะครับ สิ่งที่สำคัญ คือ อย่าละทิ้งความเป็นตัวเอง ภูมิใจในสิ่งที่เป็น(ในเชิงที่ดี) เเล้วเราจะมีความสุขอย่างเเน่นอนครับ ส่วนใครที่รักเขาก็รีบคว้าเขาไว้ละครับ โอกาสเเบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนะครับ
สุดท้ายนี้เหมือนเดิมครับ ทุกครั้งที่เจาะลึกรถ Honda ขอฝากถึงทาง Honda ครับที่ผ่านมานั้นในเรื่องของ defect ต่างๆของตัวรถนั้นเรารู้ว่าทาง Honda มีความพยายามในการเเก้ไขเเล้ว เเต่ต้องยอมรับว่าในช่วงตั้งเเต่ปี 2012 ขึ้นมานั้น รถ Honda มี defect จุกจิกค่อนข้างเยอะ มีข้อผิดพลาดในเรื่องที่ไม่ควรเกิด เช่น ยางขอบประตูติดมาไม่ดี การประกอบที่ดูไม่เนี๊ยบ รวมถึงศูนย์บริการที่ดร็อปลงกว่าเมื่อก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยากให้ทาง Honda นำไปปรับปรุงเเก้ไขให้ดีเหมือนยุค 1990 ที่ Honda เข้ามาตลาดเมืองไทยใหม่ๆโดยชูจุดขายเรื่องบริการหลังการขายเเละความทนทานครับ Honda มีวันนี้ได้เพราะวันนั้น ซึ่งอยากให้ Honda ไม่ลืมอดีตของตัวเองครับว่าทำไมถึงมีวันนี้ ย้อนกลับไปดูรากเหง้าของตัวเองสมัยก่อนเเละไม่ละทิ้งมัน ในฐานะที่เป็นเเฟน Honda คือ ไม่อยากให้ Honda ด้อยลงเพราะเรื่องเเบบนี้ครับ อยากให้ Honda นำไปเเก้ไข ดู
จากเเฟนของ Honda อย่าง Izuzu เป็นตัวอย่างที่เขามีศูนย์บริการที่ดีมากที่สุดเลยก็ว่าได้ในทุกเเบรนด์ เรื่องของความทนทาน ไว้ใจได้ เเละเอาใจใส่ลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เขาเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ 2 ในตลาดรวมมาหลายสิบปีจนถึงทุกวันนี้ คนซื้อก็พากันติดอกติดใจ ส่วน Honda ที่ทุกวันนี้รถขายได้เพราะตัวรถครับ รวมถึงความเชื่อเรื่องศูนย์บริการดี เเต่ถ้าในอนาคต Honda ไม่ได้ปรับปรุงเรื่องนี้อาจทำให้ตำเเหน่งยักษ์เบอร์ 3 ในตลาดรวมที่ตัวเองครองมาตั้งเเต่ช่วงปี 2000 เเละเจ้าตลาดรถเก๋งสูญเสียไปเเบบกู่ไม่กลับเหมือนยี่ห้ออื่นๆในสมัยก่อนครับ ถ้าปรับปรุงเรื่องบริการเเละความทนทานได้เเละตัวรถยังคงทำมาดีขึ้นเรื่อยๆต่อไปเเบบที่กำลังทำอยู่จะทำให้ Honda ยั่งยืนเเข็งเเกร่งในเมืองไทยตลอดกาลครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ การเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Honda Jazz GK
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
เเละอีกช่องทางการติดตามนึงสำหรับผู้อ่านย้อนหลัง คือทาง FB: Carman สามารถติดตามย้อนหลังจากเผยเเพร่ทาง Blockdit 2 วัน ไปกดไลค์กดติดตามกันได้นะครับ
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา