12 เม.ย. 2020 เวลา 05:02 • สุขภาพ
การตรวจหาผู้มีภูมิคุ้มกัน
วิธีใหม่การรับมือไวรัสโควิด
เมื่อติดเชื้อโรค ร่างกายจะพยายามต่อสู้ป้องกันตัว โดยสร้างภูมิคุ้มกัน(antibody)ขึ้นมาขจัดเชื้อโรคนั้น และเมื่อหายแล้วภูมิคุ้มกันนั้นส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต ถ้ามีเชื้อโรคนั้นเข้าสู่ร่างกายอีก ก็จะถูกภูมิคุ้มกันนี้จัดการกำจัดอย่างรวดเร็วทำให้คนๆ นั้นไม่ป่วยเป็นโรคนั้นอีก
แต่ก็มีภูมิคุ้มกันของไวรัสบางชนิด เช่น หวัด ที่จะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และทำให้เป็นโรคนั้นซ้ำใหม่ได้ และบางกรณีก็ป่วยซ้ำจากเชื้อโรคที่กลายพันธุ์ไป ทำให้ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคที่มีอยู่ไม่ได้ผล
เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 80 มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ จึงมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ติดเชื้อแล้ว หายแล้ว และร่างกายมีภูมิต้านทานโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวเลย และเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากสงสัยว่าตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการที่รัฐบาลแต่ละประเทศประกาศนั้น เชื่อถือได้หรือไม่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อย เพราะตรวจน้อยหรือเปล่า
ในอังกฤษ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นทางการอยู่ที่ราว 600 คน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ได้ออกมาแถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจริงๆ อาจอยู่ที่ราว 10,000 คนแล้ว หากถือตามสัดส่วนนี้ ปัจจุบัน(12 เมษายน 2563) ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นทางการของอังกฤษอยู่ที่ 78,991 คน จำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษจริงๆ ก็อาจจะเกิน 1 ล้านคนไปแล้ว
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ในอเมริกา ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นทางการอยู่ที่ 532,879 คน จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกาจริงๆ ก็อาจเกือบ10ล้านคนแล้ว
จากพื้นฐานข้อมูลตรงนี้ ทำให้ขณะนี้ในประเทศอเมริกาและยุโรป มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในการพัฒนาชุดตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด นี่ไม่ใช่การตรวจหาว่าใครติดเชื้อโควิดหรือป่าว แต่เป็นการตรวจหาว่าใครติดเชื้อโควิดและหายจนร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้ว เมื่อตรวจพบก็จะออกใบรับรองให้ ทำให้คนๆ นั้นสามารถไปทำงานและเคลื่อนไหวได้อย่างเสรีไม่จำกัดด้วยมาตรการปิดเมืองใดๆ อีก
ประโยชน์ของการตรวจหาผู้มีภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด
1.บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิดคือ กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่สุด ต้องสวมชุดป้องกันเต็มรูปแบบ และเปลี่ยนวันละหลายๆ ชุด หากหมอ พยาบาล ได้รับการตรวจและพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว หมอ พยาบาลคนนั้นก็จะสามารถดูแลคนป่วยได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าตนจะติดโรคอีก และยังสามารถระดมผู้ที่ตรวจพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วมาเป็นกำลังเสริมในการดูแลผู้ป่วย
อาชีพอื่นๆที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น ตำรวจ คนส่งของ คนเก็บขยะ คนขายของเก็บเงินในร้านค้าต่างๆ เป็นต้น ก็จะได้ประโยชน์มากในทำนองเดียวกัน
2. การ LOCK DOWN ปิดเมือง ปิดประเทศ ให้คนอยู่แต่ในบ้าน เป็นมาตรการที่ได้ผลดีในการควบคุมการระบาด แต่ระบบเศรษฐกิจจะเสียหายมาก ถ้าทำนานระบบเศรษฐกิจอาจพังทลาย ธุรกิจล้มละลาย ผู้คนไม่มีจะกิน รัฐบาลหมดเงินเยียวยามีหนี้ล้นพ้นตัวได้ แต่ครั้นจะคลายมาตรการควบคุมก็กลัวว่าเชื้อจะกลับมาระบาดใหม่ รัฐบาลประเทศต่างๆ จึงลำบากใจมากในขณะนี้
การตรวจพบจำนวนผู้มีภูมิคุ้มกันแล้วนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญให้รัฐบาลใช้ในการตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการควบคุม เพราะหากมีจำนวนผู้มีภูมิคุ้มกันแล้วมาก จะทำให้เชื้อระบาดได้ยากขึ้น รัฐบาลก็จะตัดสินใจผ่อนคลายการควบคุมได้ง่ายขึ้น
3.พลาสมาของผู้มีภูมิคุ้มกันโควิดแล้วนี้ ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้ เราไม่ต้องรอพลาสมาจากผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วเท่านั้น แต่การตรวจพบผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยแล้วหายเอง ซึ่งมีจำนวนมากกว่าเป็น 10 เท่านี้ จะทำให้จำนวนผู้ที่สามารถบริจาคพลาสมาได้เพิ่มขึ้นมหาศาล
ความเคลื่อนไหวของนานาประเทศ
1.สหรัฐอเมริกา...เร่งสร้างระบบการตรวจหาผู้มีภูมิคุ้มกันทั่วประเทศ โดยขณะนี้รัฐแคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์กเริ่มดำเนินการแล้ว ในนิวยอร์กศักยภาพการตรวจอยู่ที่วันละ 300 คน และจะเพิ่มเป็นวันละ 1,000 คนในสัปดาห์หน้า
2.อิตาลี...เริ่มดำเนินการแล้วทางตอนเหนือของประเทศ ที่มีการระบาดหนักที่สุด โดยเริ่มจากตรวจหมอ พยาบาลก่อน
3.ฟินแลนด์...เริ่มการสุ่มตรวจในกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวง เพื่อหาอัตราส่วนของผู้มีภูมิคุ้มกันแล้วต่อประชากรทั้งหมด
4.อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส...กำลังวางแผนการตรวจขนานใหญ่ทั้งประเทศ โดยเฉพาะในอังกฤษ เดิมรัฐบาลได้สั่งซื้อชุดตรวจแล้วถึง 17.5 ล้านชุด แต่ต่อมาพบว่าความแม่นยำยังไม่เพียงพอ จึงต้องเลื่อนไป คาดว่าจะเริ่มตรวจใหญ่ได้ในเดือนพฤษภาคม
แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือ ผู้ที่หายและมีภูมิคุ้มกันแล้ว จะไม่มีการติดเชื้อโควิดซ้ำสองจริงหรือไม่ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นมีอายุอยู่นานแค่ไหน ปริมาณในร่างกายจะค่อยๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่านไป ทำให้ติดเชื้อซ้ำใหม่ได้ไหม เพราะไวรัสโควิดเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ที่เรายังต้องศึกษาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับมันอีกมาก
สำหรับประเทศไทยเรา ระบบการแพทย์และสาธารณสุขของเราค่อนข้างดี และไทยเป็นเมืองร้อน ไวรัสตายง่าย ระบาดยาก เพราะฉะนั้นเราอย่าไปรอการตรวจหาภูมิคุ้มกันหรือวัคซีนเลย เพราะยังต้องใช้เวลาอีกนาน ขอให้ช่วยกันรณรงค์ให้ทุกคนอย่าออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นจริงๆ อย่าไปสังสรรค์เฮฮากัน ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และดูแลความสะอาดให้ดี คุมโควิดให้อยู่ภายในเดือนเมษายนนี้ ธุรกิจจะได้เปิดทำการ ประชาชนจะได้กลับมาทำงาน ทำมาหากินได้ คนยากคนจนจะได้ไม่เดือดร้อนจนเกินไป ถ้าไม่ช่วยกันต้องมีภาวะฉุกเฉิน มีเคอร์ฟิวอย่างนี้นานๆ เงินเยียวยาให้เท่าไรก็ไม่พอ รัฐบาลจะหมดเงินก่อน และไม่มีงบเหลือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวม
พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาประเทศไทยและชาวโลก
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา