30 เม.ย. 2020 เวลา 09:47 • ไลฟ์สไตล์
ศิลปะการปฏิเสธพนักงาน (โทร)ขายประกัน (และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ) EP.1
หลายคนอาจจะเคยเจอสถานการณ์เดียวกับผม ที่นั่งทำงานหรือใช้ชีวิตปกติอยู่ดี ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักเข้ามา
แม้จะชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ เพราะใจหนึ่งก็แอบระแวงว่าเป็นสายจากเจ้าหนี้หรือเปล่า (ฮ่า) แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะเป็นคนรู้จัก เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือใครก็ตามที่ใช้เบอร์ซึ่งไม่ได้บันทึกไว้โทรมาเพื่อติดต่องานหรือธุระจำเป็นอื่น ๆ จึงตัดสินใจกดรับสาย
1
แล้วจึงได้ประจักษ์ว่า เจ้าของสายต้นทางที่โทรมามิใช่ผู้ที่คาดเดาไว้ หากแต่เป็นเสียงใส ๆ ของหญิงสาว (ที่คาดว่าจะ) สวย ซึ่งทักทายชื่อเสียงเรียงนามเราถูกต้องราวกับเป็นแฟน (คลับ)
และหลังจากแนะนำตัวว่ามาจากบริษัทนู่นนี่นั่นแล้ว โดยไม่อารัมภบทยืดยาว สาวเจ้าก็เข้าสู่ประเด็นนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพทันที
ภาระกรรมจึงบังเกิดแก่ตัวผู้รับสายที่มิรู้ว่าจะบ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธอย่างไรแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น สุดท้ายต้องตกกระไดพลอยฟังสาวเจ้าพรรณนาไปจนจบ และจับพลัดจับผลูอาจจะได้กรมธรรม์ประกันชีวิต ประกันภัย หรือประกันสุขภาพมาแบบงง ๆ ก็เป็นได้
ถ้าคุณเคยหรือกำลังยุ่งยากใจกับปัญหาเหล่านี้ ทางทีวีไดเร็ค เอ๊ย! ทางกระผม เจ้าของนามปากกา 31singha คนหน้าตาดีแม้ไม่มีใครเห็น ขอแบ่งปันประสบการณ์การรับมือสถานการณ์ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคุณผู้อ่านที่อาจจะนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิเสธการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์แบบมิให้ต้องขุ่นข้องหมองใจกัน ดังนี้
1. รับสาย อย่าบ่ายเบี่ยง
ไม่รู้ว่ามีใครเคยคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ ที่คิดว่า เมื่อหน้าจอโทรศัพท์แสดงเบอร์โทรที่ไม่รู้จักหรือคุ้นตา โดยเฉพาะเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 02 - ซึ่งบางเบอร์อาจจะจำได้ว่าเคยโทรมาเสนอขายผลิตภัณฑ์แล้ว อันเป็นหมายเลขที่ไม่ประสงค์จะสืบสานสัมพันธไมตรีทางการทูตต่อไป ก็แค่ไม่รับสาย เดี๋ยวคนที่โทรมาก็เลิกราไปเอง
แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนแผนนั้นจะใช้ไม่ได้เสมอไปแล้ว เพราะสายเรียกเข้าจากหมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย 02 - นั้นไม่อาจตัดสินได้ว่าเป็นเบอร์โทรมาขายประกัน โทรแจ้งยอดค้างชำระของบริการต่าง ๆ ทุกครั้งไป อาจเป็นหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านอื่น ๆ ที่โทรมาแจ้งสิทธิหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็ได้
ในขณะที่กลยุทธ์ของพนักงานเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์ หรือแม้แต่โทรทวงถามการชำระค่าบริการต่าง ๆ ทุกกวันนี้ หลายรายก็เปลี่ยนมาใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เสมือนว่าเป็นเพื่อน ลูกค้า หรือบุคคลธรรมดาทั่วไปที่โทรเข้ามาติดต่อธุระ ซ้ำยังมีหมายเลขหมุนเวียนไม่ซ้ำกันราวกับเกรงว่าจะถูกจดจำได้ ทำให้บางครั้งเราเองก็ไม่สามารถแยกได้ว่าสายใดเป็นสายที่จำเป็นต้องรับ
ดังนั้นเพื่อมิให้ต้องคิดมากจนอาจมีอาการทางประสาทถามหา ก็รับสายไปเถอะครับ และผมก็ไม่แนะนำให้รับสายในลักษณะเพื่อตัดบทหรือบ่ายเบี่ยง เป็นต้นว่า ติดประชุมอยู่ ติดงานอยู่ ยังไม่สะดวกคุย หรือประโยคอื่น ๆ ที่สื่อความหมายให้เข้าใจว่า ให้ติดต่อใหม่ภายหลัง โดยหวังว่าบ่ายเบี่ยงบ่อยเข้าผู้ฟังคงจะถอดใจไปเอง ซึ่งเมื่อก่อนผมเคยใช้แผนนี้บ่อย (แหะ ๆ)
แต่ต่อมาได้เรียนรู้ว่า แผนแบบนั้นเก็บไว้ใช้บ่ายเบี่ยงหนุ่มหรือสาวที่ตามตื้อตามจีบคุณดีกว่า เพราะคาดว่าไม่น่าจะใช้ได้ผลกับพนักงานเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์ เนื่องจากเคยได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เคยทำงานลักษณะนี้ ว่า ระบบงานต้องมีการติดตามลูกค้า ไม่สามารถทิ้งกลางครันได้ โดยเฉพาะในกรณีลูกค้าผัดผ่อนทางโทรศัพท์ซึ่งมีการบันทึกเสียง
ดังนั้น การบ่ายเบี่ยงแบบนั้นก็ไม่ต่างจากการสร้างพันธะผูกพันให้พนักงานต้องติดตาม ทางที่ดีจึงควรปฏิเสธให้ชัดเจนเสียในคราวเดียว
2. ฟังก่อน ตัดรอนทีหลัง
ฮะแฮ่ม! เหลือบมองเนื้อหาที่ร่างไว้ ดูเหมือนจะยาวเกินไปถ้าจะนำเสนอคราวเดียวทั้งหมด งั้นขออนุญาตเชิญติดตามต่อ EP.2 นะครับ 😄
ขอบคุณภาพหน้าปกและภาพประกอบบทความจาก Pixabay และ Freepik
โฆษณา