30 เม.ย. 2020 เวลา 09:54 • ไลฟ์สไตล์
ศิลปะการปฏิเสธพนักงาน(โทร)ขายประกัน (และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ) EP.2
ความเดิมตอนที่แล้ว
2. ฟังก่อน ตัดรอนทีหลัง
ความเห็นส่วนตัวของผม ก่อนจะปฎิเสธใคร อย่างน้อยก็ควรจะให้โอกาสเขาได้พูดได้อธิบายข้อเท็จจริงหรือเหตุผลของเขาก่อน เช่นเดียวกับหากจะปฏิเสธการขายทางโทรศัพท์ ก็ไม่ควรด่วนตัดบทตั้งแต่ต้นเสียทีเดียวเลย เพราะอาจกลายเป็นเหตุผลในการตามตื้อของอีกฝ่ายโดยอ้างว่า เรายังไม่ทันได้ฟังข้อเสนอแต่กลับชิงปิดกั้นโอกาสเสียก่อน ฟัง ๆ ดูเหมือนจะกลายเป็นคนใจแคบไปซะอีก
ดังนั้น ถ้าไม่คิดว่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ ก็เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายนำเสนอข้อมูลที่เตรียมมาตามที่ต้องการ เมื่อคิดว่าได้รับฟังเพียงพอต่อการพิจารณาตัดสินใจแล้ว จึงค่อยปฏิเสธ ซึ่งจะช่วยเพิ่มน้ำหนักของคำปฏิเสธว่าผ่านการพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับแล้ว มิใช่การหลับหูหลับตาตัดบท
3. พี่มีเหตุผล ขอหน้ามนจงเข้าใจ
เนื่องจากคำปฏิเสธนั้นเป็นปฏิกิริยาด้านลบ ซึ่งอาจมีผลต่อความรู้สึกอันละเอียดอ่อน ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรใช้เหตุผลเข้ามาช่วยบรรเทา โดยอาจอธิบายเหตุผลที่ไม่รับข้อเสนอหรือไม่ซื้อผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ตอนนี้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกันอยู่เดิมแล้วยังไม่ประสงค์จะซื้อเพิ่มอันจะเป็นการซ้ำซ้อน ยังไม่พร้อมจะตัดสินใจในขณะนั้น หรือบางคนอาจจะมีเหตุผลติดตลก เช่น ถามภรรยาแล้วเธอไม่อนุมัติ ซึ่งต้องตามใจเพราะเงินที่จะใช้ถูกเก็บไว้ที่เธอ ดังนี้เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ สิ่งที่พึงระลึกคือ ต้องมั่นใจว่าเหตุผลที่ยกขึ้นเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธนั้นมีน้ำหนักมากพอที่จะใช้ตั้งรับแรงออดอ้อนจากอีกฝ่าย ที่เชื่อแน่ว่าเมื่อได้รับคำปฏิเสธแล้วจะต้องปฏิบัติการจิตวิทยาด้วยการพยายามโน้มน้าวจิตใจให้กลับไปพิจารณาข้อเสนอนั้น ซึ่งเราก็คงต้องยืนยันให้ฝ่ายนั้นเห็นว่า เธอ(หรือเขา) ไม่ต่างจากเพลงของพี่เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ในอัลบั้มแรก ๆ คือ "ไม่อาจเปลี่ยนใจ" เราได้ (เพลงบอกอายุเลยทีเดียวเชียวนะ 😄)
4. ดราม่าเข้าช่วย ให้คนสวยหยุดเถอะนะ
ข้อนี้เป็นประสบการณ์ขำ ๆ จากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ (ที่จริงตามอายุก็เป็นรุ่นพ่อได้แหล่ะ) คนหนึ่งในการปฏิเสธการเสนอขายทางโทรศัพท์ คือ ครั้งหนึ่งแกได้รับโทรศัพท์เสนอขายผลิตภัณฑ์ แกก็อาศัยความเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีอายุซึ่งสามารถสนทนาแบบตรงไปตรงมา ตอบพนักงานขายไปว่า "ลุงไม่มีตังค์หรอกหนูเอ๊ย"
พนักงานขายก็ยังอุตส่าห์โปรยยาหอมหว่านล้อมต่อ
"แพ็คเกจนี้เป็นราคาพิเศษสุดคุ้มที่เราคัดสรรมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษอย่างท่านเลยนะคะ แหม...ระดับท่านแล้ว แค่ไม่กี่ร้อยนี่น่าจะเป็นค่าใช้จ่ายแบบสบาย ๆ อยู่แล้วนะคะ"
และทำท่าจะชักแม่น้ำอีกมากกว่าห้าสาย ถ้าลุงแกไม่ตอบไปก่อนอย่างทันควันว่า "อย่าว่าไม่กี่ร้อยเลย...ตอนนี้มีติดตัวไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ หนูโทรมาก็ดี พอจะมีให้ลุงยืมสักห้าร้อยมั้ย อีกไม่กี่วันสิ้นเดือนเดี๋ยวโอนคืนให้"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึ้งไป ลุงแกก็เลยรุกด้วยการเป็นฝ่ายร่ายต่อ "ไม่มีก็ไม่เป็นอะไรนะลุงเข้าใจ คนทำงานเป็นลูกน้องเขาเหมือนกัน ปัญหามันเยอะ ไหน ๆ คุยกันแล้วเดี๋ยวลุงจะพูดให้ฟัง...."
จากนั้นแกก็เริ่มสาธยายปัญหาชีวิต ทั้งเรื่องบ้าน เรื่องการทำงาน เรื่องครอบครัว ปัญหาสุขภาพและการเงิน ซึ่งผมฟังแล้วก็น่าจะมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องปรุงแต่งเพิ่มความดราม่า
จนท้ายสุดพนักงานต้องยอมเป็นฝ่ายถอย โดยมิวายหว่านยาหอมทิ้งท้าย " ไว้โอกาสหน้าหวังว่า ...(ชื่อบริษัท)...จะได้ดูแลคุณลูกค้านะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ"
มาถึงบรรทัดนี้ อาจจะมีผู้อ่านบางท่านที่ทำงานลักษณะนี้มองค้อนใส่หน้าจอหลายตลบแล้ว ก็ขอทำความเข้าใจนะครับว่า ผมไม่ได้มีอคติหรือสนับสนุนให้ปฏิเสธการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์ หรือแม้แต่ช่องทางอื่น ๆ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละท่านที่จะพิจารณาเลือกรับผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์สำหรับตนเอง
หากแต่บทความนี้เกิดจากความเข้าใจเห็นใจผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่อาจจำต้องรับเอาผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือความจำเป็นเพียงเพราะความเกรงใจและไม่รู้จะศิลปะใดในการปฏิเสธ จึงได้นำเอาประสบการณ์มาแบ่งปันกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมมิเคยปิดกั้นการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์นะครับ
ไม่ทันขาดคำ มีสายเรียกเข้าเบอร์แปลก ๆ เข้ามาอีกแล้ว ขอตัวไปรับสายก่อนนะครับ 😁😄😃
ขอบคุณภาพประกอบจาก Freepik และ Pixabay
โฆษณา