4 พ.ค. 2020 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
ดอกบัวคู่ ยาสีฟันที่เกิดจากชายผู้ล้มเหลวมาทั้งชีวิต
ยาสีฟันสมุนไพร ที่มีสีเนื้อยาและรสชาติแปลกๆ
แต่ดันมากับสรรพคุณที่เหนือคาด จนหลายคนที่ใช้
จากปวดฟัน ปวดเหงือก แปรงไม่กี่วัน ก็รู้สึกดีขึ้น
นอกจากคุณภาพสินค้าที่เกินคาดแล้ว รายได้ของดอกบัวคู่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด
ปี 2559 มีรายได้ 885 ล้านบาท กำไร 47 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 1,053 ล้านบาท กำไร 65 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 1,288 ล้านบาท กำไร 23 ล้านบาท
ยาสีฟันสมุนไพรไทยบ้านๆ กลับสร้างรายได้หลักพันล้านไม่แพ้ธุรกิจใหญ่อื่นๆ เลย
แถมรายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกๆ ปี
จริงๆ แล้ว ดอกบัวคู่ไม่ได้มีแค่ยาสีฟัน
ยังมีผลิตภัณฑ์แปรงสีฟัน, น้ำยาบ้วนปาก, โลชั่นทาผิว, เจลอาบน้ำ, สบู่สมุนไพร, แชมพู, ครีมนวดผม, เครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ดอกบัวคู่
และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราบุญ
นอกจากนี้ดอกบัวคู่ ยังแตกไลน์ไปทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทภายใต้ชื่อ Twin Lotus Hotel
ซึ่งผู้ให้กำเนิด ตำนานยาสีฟันสมุนไพรนี้ คือคุณบุญกิจ ลีเลิศพันธ์
บรรพบุรุษของคุณบุญกิจ เป็นชาวจีนแซ่ลี้ ที่อพยพจากเมืองซัวเถา
มาเปิดร้านขายขนมเปี๊ยะ และร้านขายของชำที่ตลาดปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
แต่ช่วงที่คุณบุญกิจ เรียนอยู่ชั้นประถม เขาต้องย้ายตามพ่อแม่มากรุงเทพฯ
เนื่องจากร้านค้าที่บ้านค้าขายขาดทุนจนต้องปิดกิจการ
พออายุได้ 17 ปี คุณบุญกิจก็มีความคิดว่าไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร
เลยเลือกเดินบนเส้นทางการเป็นนายของตัวเอง
อย่างไรก็ดี เส้นทางนี้ก็ไม่ง่าย
เขาเริ่มค้าขายตั้งแต่ผลไม้ต่างๆ ทุเรียน ส้มเขียวหวาน เลี้ยงไก่ ทำสารพัดกิจการ
รวมถึงทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกันหมด ทำอะไรก็เจ๊ง..
ชีวิตของเขาจึงพบกับการขัดสนตลอดเวลา
แม้แต่ตอนที่พ่อเสียชีวิต เขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าฝังศพพ่อตัวเองด้วยซ้ำ
ต้องทำฟาร์มไก่นานถึง 3 ปี กว่าจะมีเงินค่าทำศพ
ถึงแม้เขาจะทำธุรกิจเจ๊งนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้และล้มเลิกเลยสักครั้งเดียว
คุณบุญกิจ ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยพาภรรยาของเขา คุณสุนันทา
กลับบ้านเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช
และหันมาเอาดีทางด้านสมุนไพร โดยศึกษาเรื่องยาสมุนไพร จากคุณตาที่มีอาชีพเป็นหมอแผนโบราณ
เขาศึกษาตำราสมุนไพรอันเป็นของตกทอดจากบรรพบุรุษอย่างจริงจัง
และฝึกปรุงยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน จนชำนาญ
เส้นทางอาชีพขายสมุนไพรของเขาเหมือนจะไปได้ด้วยดี
ยาขายได้มากขึ้นเรื่อยๆ ฐานะเขาเริ่มมั่นคง มีรถยนต์ส่งยาสมุนไพรออกไปขายตามชุมชนต่างๆ
แต่สุดท้ายเขาก็มีปัญหากับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
เนื่องจากยาของเขาไม่มี อย. เลยต้องเลิกกิจการขายสมุนไพรไป
และก็เหมือนกับทุกครั้ง คุณบุญกิจ ก็ไม่ยอมแพ้อีกเช่นเคย
เขาตัดสินใจย้ายกับมากรุงเทพฯ เพื่อ “เริ่มต้นใหม่” อีกครั้ง
ในตอนนั้นเขาคิดว่า ประเทศไทยยังไม่มีแบรนด์ยาสีฟันสมุนไพรของคนไทยเลย
มีแต่ยาสีฟันที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่ยาสีฟันสมุนไพรล้วน แถมยังมีราคาแพง
ช่องว่างตลาดนี้ จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ
และไหนๆ ก็มีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เขาจึงเดินหน้าพัฒนายาสีฟันสมุนไพร
โดยสมุนไพรไหนมีสรรพคุณรักษาฟันและเหงือก เขาทดลองเอามาผสมหมด
เมื่อวิจัย ลองผิดลองถูกอยู่นาน
จนในที่สุด ก็ได้ผลลัพธ์เป็นยาสีฟันที่หลอมรวมสมุนไพรกว่า 10 ชนิด แบรนด์ “ดอกบัวคู่”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีสารฟอกสีหรือเคมีใดๆ
เลยทำให้เนื้อยาสีฟันนั้น มีสีเหมือนกาแฟ..
ในตอนนี้ สีกาแฟจะเป็นเอกลักษณ์ของดอกบัวคู่ ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของสินค้า
แต่ในตอนนั้น มันคือความแปลกประหลาด
เพราะยาสีฟันยี่ห้ออื่นในตลาด ล้วนมีสีขาวสะอาดน่าใช้กันทั้งนั้น
ขนาดญาติพี่น้อง รวมถึงภรรยาของคุณบุญกิจ ก็ไม่มีใครกล้าทดลองใช้
ซึ่งพอเริ่มวางจำหน่าย ผลตอบรับก็อย่างที่คาดเดากันได้
ยาสีฟันดอกบัวคู่ แทบขายไม่ออก
คุณบุญกิจ เดินสายไปอ้อนวอนร้านค้าต่างๆ เพื่อฝากขายยาสีฟัน
แต่ก็ไม่มีร้านไหนอยากรับสินค้าที่ยี่ห้อไม่คุ้นหู แถมสียายังแปลกตาอีกต่างหาก
เขาเลยต้องแจกยาสีฟันฟรีให้ร้านค้าต่างๆ ไปทดลองใช้ดูก่อน
แล้วบอกว่า ถ้าใช้ดี ก็ค่อยบอกต่อ
ด้วยความที่สินค้าดีจริง จึงเกิดกระแสบอกปากต่อปากกันเรื่อยมา
และดอกบัวคู่ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น
พอกระแสเริ่มมา ดอกบัวคู่ก็เดินสายโฆษณา
ตั้งแต่ออกโฆษณาทางวิทยุ และโทรทัศน์
ตัวอย่างโฆษณาก็เช่น ชุดโฆษณา “ดำแต่ดี”
ที่สื่อถึงว่า ดอกบัวคู่ เป็นยาสีฟันที่มีดีมากกว่าแค่รูปลักษณ์ภายนอก
รวมถึงกระจายสินค้าไปวางตามโมเดิร์นเทรดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
บวกกับหลายปีต่อมา บรรดาสถาบันและองค์กรต่างๆ ได้ลองเอาดอกบัวคู่มาวิเคราะห์ดู
แล้วพบว่า ยาสีฟันมีสรรพคุณช่วยบำรุงและปกป้องเหงือกและฟันได้อย่างดี
เมื่อสินค้าดี การตลาดทั่วถึง และผู้บริโภคมีความมั่นใจ
ส่วนผสมเหล่านี้ จึงทำให้ยอดขาย และกิจการของดอกบัวคู่เติบโตตลอดมา
ดอกบัวคู่ มีการส่งออกสินค้าไปตีตลาดในจีน, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว และในตะวันออกกลาง
และกำลังขยายตลาดสู่ประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี, เยอรมนี, อังกฤษ
ซึ่งตลาดจีน เป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่สุดของดอกบัวคู่
มีการตั้งบริษัทในจีนโดยเฉพาะ เพื่อดูแลธุรกิจดอกบัวคู่ในจีนทั้งหมด
สินค้าที่ขายในจีน ได้แก่ ยาสีฟันสมุนไพร แปรงสีฟัน แชมพูสมุนไพร และเครื่องดื่มรังนกแท้สำเร็จรูป
ซึ่งยอดขาย 90% มาจากช่องทางออนไลน์ เช่น Alibaba, Tmall
 
ในประเทศไทย สัดส่วนรายได้ของดอกบัวคู่จะมาจากผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 75%, เครื่องดื่มรังนก 13% และอื่นๆ 12%
ในขณะที่จีน จะมาจากเครื่องดื่มรังนก 80%, ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 10% และอื่นๆ 10%
1
ปัจจุบันกิจการดอกบัวคู่ บริหารงานโดยทายาทรุ่นที่ 2
ลูกๆ ทั้ง 5 คนของ คุณบุญกิจ และคุณสุนันทา
โดยคุณปิติ ดูแลด้านการตลาด
คุณจิตรดา ดูแลเรื่องบัญชีและการเงิน
คุณบัณฑิต ดูแลด้านโรงงานและการผลิต
คุณกำธน ดูแลธุรกิจในประเทศจีน
คุณจักรพรรดิ์ ดูแลธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท
ซึ่งเรื่องราวของดอกบัวคู่ ให้แรงบันดาลใจที่ว่า
ถ้าคุณบุญกิจ เลือกยอมแพ้ให้กับชีวิต และหยุดเดินหน้าต่อ
หลังจากประสบกับความล้มเหลวทางธุรกิจ แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม
 
วันนี้ ก็คงจะไม่มียาสีฟันแบรนด์ “ดอกบัวคู่” ให้คนไทยและทั่วโลกได้ลองใช้กัน..
โฆษณา