9 พ.ค. 2020 เวลา 05:32 • ธุรกิจ
สิ่งที่ #นักลงทุนทั่วโลกควรกลัวมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องของไวรัสโควิดอีกต่อไป... แต่กำลังเป็นความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีน 🇺🇸⚔️🇨🇳 สองประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลก
🦠 ไวรัสโควิดจะมีการระบาดเฟส 2 หรือไม่ ? จะมีการกลายพันธ์หรือไม่ ? การทยอยเปิดเมืองต่างๆทั่วโลกอีกครั้งนั้นจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากหรือน้อยแค่ไหน ? เป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะยังต้องใช้เวลาอีกซักพักกว่าจะเห็นผลจริงๆ แต่ตลาดก็ได้รับรู้โอกาสและความเป็นไปได้เข้าไปเยอะมากแล้ว
นักลงทุนในตลาดเชื่อว่าไวรัสโควิดอาจมีผลทำให้ตลาดหุ้นไม่ได้กลับขึ้นมาโตได้เร็วเหมือนแต่ก่อนหรืออาจจะมีการโดนเทขายจนตลาดย่อลงมาอีกรอบ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครคิดว่าไวรัสนี้จะทำให้ตลาดนั้นโดนเทขายลงไปมากกว่าจุดต่ำสุดของปีได้ เพราะยารักษาไวรัสนั้นกำลังมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ยังมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นแต่อัตราการเสียชีวิตนั้นค่อยๆลดลงแล้ว #ภาพสถานการณ์ที่แย่ที่สุดของไวรัสที่ตลาดเคยกลัวไว้ได้ผ่านไปแล้ว (สิ่งที่ตลาดกลัวและคาดไว้นะครับ ไม่ใช่ที่เกิดขึ้นจริงๆ)
#แต่ในทางตรงกันข้าม ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนนั้นกำลังเป็นปัจจัยใหม่ที่คลืบคลานเข้ามาในตลาดอย่างช้าๆ นักลงทุนส่วนมากยังไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ และตลาดยังคาดเดาไม่ได้ว่าผลกระทบนั้นจะบานปลายไปถึงขั้นไหน ...
หากเทียบกับเรื่องไวรัสที่ได้ผ่านจุดที่พีคที่สุดมาแล้ว... #ความตึงเครียดของสองประเทศมหาอำนาจกำลังเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ
📌 ความตึงเครียดระหว่าง 🇺🇸 สหรัฐ และ 🇨🇳 จีนเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ทางเราได้เขียนบทความถึงความขัดแย้งที่ค่อยๆบานปลายขึ้นมา 3 บทความแล้วนะครับ เดี๋ยวจะ Link รายละเอียดไว้ให้ใน Comment อีกทีนะครับ
แต่คร่าวๆคือทางประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ มีความสงสัยว่าจีนจะอยู่เบื้องหลังการปล่อยให้ไวรัสนี้ระบาดเข้ามาในสหรัฐ โดยอาจตั้งใจสร้างความปั่นป่วนในประเทศ พยายามทำให้ทรัมป์นั้นสูญเสียคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ #ซึ่งหากจีนเป็นคนตั้งใจทำจริงๆ มันก็กำลังได้ผลดีมากครับ เพราะมันทำให้ไวรัสระบาดในสหรัฐนั้นรุนแรงที่สุดในโลก ผู้คนล้มป่วยเกินกว่าล้านคน เสียชีวิตไปเกือบแสนคน ตกงานไป 30 ล้านคน และยังไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อีกหลายร้อยล้านคนนั้น #ทำให้คะแนนเสียงที่เคยนำโด่งของทรัมป์ตอนนี้นั้นกลับกำลังเป็นรองผู้ท้าชิง อย่าง โจ ไบเดนแล้ว
ส่งผลให้ทางทรัมป์นั้นไม่พอใจมากๆ และได้ส่งสายสืบทุกๆหน่วยงานของสหรัฐอย่าง CIA, NSA และ DIA เข้าไปสืบว่าทางจีนตั้งใจปล่อยไวรัสออกมาจริงๆหรือ และไวรัสนั้นเป็นการพัฒนามาจากห้อง Lab ทดลองจริงๆหรือ ? ไม่ใช่มาจากตลาดค้าสัตว์ป่าอย่างที่จีนเคยแถลงไว้
โดยในที่สุดทางทรัมป์ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า #สหรัฐมีหลักฐานทั้งหมด ที่แสดงให้เห็นว่าจีนอยู่เบื้องหลังการปล่อยไวรัสในครั้งนี้ ! เขากำลังเตรียมที่จะนำมันออกมาเปิดเผยแน่ๆ แต่ตอนนี้ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะลงโทษทางจีนอย่างไรดี อาจจะทำการเริ่มสงครามการค้ากับจีนอีกรอบโดยการเพิ่มภาษีขึ้นอีกรอบก่อนก็เป็นได้
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ถึงแม้ตัวแทนหัวหน้าการค้าจากสหรัฐและจีนจะได้มาพบปะหารือถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าเฟสแรกเพราะดูท่าจีนจะไม่สามารถนำเข้าสินค้าของสหรัฐได้ตามสัญญา แต่เมื่อจบการประชุมทั้งสองฝั่งก็บอกว่าการคุยเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทรัมป์กลับออกมากล่าวว่า " #เขาก็ยังไม่พอใจทางจีนอย่างมาก " แสดงให้เห็นชัดเลยว่าความขัดแย้งกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ...
📌 ผลกระทบความขัดแย้งจะบานปลายไปแค่ไหน ?
หากผลกระทบในครั้งนี้จะบานปลายไปเป็นสงครามการค้ากับจีนรอบ 2 จริงอยู่ว่าผลกระทบมันน่าจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจุดต่ำสุดของปีอีกครั้ง เพราะประเทศมหาอำนาจทั้งสองคุม GDP ของโลกอยู่เกือบ 40% แล้ว และความขัดแย้งทางการค้าจะทำให้เศรษฐกิจซึมไปอีกยาวๆ แต่ถ้าเป็นแค่นี้จริงๆก็ถือว่า #เป็นโชคดีต่อตลาดมากๆแล้ว
เพราะลองนึกดูสิครับ... หากมีประเทศไหนจงใจปล่อยไวรัสออกมาทำให้ประเทศของคุณต้องมีคนล้มตายไปเกือบแสนคน... มีคนป่วยเป็นล้านคน... คนตกงานกว่า 30 ล้านคน... นี่มันคือความเสียหายที่มากกว่าสงครามอีกนะครับ และคุณคิดว่าบทลงโทษที่สหรัฐจะมีต่อจีนจะไม่มากไปกว่าแค่ #สงครามทางการค้า หรือ ???
หากหลักฐานที่ทรัมป์บอกว่ามีอยู่ในมือนั้นเป็นความจริง... เราอาจจะได้เห็นสงครามรอบใหม่แน่ๆครับ
📌 แต่ไม่ว่าทรัมป์จะพูดจริงๆหรือโกหก... สิ่งที่ตลาดเตรียมตัวรับมือไว้ได้เลยแน่ๆคือ #จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งสหรัฐนั้นความตึงเครียดนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่ๆครับ ตราบใดที่ทรัมป์ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเก้าอี้สมัยที่สองจะเป็นของเขา
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ 😊
#OilTradingKP
โฆษณา