25 พ.ค. 2020 เวลา 02:35 • ข่าว
FOCUS : บริษัทของจีน 33 แห่งถูกเพิ่มเข้าสู่บัญชีดำของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ ได้ประกาศในวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าพวกเขาจะเพิ่มบริษัทของจีน 33 แห่ง รวมถึงสถาบันอื่น ๆ เข้าสู่บัญชีดำทางเศรษฐกิจ ในข้อหาที่ทำการช่วยเหลือประเทศจีนในการสอดแนมชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยภายในประเทศ
อีกเหตุผลที่สหรัฐฯ ยกมากล่าวอ้างก็คือ "บริษัทบางแห่งมีความเชื่อมโยงกับอาวุธทำลายล้างสูง และกองทัพของจีน"
ความเคลื่อนไหวของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เป็นความพยายามครั้งล่าสุดโดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ ในการปราบปรามบริษัทที่ผลิตสินค้าซึ่งเข้าข่ายว่าจะใช้ในการสนับสนุนกองทัพของจีน
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังกล่าวว่ามาตรล่าสุด คือการบทโทษที่จีนปฏิบัติโดยละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวมุสลิมกลุ่มน้อยในประเทศ (หมายถึงชาวอูยกูร์)
รายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจมีดังนี้
(1.) บริษัทจีน 7 แห่ง และสถาบันอีก 2 แห่งถูก Backlist ด้วยเหตุผลของการ "ละเมิดสิทธิมนุษยชน กักขังโดยพลการ บังคับใช้แรงงานา และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสอดแนมชาวอูยกูร์"
(2.) บริษัทอีก 24 แห่ง ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐและองค์กรการค้าของจีน ถูก Backlist ด้วยเหตุผลของการ "ให้ความช่วยเหลือหรือจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ให้กับกองทัพของจีน"
(3.) บริษัทที่ถูก Blacklist ส่วนใหญ่สหรัฐฯ จะเน้นบริษัทด้าน A.I. และเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทผลิต Chip ของสหรัฐฯ อย่าง Nvidia และ Intel ลงทุนไปเป็นมูลค่ามหาศาล
(4.) NetPosa ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทด้าน A.I. ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีนก็ถูก Backlist เช่นกัน โดยสหรัฐฯ กล่าวว่าเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าของ NetPosa มีความเชื่อมโยงกับการสอดแนมชาวอูยกูร์
(5.) CloudMinds ซึ่ง Softbank Group เป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่ก็ถูกเพิ่มเข้าสู่ backlist เช่นกัน โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่พัฒนาด้านหุ่นยนต์
(6.) รายชื่อบริษัทอื่น ๆ ที่โดน Backlist สามารถดูได้ที่ลิ้งอ้างอิง (References) ลำดับที่ 3 ในท้ายบทความ
Comment : สำหรับ World Maker นั้นคิดว่ายังมีปัญหาที่ใหญ่มากอีกอย่างหนึ่ง หากสหรัฐฯ คิดจะคว่ำบาตรเศรษฐกิจจีน นั่นก็คือ บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Amazon, Microsoft และ Google ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ Web Services รายสำคัญของจีน
ความหมายตรงนี้ก็คือ ทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว อาจมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเพิกถอนทุกอย่างได้โดยที่สหรัฐฯ ไม่เจ็บตัว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐฯ นั้นมีหลายอย่างที่ยังเพิ่งพากันอยู่ และแน่นอนว่าหากความขัดแย้งของจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปด้วยความรุนแรงที่มากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อโลกใบนี้ จะไม่ใช่น้อย ๆ อย่างแน่นอน
คำถามฝากเป็นการบ้าน : ทำไมสหรัฐฯ ถึงมุ่งเน้นเป้าหมายไปยังบริษัททางด้าน A.I. และเทคโนโลยีของจีน ทำไมไม่เป็นอุตสาหกรรมอื่น ??
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
โฆษณา