6 มิ.ย. 2020 เวลา 14:17 • ท่องเที่ยว
แบกเป้เที่ยวย่าติง The Last Shang Gri-la EP. 1
เราเองได้มีโอกาสไปเที่ยวที่จีนหลายที่ แต่ถ้าจะให้พูดถึงที่ที่เป็นที่สุดในจีนแล้วที่แรกที่นึกถึงก็คงเป็นที่ ย่าติง ซึ่งเป็นที่สุดในหลาย ๆ อย่างเช่น เดินทางลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด แต่ก็สวยที่สุดเช่นกัน ย่าติง(Yading) นั้นมีชื่อเสียงในด้านความสวยงามทางธรรมชาติจนได้ชื่อว่า The Last Shang Gri-la ที่เปรียบความสวยงามดั่งสวนสวรรค์ พื้นที่ตั้งนั้นตั้งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 4,000 เมตร ดังนั้นใครที่วางแผนจะมาเที่ยวที่นี่ควรจะดูแลสภาพร่างกายให้ดีเนื่องจากพื้นที่ความสูงต่างจากที่ไทยมาก เราเองก็มีอาการปวดหัวเป็นอย่างมากเพราะในช่วงแรกร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวได้ โดยพื้นที่อุทยานอยู่ในเขตเมืองเต้าเฉิง มณฑลเสฉวน เริ่มต้นตั้งการเดินทางจาก คุนหมิง ด้วยรถนอนกว่าสิบชั่วโมง ไปแชงกรีล่า แล้วต่อด้วยรถบัสเพื่อไปที่ ย่าติง การเดินทางเส้นนี้ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 2 วัน ย่าติงสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่ช่วงเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะอยู่ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม จะเป็นช่วงเวลาที่น่าไปที่สุดเพราะใบไม้กำลังเปลี่ยนสี ในส่วนของเราเองได้เลือกไปเที่ยวในเดือนตุลาคม ที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีอยู่พอดี ซึ่งเราจะได้เห็นทิวทัศน์ของป่าที่มีส้ม เหลือง แดง สลับกัน ตัดกับวิวของเทือกเขาหิมะที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในสวนสวรรค์เลยทีเดียว
1
แผนที่ภายในอุทยานย่าติง
ภายในอุทยานย่าติง
จุดเริ่มต้นของการเที่ยวภายในอุทยานย่าติง
ด้วยความที่อุทยานย่าติงนั้นมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากการเดินเที่ยวชมอุทยานจึงไม่สามารถเที่ยวได้ภายในวันเดียว จึงต้องวางแผนเที่ยวชมให้ดีตัวเราเองวางแผนเที่ยวไว้สองวัน โดยวันแรกเลือกไปที่ไปง่ายที่สุดก่อนเลยคือ ไป ทะเลสาบไข่มุกก่อนเพราะเส้นทางสั้นสุดและก็เดินง่ายสุด เพราะที่อุทยานนั้นได้ทำเส้นทางเดินไว้ให้นักท่องเที่ยว จึงเดินทางได้ไม่ค่อยลำบาก
ป่าใบไม้เปลี่ยนสีที่มีให้เห็นตลอดทาง
อุทยานทำทางเดินไม้ให้เดินตามเส้นทางเพื่อเที่ยวชมอุทยาน
ที่ย่าติงเราสามารถเห็นวิวสวย ๆ ได้ตลอดทาง
ระยะทางการเดินไปทะเลสาบไข่มุกไปกลับ ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเที่ยวชมประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในระหว่างทางเราจะเห็นธรรมชาติที่สวยงามตลอดทางที่มีป่าใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับภาพวิวของภูเขาหิมะที่เป็นฉากอยู่ด้านหลัง ทำให้ต้องแวะถ่ายรูปตลอดทาง แต่เราแนะนำว่าอย่าเสียเวลามากนะเพราะข้างหน้ามีที่ให้ถ่ายรูปสวย ๆ อีกเยอะ
ระหว่างทางสามารถเห็นศาลาพักได้ตลอดทางไปทะเลสาบไข่มุก
ป่าใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับภูเขาหิมะระหว่างทางไปทะเลสาบไข่มุก
ในเส้นทางเดินที่จะไปทะเลสาบไข่มุกเราจะผ่าน วัดชงกู่ (Chonggu Temple) ซึ่งเป็นวัดทิเบตที่ตั้งอยู่ภายใน อุทยานย่าติง โดยจุดประสงค์ในการสร้างวัดแห่งนี้ก็เพื่อเป็นที่สักการบูชาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้าใครอยากจะเข้าไปทำบุญไหว้พระก็สามารถเข้าไปได้นะ
วัดชงกู่ (Chonggu Temple) วัดทิเบตที่ตั้งอยู่ภายใน อุทยานย่าติง
ภายในวัดชงกู่ (Chonggu Temple) วัดทิเบตที่ตั้งอยู่ภายใน อุทยานย่าติง
วิวทิวทัศน์ที่สามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง
หลังจากเดินเที่ยวชมหลายชั่วโมงในที่สุดเราก็มาถึงทะเลสาบไข่มุก ซึ่งวิว ทิวทัศน์ที่สลับกับป่าใบไม้เปลี่ยนสีก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ
ถึงแล้วทะเลสาบไข่มุก
น้ำในทะเลสาบนิ่งมากทำให้เห็นภาพสะท้อนได้อย่างชัดเจน
ถ้าเรามาได้ถูกเวลา ในจังหวะแสงที่เหมาะสมเราก็จะได้เห็นภาพของภูเขาหิมะและป่าใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนลงบนน้ำของทะเลสาบ ด้วยความที่น้ำของทะเลสาบนั้นนิ่งมาก จึงให้ความรู้สึกถึงเหมือนการมองภาพสะท้อนในกระจกเลยทีเดียว
นักแสวงบุญที่มาสักการะที่ย่าติง
หลังจากถ่ายภาพจนสมใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมร่างกายเพื่อจะไปเที่ยวต่อในวันที่สอง โดยรวมแล้วในวันแรกที่ย่าติง เราประทับใจกับความสวยงามทางธรรมชาติของที่นี่เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นความสวยของป่าใบไม้เปลี่ยนสี ภาพของทะเลสาบที่เราสามารถเห็นเงาสะท้อนของภูเขาหิมะ ซึ่งของจริงสวยกว่าที่เอามาฝากในภาพถ่ายไว้มาก เรื่องเล่าที่ย่าติงยังไม่จบนะครับ ไว้มาติดตามอีกที EP.2 นะครับ
https://www.blockdit.com/articles/5ee5caa20b04460c953b2ff6 ตามต่อ EP. 2 นะครับ
1
@ ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง
โฆษณา