14 มิ.ย. 2020 เวลา 08:22 • ท่องเที่ยว
แบกเป้เที่ยวย่าติง The Last Shang Gri-la EP. 2
ก็มาถึง EP.2 แล้วนะครับ โดยในวันนี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์การเที่ยวที่ย่าติงในวันที่ 2 วันนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมตัว โดยเส้นทางที่จะเดินไปในวันที่สองก็คือ ทะเลสาบน้ำนมและทะเลสาบห้าสี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ระยะเดินทางรวมไปกลับแล้วประมาณ 10 กิโลเมตร ระยะทางจะเป็นการเดินขึ้นเขาที่สูงชันและจะไม่มีทางเดินไม้เหมือนในวันแรกที่ทางเดินไม่ลำบากมากนัก ระหว่างเส้นทางเราจะผ่าน ทุ่งหญ้าลั่วหรง (Luorong Pasture) ซึงเป็นทุ่งหญ้าเปลี่ยนสีที่โอบล้อมด้วยภูเขาขนาดใหญ่ และจัดว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการที่จะชม ภูเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์
ทุ่งหญ้าลั่วหรง (Luorong Pasture)
<b>ทุ่งหญ้าลั่วหรง (Luorong Pasture)</b>
ด้วยความที่เส้นทางไปค่อนข้างเดินทางได้ลำบาก ถ้าใครที่มาแล้วไม่อยากเดินให้เหนื่อยหรือคิดว่าไม่สามารถเดินทางให้ไปถึงทะเลสาบน้ำนมและทะเลสาบห้าสีได้ ที่นี่มีบริการให้ขี่ม้าขึ้นไปได้ด้วยนะ ค่าบริการประมาณ 300 หยวน ประมาณ 1200 บาทไทย สามารถต่อรองกับเจ้าของม้าได้ (เท่าที่ถาม 300 หยวนน่าจะต่ำสุดแล้ว) แต่เราเลือกที่จะเดินนะเพราะเราคิดว่าเดินไหวอยู่แล้วแค่ไปกลับ 10 กิโลเอง
การเดินขึ้นเขานั้นนอกจากที่ต้องเดินระวังคนด้วยกันเองแล้วก็ต้องระวังม้านี่แหละ เพราะมีม้าขึ้นลงไปกับเราเป็นจำนวนมาก เราเองก็โดนชนเกือบล้มไปหลายรอบ(ด้านข้างก็เป็นเหวด้วยนะ)
เส้นทางเดินขึ้นค่อนข้างลาดชัน
ซึ่งการเดินทางเราไปเป็นกลุ่มกับพี่ ๆ ซึ่งในช่วงแรก ๆ ก็จะเดินเกาะกลุ่มกัน แต่ตอนหลังก็จะเดินตามจังหวะของตัวเองไม่ต้องมีใครรอใคร โดยนัดแนะให้ไปเจอกันตรงจุดหมายเลย ด้วยความเบาบางของอากาศดังนั้นนอกจากการเตรียมอาหารและน้ำดื่มใส่เป้ของเราแล้วอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ต้องมีก็คือกระป๋องออกซิเจน เพื่อที่จะช่วยให้บรรเทาอาการเหนื่อยล้าของเราอันเนื่องมาจากอากาศไม่พอ
กระป๋องอากาศที่ต้องกติดตัวไว้
การเดินที่นี่เราว่ามันเหนื่อยจริง ๆ เราคิดว่าเกิดจากการที่ร่างกายเรายังปรับตัวให้เข้ากับภูมิประเทศที่สูงมากกว่าระดับน้ำทะเลมาก ๆ ยังไม่ค่อยได้ เลยเดินขึ้นประมาณว่าก้าวสิบก้าวพักหนึ่งครั้ง พอพักเราก็จะมีโอกาสหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปได้หนึ่งครั้ง ซึ่งความสวยงามของที่นี่ไม่ว่าจะถ่ายไปข้างตามทางที่เรากำลังจะไปหรือหันกลับมาถ่ายภาพผ่านทางที่เราผ่านมาเราก็จะได้ภาพที่สวย ๆ ตลอด เรียกได้ว่าสามารถหาภาพสวย ๆ ได้ตลอดทางเลยล่ะ
วิวทิวทัศน์ที่สามารถถ่ายรูปได้ตลอดทาง
ปีนเขาขึ้นมาสูงมาก ๆ
ต้องถ่ายรูปด้วยความระมัดระวังนะครับ เพราะข้างล่างเป็นเหว
เมื่อเดินมาจนเห็นธงหลากสีหรือธงมนต์ เยอะ ๆ ก็แสดงว่าเราเดินใกล้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วล่ะ ที่นี่เราจะเห็นธงมนต์เยอะมาก ธงมนต์นั่นเป็นความเชื่อของชาวธิเบตที่เชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ ด้วยการนำธงมนต์มาติดไว้ในที่ที่อยู่สูงมีลมพัดแรง ตามความเชื่อนั้นเชื่อว่าเป็นการที่ลมจะพัดพาความเคราะห์ร้ายหรือสิ่งไม่ดีไป หลังจากที่เราเจอธงมนต์เยอะ ๆ แล้วเราจะสามารถเลือกไปทางราบไปทะเลสาบน้ำนมหรือจะเดินขึ้นเขาไปทะเลสาบห้าสีก็ได้ เราเลยเลือกไปทางราบก่อนเลยมุ่งหน้าไปทะเลสาบน้ำนมก่อน
เห็นทะเลสาบน้ำนมอยู่ข้างหน้าแล้ว
หลังจากเดินทางด้วยความยากลำบากเราก็มาถึงทะเลสาบน้ำนมแล้ว ซึ่งความสวยงามของที่นี่ก็สวยงามมากจริง ๆ กับภาพวิวทะสาบน้าสีฟ้าใสที่อยู่ตรงหน้านั่น ของจริงสวยกว่าในภาพมาก
ทะเลสาบน้ำนม
ทะเลสาบน้ำนม
ทะเลสาบน้ำนม
ทะเลสาบน้ำนม
หลังจากชมความสวยงามที่ทะเลสาบน้ำนมเสร็จ เราก็สามารถเดินย้อนขึ้นไปที่ทะเลสาบห้าสีได้ต่อ แต่ด้วยในวันที่ไปช่วงเวลาของแสงไม่ค่อยดีเลยไม่เห็นเป็นห้าสี
ทะเลสาบห้าสี
หลังจากเที่ยวชมเสร็จก็ได้เวลาต้องเดินทางกลับ นอกจากที่เราจะประทับใจในความสวยงามของธรรมชาติแล้ว เรายังจะได้ความภูมิใจในตัวเองด้วยนะที่เราสามารถเดินเท้าขึ้นมาถึงที่นี่ได้ เพราะระหว่างทางที่มานั้นต้องสู้กับใจตัวเองตลอดเวลากับความเหนื่อยล้าที่ต้องเจอ ทางก็เดินลำบาก ม้าก็ต้องหลบ หายใจก็ไม่ทัน ใช้ออกซิเจนจนหมดกระป๋องเลยทีเดียว ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีแผนจะมาที่นี่ก็ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมนะครับ ไม่งั้นอาจจะเดินไม่ไหวก็ได้ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ครับ
@ ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง
โฆษณา