4 ก.ค. 2020 เวลา 02:30 • บันเทิง
คำเตือน บทความนี้อาจจะมีการสปอยด้วยนะครับ
ภาพจากหนังเรื่อง Brain on fire
โดยหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของคนจริง ๆ เป็นนักข่าวดาวรุ่งของอเมริกา
เรื่องราวดำเนินอย่างเรียบง่ายครับ นางเอก เป็นหญิงสาวสวยน่ารัก เรียนจบมาใหม่ ๆ ได้เข้าทำงานตามที่ตัวเองฝันไว้ มีเพื่อนร่วมงานที่ดี หัวหน้าก็ดี มีแฟนหนุ่มที่รักกันมาก ครอบครัวของเธอถึงพ่อแม่จะแยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ แต่ก็ยังเป็นครอบครัวที่อบอุ่น (คือเมืองนอกถึงจะหย่าร้างกันไปมีคนใหม่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีกัน ไปมาหาสู่กันได้ครับ เขาไม่ถือ)
ฟังดูชีวิตของเธอจะสวยงาม และน่าอิจฉาเป็นที่สุด แต่ในวันนึง ชีวิตของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอเริ่มปวดหัว เริ่มมีอาการแปลก ๆ หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับเธอ ทำให้เธอทำงานผิดพลาด เธอไปหาหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียดแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
อาการแปลก ๆ ที่เธออธิบายไม่ได้ เริ่มหนักขึ้นทุกวัน ในขณะที่เธอก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร คนรอบตัวเธอทุกคนก็ไม่เข้าใจเธอเช่นกัน
สุดท้ายเราก็ได้รู้ว่าที่แท้แล้ว อาการประหลาดที่เธอเป็นเกิดจากการที่เธอป่วยเป็นโรคทางระบบประสาท ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทำให้ไม่ว่าจะไปสแกนสมองหรือตรวจกับหมอคนใดก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่
โรคร้ายมันหนักข้อขึ้น จนทำให้เธอต้องนอนกลายเป็นผักไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้
และสิ่งเดียวที่ทำให้เธอกลับคืนมาได้อย่างช้า ๆ นั่นก็คือ กำลังใจที่ทุกคนมอบให้กับเธอ ไม่ว่าจะเป็นแฟนหนุ่ม เพื่อนหรือหัวหน้า รวมถึงครอบครัวของเธอ ไม่มีใครถอดใจ ไม่มีใครทอดทิ้งเธอ ทุกคนต่างอยู่เคียงข้างเธอและให้กำลังใจเธอแม้ในวันที่ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกต่อไป
หนังเรื่องนี้ให้ข้อคิดอย่างมากเลยครับ ถ้านางเอกไม่ได้กำลังใจจากทุกคน ถ้าทุกคนไม่เข้าใจเธอและทอดทิ้งเธอไป เธอคงจะไม่สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างแน่นอน
หนังเรื่องนี้แค่อยากจะบอกกับเราว่า กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผู้ป่วย โปรดอย่าทอดทิ้งใครบางคนไว้ข้างหลังด้วยเหตุผลว่าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเป็น
ยอมรับเถอะครับ ว่าบางครั้งแม้ว่าเราจะไม่ได้ป่วยเป็นอะไร เรายังต้องการกำลังใจจากใครสักคนเลย นั่นก็หมายความว่า หากใครก็ตามที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วย กำลังใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
กำลังใจเล็ก ๆ ของคุณ อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตใครบางคนไปได้ตลอดกาล...เป็นกำลังใจให้นะครับ^^
#บทสรุปฉบับแฮมแฮม
โฆษณา