27 มิ.ย. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
Jaymart ร้านขายมือถือหมื่นล้าน
“เจย์มาร์ท” เริ่มต้นธุรกิจจากการค้าขายโทรศัพท์มือถือ ผ่านระบบเงินสด เงินผ่อน และค้าส่ง มาตั้งแต่ปี 2531
ภายหลัง เป็นที่รู้กันดีว่าเจย์มาร์ท เพิ่มสินค้าเข้ามาในร้าน นั่นก็คือ ทีวี เครื่องเล่นวิดีโอ ตลอดจนเครื่องปรับอากาศ
ถึงกระนั้น เจย์มาร์ทก็ไม่ได้ค้าขายแค่สินค้าไอทีเสียทีเดียว เพราะในแต่ละปี เจย์มาร์ทมีรายได้รวมมากกว่าหมื่นล้าน ที่มาจากลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย
1
แล้วโมเดลการทำธุรกิจของเจย์มาร์ทจะน่าสนใจอย่างไร ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักกัน ?
Pic//itmoomoo.wordpress.com
ย้อนกลับไป 30 กว่าปีก่อน คู่สามีภรรยา คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และคุณยุวดี พงษ์อัชฌา ได้เริ่มต้นค้าขายธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดค้าโทรศัพท์กำลังเริ่มมีบทบาทในประเทศไทยพอดี
เจย์มาร์ทตั้งฐานการขาย และมีภาพลักษณ์แบรนด์ ผ่านห้างสรรพสินค้า พอเติบโตขึ้นในระดับหนึ่ง เจย์มาร์ทก็ได้ขยายสินค้าไปเป็นสินค้าไอทีรูปแบบอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น
ปัจจุบัน เจย์มาร์ทเป็นทั้งผู้นำร้านสินค้าไอที มีช็อปขายมือถือรวมกว่า 192 แห่งทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีศูนย์การค้าไอทีหรือ IT Junction อยู่ตามห้างบิ๊กซีต่าง ๆ มากกว่า 37 สาขา
แต่ที่น่าสนใจ พ่อค้าขายสินค้าไอทีแบรนด์นี้นั้น ยังเป็นนายหน้าค้าประกัน และยังลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ซึ่งธุรกิจประกันของเจย์มาร์ท ดำเนินการภายใต้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวิร์ค เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งเป็น..
Jmoney ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับคนมีรถ
Jaymart Insurance Broker เป็นนายหน้าค้าประกันต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ ประกันอุบัตติเหตุ บริการสินเชื่อ
ถึงกระนั้น เจย์มาร์ทก็ไม่ได้เป็นนายหน้าค้าประกันเสียทีเดียว เพราะยังมีบริษัทประกันเป็นของตัวเองในชื่อ “เจพี ประกันภัย” ด้วย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์..
เจย์มาร์ทรุกตลาดอสังหา มาตั้งแต่ปี 2555 โดยเริ่มต้นจากการก่อตั้งตลาดในชื่อ “J Market” ที่อยู่แถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน
ปัจจุบัน J Market ถูกขยายออกไป 4 สาขา ทั้งที่บางเขน ที่ราษฎรพัฒนา ที่ไทรม้า และที่ตลาดนัดเดินเพลิน
ไม่เพียงแค่นั้น เจย์มาร์ทยังได้เคยรุกตลาดค้าปลีกกลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ในชื่อ “The Jas” ที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 3 สาขา แถมล่าสุด พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของเจย์มาร์ท ยังได้รุกเข้าสู่กลุ่มโครงการคอนโดชื่อ “นีเวร่า” ที่เป็นคอนโดรูปแบบ Low Rise ขนาด 8 ชั้น
ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเพียงโมเดลการลงทุนในธุรกิจคร่าว ๆ ภายในบริษัทเจย์มาร์ท ซึ่งนอกจากจะค้าไอที ค้าประกัน ค้าอสังหา บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจอาหารเพิ่มด้วย นั่นก็คือ ร้าน “Casa Lapin” และ “Rabb Coffee”
รู้ไหมสิ่งที่น่าสนใจในกลยุทธ์ของบริษัทนี้ นั้นคืออะไร ?
 
ถ้าหากมองให้ลึก ๆ เจย์มาร์ทดำเนินธุรกิจแทบทุกประเภทด้วยการผสานจุดแข็งของทุกกิจการเข้าไว้ด้วยกัน เพราะทุกกลุ่มธุรกิจที่เจย์มาร์ทเข้าลงทุน มักจะรองรับซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
แต่ถึงกระนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่ในตอนนี้ ก็ยังต้องประสบกับภัยพิบัติทางเศรษฐกิจอยู่ดี แม้บริษัทจะตั้งเป้าทำกำไรเพิ่มขึ้น 25% จากเดิมก็ตาม
แล้วถามว่าที่ผ่านมา เจย์มาร์ทผลิตเม็ดเงินได้เท่าไหร่ต่อปี..
ปี 2560 มีรายได้ 13,237 ล้านบาท กำไร 490 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 12,895 ล้านบาท กำไร 277 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 11,927 ล้านบาท กำไร 534 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยความน่าสนใจ
เจย์มาร์ทเป็นแบรนด์ค้าปลีกไทยแท้ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี และตอนนี้ เรากำลังจะได้เห็นทายาทรุ่นสอง.. ขึ้นมาสานต่อธุรกิจมูลค่า หมื่นล้าน..
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
โฆษณา