2 ก.ค. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
WireCard บริษัทที่เงินหาย 400,000 ล้าน ภายในไม่ถึงสัปดาห์
1
Wirecard เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมณี ประกอบธุรกิจด้านการประมวลผลทางธุรกรรม โดยถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 21 ปีก่อน เริ่มจากการเป็น ผู้ให้การประมวลผลการจ่ายเงินออนไลน์ เป็นซัพพลายเชนเชื่อมระหว่าง ลูกค้า ร้านค้า และธนาคาร แถมบริษัทนี้ยังเป็นผู้ให้บริการออกบัตรเดบิตและบัตรเครดิตด้วย
Wirecard มีรายได้มาจากค่าคอมมิชชั่น เมื่อร้านค้าที่ใช้บริการสามารถขายสินค้าได้ นอกจากนี้ยังขายการบริการอื่น ๆ เช่นระบบการวิเคราะห์ธุรกรรมให้กับลูกค้าองค์กร โดยลูกค้าเหล่านั้น สามารถเอาข้อมูลไปใช้เพื่อเพิ่มยอดขาย และตามเทรนด์ของลูกค้าได้
รู้ไหม Wirecard มีลูกค้ามากกว่า 300,000 รายทั่วโลก รวมแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Tencent Apple และ Google สร้างรายได้จากการเป็นสื่อกลางธุรกรรมได้อย่างมหาศาล ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก
แต่ทว่า บริษัทนี้กลับกลายเป็นผู้ฉ้อโกง และมีรายได้หายไปถึงหลักแสนล้าน ในช่วงเวลาแค่ช่วงข้ามคืน
เรื่องราวดังกล่าวจะน่าสนใจอย่างไร ผู้เขียนจะพาไปหาคำตอบกัน..
Pic// CNBC
ธุรกิจของ Wirecard เติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี 2000 โดยการเข้าไปเป็นตัวกลางชำระเงินสำหรับเว็บพนันและเว็บสำหรับผู้ใหญ่
โดย Wirecard เริ่มขยายสู่ธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2006 ทำให้เป็นดั่งลูกครึ่งทางการเงิน ทั้งรับชำระออนไลน์และออฟไลน์ ที่โลกต่างก็จับตามอง
เข้าสู่ปี 2007 บริษัทเติบโตจนขยายกิจการไปยังเอเชียแปซิฟิค ก่อนจะขยายไปในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ ตรุกี และสหรัฐฯ
รู้ไหม พวกเขาสามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง จากการเทคโอเวอร์กิจการอื่น ๆ
แถมตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา Wirecard มีผลกำไรก่อนหักภาษี โตแบบก้าวกระโดดมากกว่า 30% ในทุกปี
ที่น่าสนใจคือเป็นหุ้นที่มีมูลค่ากิจการสูง ซึ่งสูงกว่ากิจการธนาคารใหญ่ ๆ ของเยอรมณีเสียอีก..
ก้าวเข้าสู่ปี 2008 บริษัทมีอายุเพียงแค่ 9 ขวบ แต่นักลงทุนสัญชาติเดียวกัน เริ่มออกมาโจมตี ถึงงบการเงินที่น่าสงสัยของบริษัท
จนต้องมีบริษัทสอบบัญชียักษ์ใหญ่อย่าง EY เข้ามาตรวจสอบ แล้วรองรับงบการเงินในภายหลัง ทำให้ Wirecard รอดพ้นจากการจับกุมครั้งนั้นมาได้
กระทั่งปี 2015 ก็เริ่มมีบทความออกมาโจมตี Wirecard อีกครั้ง ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยถึงเงินมหาศาลกว่า 8,000 ล้านบาท ที่หายไปบนบันทึกการเงิน
แต่ในภายหลัง Wirecaed ก็กลบกระแสดังกล่าวด้วยการเข้าซื้อธุรกิจชำระเงินในอินเดีย มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
ปี 2015-2019 ก็เริ่มมีการพูดถึง Wirecard ในแง่ลบอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งนักลงทุนออกมาเปิดเผยว่าบริษัทอาจจะเข้าข่ายฟอกเงิน ทว่านักลงทุนเหล่านั้นก็โดน Bafin ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมการเงินของเยอรมณีตรวจสอบกลับเสียเอง
ไม่นับรวม ครั้งที่สื่อการเงิน ตั้งข้อสังเกตถึงงบรายได้ ที่มาแบบผิดปกติ แถมยังมีการตรวจสอบสำนักงานที่สิงคโปร์ ถึงความข้องเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
เช่น การให้บริษัทในเครือบริษัทหนึ่ง ไปจ้างงานกับอีกบริษัทหนึ่ง แล้วพักเงินเอาไว้สักพัก ก่อนที่จะให้บริษัทที่ว่าจ้าง ไปจ้างบริษัทลูกในอีกประเทศ ซึ่งจะทำให้เงินก้อนเดียว มีการรับรู้ 2 รอบ และเป็นการตบตาว่าเงินก้อนนี้นั้นมีอยู่จริง
ประเด็นดราม่าครั้งนั้น เป็นที่พูดถึงในฟิลิปปินส์จนสื่อต้องเข้าไปทำข่าว ถึงได้รู้ว่าที่ตั้งสำนักงานที่ว่าจ้างนั้นเป็นเพียงโกดังของชาวประมง ไม่ได้เป็นออฟฟิศ ไม่ได้มีพนักงาน ซึ่งเจ้าของโกดังยังไม่รู้เห็นด้วยซ้ำว่าที่ตั้งของตัวเอง ถูกนำไปกล่าวอ้างจัดตั้งบริษัท
แม้จะมีการฟ้อง Wirecard แต่ผู้บริหารก็ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แถมยังฟ้องกลับสื่อดังกล่าวนั้นในทันที
มิหนำซ้ำ บริษัทสอบบัญชีอย่าง EY ก็ให้การรับรองความถูกต้องของงบการเงินเรื่อยมา จนหน่วยงานดูแลด้านการเงินของเยอรมณี ปักใจเชื่อมั่น Wirecard จนมากเกินไป
กระทั่ง 16 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดดราม่าด้านการเงินของ Wirecard อีกครั้ง ครั้งนี้บริษัทได้เพิ่มผู้สอบบัญชีอีกหนึ่งแห่งมาตรวจสอบเพิ่มเติมพิเศษ โดยให้ KPRG ยืนยันว่าถูกต้องจริง
คำตอบที่ได้จาก KPMG คือไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ ขณะที่ทางธนาคารในฟิลิปปินส์ก็แจ้งต่อบริษัทตรวจสอบบัญชี EY เพิ่มเติมว่าหลักฐานทางการเงิน 65,000 ล้านบาท น่าจะเป็นของปลอม ซึ่งทางธนาคารไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของเงินดังกล่าว
สองวันถัดมา Wirecard ก็ไม่หลุดพ้นจากเส้นตายของตนเอง และได้ออกมายอมรับว่าเงิน 65,000 ล้านบาทนั้นหายไป
จนเกิดเป็นคำถามมากมาย ว่าเงินก้อนนั้นหายไปไหน บริษัททุจริต หรือมีการตกแต่งบัญชี จนเกิดเป็นดราม่าทางการเงินครั้งใหญ่ ชั่วข้ามคืน หุ้นของ Wirecard ตกลงทันทีกว่าร้อยละ 70 จากราคา 104 ยูโรต่อหุ้น เหลืเพียง 39 ยูโรต่อหุ้น
ไม่ถึง 1 สัปดาห์ให้หลัง หุ้นก็ตกลงไปอีก เหลือเพียง 1.28 ยูโรต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าบริษัทที่หายไปมากถึง 400,000 ล้านบาท
ซีอีโอลาออกจากตำแหน่งในทันที ก่อนที่จะถูกจับกุมในเวลาต่อมา และล่าสุด Wirecard ก็เข้าสู่กระบวนกรล้มละลายในวันที่ 25 มิถุนายน
สิ้นสุดบริษัทด้านการเงินที่สามารถเติบโตได้เร็วที่สุดในเยอรมณี และกลายเป็นผู้ฉ้อโกงทันทีในชั่วข้ามคืน..
2
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
โฆษณา