5 ส.ค. 2020 เวลา 12:43 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ECONOMY : FED กำลังคาดการณ์ถึงความมุ่งมั่นครั้งใหญ่ที่จะปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้ราคาทองคำพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลอีกครั้ง
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับใช้มาตรการทางการเงินในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจเป็นการผูกมัดนโยบายไว้กับอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในอีกหลายปีข้างหน้า เนื่องจากพวกเขากำลังแสวงหาวาระการประชุมที่จะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อให้มีระดับสูงขึ้น และการทำให้การจ้างงานฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่
แถลงการณ์ล่าสุดของเจ้าหน้าที่ FED รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดจากผู้มีประสบการณ์และนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะต้องเพิ่มเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นกว่าระดับมาตรฐานของธนาคารกลางที่ 2%
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คงต้องทำตามคำมั่นที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ระดับต่ำจนถึงเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่พวกเขาต้องการ โดยอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ใกล้ระดับ 1% และอัตราว่างงานกำลังอยู่ในระดับสูงกว่าระดับที่เคยเห็นมานับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) เมื่อช่วงปี 1930 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า FED จะใช้เวลาถึงหลายปีในการบรรลุเป้าหมายของพวกเขา ขณะที่การเริ่มต้นของนโยบายดังกล่าวคาดว่าจะประกาศออกมาในเดือนกันยายนนี้
ตลาดกำลังคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้แนวทางที่ผ่อนคลายเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยใช้ในวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เมื่อปี 2008 (Great Recession)
Krishna Guha หัวหน้าฝ่ายนโยบายทั่วโลกโลกและกลยุทธ์ของธนาคารกลาง (head of global policy and central bank strategy) แห่งบริษัท Evercore ISI. กล่าวว่า
"เรายังคงเชื่อมั่นว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ่ง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ FED ตัดสินใจกระทำบางอย่างซึ่งแตกต่างออกไปจากแนวทางเดิมในวัฏจักรเศรษฐกิจที่เคยเป็นมา"
"นี่จะเป็นการปรับใช้นโยบายที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงการกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงกว่าที่พวกเขาเคยทำเมื่อปี 2008 ซึ่ง ณ ตอนนั้นได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับ 0% เป็นระยะเวลาถึง 6 ปี แม้ว่าวิกฤต Great Recession จะจบลงไปแล้วก็ตาม"
การเดิมพันหมดหน้าตักกับอัตราเงินเฟ้อ นั้นหมายความว่า FED จะชะลอการกำชับนโยบายทางการเงินของพวกเขาเมื่อเห็นอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
Powell และเพื่อนร่วมงานของเขาเคยประสบความลำบากในปี 2018 เมื่อพวกเขาประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ต้องยกเลิกมาตรการเหล่านี้ไป เนื่องจากพวกมันไม่อาจตอบสนองความต้องการของตลาดได้
FED และธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ ทั่วโลกได้พยายามที่จะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อมาเป็นเวลาหลายปี ภายใต้เหตุผลที่ว่า "ระดับราคาที่ต่ำนั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจที่กำลังเจริญเติบโต" นอกจากนี้พวกเขายังกังวลว่าการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัญหาที่หล่อเลี้ยงตัวเองจนเติบโตกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Robert Kaplan และ Charles Evans ประธานของ FED ประจำ Dallas และ Chicago ได้แสดงการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวในระดับต่าง ๆ โดยเฉพาะ Charles Evans ที่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมจนถึงอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นไปถึง 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
Ed Yardeni หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท Yardeni กล่าวว่า
"เราเชื่อว่านโยบายของ FED ในอนาคตจะเป็นการยอมรับอัตราเงินเฟ้อที่ 2-4%"
อนึ่งแล้วนั้น แน่นอนว่านโยบายนี้ของ FED จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการลงทุนทั่วโลก โดย ED Yardeni กล่าวว่านี่จะเป็นปัจจัยเสริมให้แก่ความเป็นตลาดกระทิงอย่างแข็งแกร่งในสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้นที่กำลังเติบโต และโลหะมีค่าอย่างเช่น ทองคำ หรือ Silver
ขณะที่ Krishna Guha กล่าวว่าความเคลื่อนไหวของ FED ครั้งนี้จะทำให้เราได้เห็นว่า
1. อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
2. เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
3. ความผันผวนในตลาดลดลง
4. การปล่อยสินเชื่อลดลง
5. ราคาหุ้นสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็ได้เดิมพันอย่างเต็มที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งทำให้การลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นจนถึงระดับ All Time High เหนือ 2,000 $/Oz
นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินไหลเข้าสู่พันธบัตรและกองทุนประเภท TIPS ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์และ 1.5 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน โดย TIPS หรือ Treasury Inflation Protected Securities นั้นมีความหมายตรงตัวว่ามันคือสินทรัพย์ที่ป้องกันอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความคิดเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งกล่าวโดย Peter Boockvar หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบริษัท Bleakley Advisory Group ความว่า
"หากมีบทเรียนใดที่ธนาคารกลางทั่วโลกควรจดจำ นั่นก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่า การตั้งเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การกระทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก"
"แค่การจัดการกับอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เป็นการกระทำที่มีความหมายหรือนัยสำคัญมากเพียงพอที่จะทำให้คุณจะสามารถผลักดันอัตราเงินเฟ้อขึ้นไปสู่ระดับที่ต้องการ"
นอกจากนี้เขายังได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ในช่วงที่อัตราว่างงานกำลังอยู่ในระดับสูงมาก ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ยังตกอยู่ในอันตราย โดยกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่มีความสมเหตุสมผลใด ๆ ทางเศรษฐกิจเลย
"ผู้บริโภคกำลังอ่อนแออย่างมาก และสิ่งสุดท้ายที่เราควรทำก็คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายหรือค่าครองชีพของพวกเขาให้สูงขึ้น"
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา